วันนี้ (วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562) เวลา 11.40 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครปูซาน) ณ อาคารการประชุม ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนครปูซาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานร่วมกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี การแถลงข่าว (Joint Press Conference) ของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 1 โดยศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลีที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศฉันท์มิตรและประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทุกประเทศสมาชิกยืนยันสนับสนุนความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดจากการประชุมสุดยอดอาเซียน–สาธารณรัฐเกาหลี และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐเกาหลีและสมาชิกลุ่มน้ำโขงขึ้นสู่ระดับสูงสุด นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานร่วมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผลสำเร็จในวันนี้
ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่ากรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง–สาธารณรัฐเกาหลีเป็นความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคที่มีกลไกการทำงานที่เป็นระบบ และมีพลวัตมากที่สุดกรอบหนึ่ง ชื่นชมสาธารณรัฐเกาหลีที่ประกาศเพิ่มเงินทุนในกองทุนความร่วมมือลุ่มน้าโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี เป็น 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงขอบคุณรัฐบาลเกาหลีที่เป็นประเทศแรกที่ประกาศสนับสนุนเงินจานวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกองทุนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS ในโอกาสนี้ ประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาแม่น้ำโขง-แม่น้ำฮัน ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบระหว่างนโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southern Policy) ของสาธารณรัฐเกาหลี และแผนแม่บท ACMECS ของประเทศลุ่มน้ำโขงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในเรื่องของประชาชน (People) สนับสนุนความร่วมมือด้านการศึกษา สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษาไทยและสาธารณรัฐเกาหลีให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ทุกปี หรือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในระยะ 5 ปี รวมถึงการดำเนินโครงการปีแห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษา ในปี 2564 ซึ่งจะฉลองครบรอบ 10 ปี ของความร่วมมือ ตลอดจนนายกรัฐมนตรีย้ำถึงการดูแลประชาชนในช่วงการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
เรื่องความเจริญรุ่งเรือง (Prosperity) นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าความเชื่อมโยงในทุกมิติเป็นปัจจัยสำคัญต่อความเติบโตทางเศรษฐกิจ การเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต นายกรัฐมนตรีจึงเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อสนับสนุนความสามารถด้านดิจิทัลแก่ประเทศลุ่มน้ำโขง เพื่อความสามารถในการเข้าสู่ตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสภาธุรกิจฯ จะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
เรื่องสันติภาพ (Peace) ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กระทบต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ได้แก่ ปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำ และปัญหาภัยพิบัติ นายกรัฐมนตรีเสนอให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศที่ทันสมัยของสาธารณรัฐเกาหลีในการพยากรณ์สภาวะน้ำท่วมและภัยแล้งในระยะยาวเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พร้อมทั้งช่วยกันรักษาป่าอาเซียน ปลูกป่าอาเซียน และร่วมกันบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงเพื่อความมั่นคงยั่งยืนตลอดไป
นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ ย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค โดยยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและพันธกรณีระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้กับเวียดนามและสาธารณรัฐเกาหลีที่จะเป็นประธานร่วมกันในการประชุมปีหน้า
การแถลงข่าวร่วมฯนี้ นับเป็นภารกิจสุดท้ายสำหรับการเข้าร่วมการประชุม ASEAN - ROK และการประชุม Mekong-ROK ในการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีครั้งนี้ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางกลับประเทศไทย โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ในเวลา 18.30 น.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th