วันนี้ (13 ธันวาคม 2562) เวลา 09.00 น. ณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ณ จังหวัดนครปฐม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองฯ ระยะทางรวม 96 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับภาคตะวันตก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ให้เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบเงินค่าเวนคืนที่ดินเพื่อเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองฯ จำนวนทั้งสิ้น 10 ราย วงเงิน 99.91 ล้านบาท
สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี เป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยได้รับการบรรจุในแผนมาตรการเร่งรัดการลงทุน Action Plan ของกระทรวงคมนาคม โดยการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี จะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2566 มีจุดเริ่มต้นที่จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ด้านตะวันตกกับถนนรัตนาธิเบศร์ บริเวณทางแยกต่างระดับบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 324 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดโครงการ ผ่านพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และกาญจนบุรี ปัจจุบันกรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างงานโยธาซึ่งแบ่งออกเป็น 25 สัญญา เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบปะกับพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม เพื่อมามอบค่าเวนคืนที่ดินและตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาโครงข่ายถนนเชื่อมโยงเมืองหลักในภูมิภาคและเส้นทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางและการขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัย ตลอดจนส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในภูมิภาค
รวมถึงให้ความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พี่น้องประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและมีหน้าที่ที่จะต้องเยียวยาพี่น้องประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือไม่ให้ได้รับผลกระทบเลย โดยตระหนักว่าทุกคนคือผู้เสียสละ ทำให้โครงการสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม พร้อมเน้นย้ำให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินเวนคืนให้ประชาชนอย่างสุจริตโดยเร็วที่สุด พร้อมกำชับให้เร่งก่อสร้างทางหลวงพิเศษฯ ให้แล้วเสร็จก่อนแผนที่กำหนดไว้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ผู้ที่ได้รับเงินเวนคืน ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ มีการวางแผนการใช้เงินให้คุ้มค่า อย่างพอเพียง ก่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้ต้องเริ่มสร้างอนาคตเพื่อลูกหลาน ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ขอให้ทุกคนปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมกล่าวขอบคุณกระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และฝากให้ทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วน ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างมุ่งมั่นจริงจัง ให้ผลการดำเนินงานมีความต่อเนื่อง เกิดผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และในโอกาสใกล้ปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีแห่งองค์พระปฐมเจดีย์ รวมถึงบารมีของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีกำลังกายกำลังใจที่เข้มแข็งเพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีทำพิธี “Restart เดินหน้าก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี” เสร็จแล้ว ได้เดินพบปะทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
---------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th