วันนี้ (11 พ.ย. 62) เวลา 09.30 น. ณ โรงยิมเนเซี่ยม องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ จำนวนกว่า 3,000 คน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โอกาสนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) ตามนโยบายของรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมแก่นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนแก่ผู้แทนชุมชน โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสือครั้งนี้ด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนชาวราชบุรีตอนหนึ่งว่า วันนี้รัฐบาลโดย คทช. พยายามจัดหาที่ดินทำกินให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาความยากจน พร้อมทั้งขอให้ช่วยกันปลูกไม้มีค่า ซึ่งสามารถแปลงเป็นทรัพย์สินที่ในอนาคตให้ลูกหลาน ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ และคนในท้องถิ่นได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนร่วมกันได้ พร้อมฝากประชาชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ ไม่ให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าและที่ดินโดยผิดกฎหมาย สำหรับการทำการเกษตรก็ต้องเป็น smart farmer รู้จักใช้เทคโนโลยี ปลูกพืชที่ตรงกับความต้องการของตลาด มีการใช้น้ำอย่างมีคุณค่า โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันให้การทำการเกษตรกรเป็นอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่เพียงพอกับการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้ จังหวัดราชบุรียังมีศักยภาพทั้งการเกษตร รวมทั้งการทำโอ่งและเซรามิก สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิตลาดน้ำดำเนินสะดวกและตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก ก็ขอช่วยกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ ให้เป็นต้นแบบการท่องเที่ยววิถีคลอง เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน ช่วยกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีขอยืนยันประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศ ต้องได้รับประโยชน์จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม ผ่านมาตรการและโครงการต่างๆ เช่น โครงการ ชิม ช้อป ใช้ ที่ประสบความสำเร็จมีประชาชนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช่วยเหลือSMEs การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ และมาตรการสินเชื่อผ่อนปรน เพื่อสนับสนุนSMEs และนโยบายการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นต้น ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณลงไปพัฒนาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องและตรงกับความต้องการของท้องถิ่น โดยนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงในช่วงท้ายถึงความสำคัญของการศึกษา ซึ่งเด็กและเยาวชนศึกษาในสาขาวิชาที่ตรงกับความต้องการของตลาด สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศ เพื่อช่วยลดการขาดแคลนแรงงานในประเทศ รวมทั้งกล่าวฝากถึงการใช้เทคโนโลยีและโชเชียลให้เกิดประโยชน์และรู้เท่าทัน
โดยก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าเวลา นายกรัฐมนตรีและคณะ ยังได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจภูมิประเทศเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โครงการทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อสามแยก วังมะนาว – บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 (จุดเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ-ภาคใต้ และภาคตะวันออก-ภาคตะวันตก) บริเวณสามแยกวังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ระยะทางประมาณ 36.8 กิโลเมตร เพื่อบรรเทาและลดปัญหาการจราจร ติดขัดบนทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก โดยแบ่งการดำเนินเป็น 3 ตอน ประกอบด้วยการก่อสร้างถนนใหม่ และการขยายช่องจราจรทางหลวงสายเดิม ขณะนี้โครงการอยู่ในขั้นตอนการแก้ไขรายงาน EIA กำหนดเปิดให้บริการในปี 2568
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้ำ “วิถีคลอง วิถีไทย” ณ ต.ดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ต่อไป
------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th