วันนี้ (วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562) เวลา 17.00 น. ณ ห้อง Sapphire 203 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และนายชินโซะ อาเบะ (Shinzo Abe) ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 22 ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
การประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 22 เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจ และเป็นความห่วงกังวลร่วมกัน โดยมีผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าร่วมการประชุม
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับญี่ปุ่นสำหรับรัชสมัย “เรวะ” และกล่าวต้อนรับ สู่การประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 22 ซึ่งนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของอาเซียน-ญี่ปุ่น ไทยชื่นชมบทบาทของญี่ปุ่นในภูมิภาค โดยเมื่อปีที่ผ่านมา อาเซียนและญี่ปุ่นได้รับรอง “แถลงการณ์ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ ครั้งที่ 21 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 45 ปีแห่งมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น”เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันซึ่งนำไปสู่ความยั่งยืนในภูมิภาคในทุกมิติ ในฐานะประธานอาเซียน ไทยประสงค์ที่จะเห็นความยั่งยืนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของอาเซียนและญี่ปุ่น และเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่สนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทย สนับสนุนข้อริเริ่มที่เกี่ยวกับความยั่งยืน และสนับสนุน “ศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม” “คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียน” และ “ศูนย์ความร่วมมือ อาเซียน-ญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”
นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับญี่ปุ่นต่อความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำ G20 ที่นครโอซากา โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนการสอดประสานระหว่างข้อริเริ่มของอาเซียนกับกรอบความร่วมมืออื่น ๆ รวมทั้ง G20 เพื่อพัฒนาไปสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในมิติต่าง ๆ อย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีหวังว่าอาเซียนและญี่ปุ่นจะร่วมมือกันเสริมสร้างความเชื่อมโยงสีเขียว ทั้งกับอาเซียนและกับอนุภูมิภาค รวมถึงกรอบ ACMECS ด้วย และหวังว่าจะเห็นโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ ความเชื่อมโยงความร่วมมือทางทะเล และการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกลไกที่มีอาเซียนเป็นแกนนำ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของภูมิภาค
ที่มา: http://www.thaigov.go.th