วันนี้ (27 ธ.ค.62) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กปน.) ครั้งที่5/2562 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เข้าร่วมด้วย
โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤศจิกายน 2562 มีจำนวน 412,860 ตัน ลดลงจากสต็อกคงเหลือ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งมีจำนวน 476,245 ตัน หรือลดลงร้อยละ 13.30 ขณะที่ปริมาณน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ มีจำนวน 43,109 ตัน และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ มีจำนวน 21,233 ตัน ส่วนผลปาล์มทะลายที่เข้าสู่โรงงานสกัดฯ ก็มีปริมาณลดลง ทำให้การรับซื้อผลปาล์มทะลายมีการแข่งขันสูง เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในส่วนของด้านพลังงานจากมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วของกระทรวงพลังงาน ตามนโยบายรัฐบาล
จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา โดย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2562 ราคาผลปาล์มทะลาย (18%) ในแหล่งผลิตสำคัญ (จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร) อยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.10 – 5.90 บาท และราคาน้ำมันปาล์มดิบ ตลาดกรุงเทพฯ อยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 – 32.50 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.70 – 4.60 บาท และ 22.50 – 23.00 บาท ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบัน (18 ธ.ค.62) ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย อยู่ที่ กก.ละ 20.92 บาท ต่ำกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทย กก.ละ 11.08 – 11. 58 บาท ส่วนราคาน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ณ ตลาดกรุงเทพฯ ก็ปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน จากกิโลกรัมละ 24.50 – 25.50 เป็นกิโลกรัมละ 32 – 35 บาทในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้ สถานการณ์อุปทานผลปาล์มทะลายมีแนวโน้มออกสู่ตลาดลดลงต่อเนื่องถึงช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้ กนป. จะได้มีการพิจารณาแนวทางการบรรเทาปัญหาด้านอุปทานและราคาที่เหมาะสม เพื่อมิให้กระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ตลอดจนภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้บริโภค
สำหรับการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ได้เปิดสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 10 เป็นครั้งแรก และให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ที่ 1 บาทต่อลิตร และในวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ที่ 2 บาทต่อลิตร จึงวันที่ 22 ธันวาคม 2562 ปัจจุบัน (1 – 22 ธ.ค.62) มีปริมาณการจำหน่าย 520,000 ลิตรต่อวัน และคาดว่าจะมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากดำเนินมาตรการต่อไปนี้ (1) วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ประกาศให้ บี100 ที่ใช้ผสมในน้ำมันดีเซลเหลือชนิดเดียว (2) วันที่ 1 มกราคม 2563 ให้ทุกคลังน้ำมันผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 และ (3) วันที่ 1 มีนาคม 2563 ให้มีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 จำหน่ายทุกสถานีบริการน้ำมัน
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม เพื่อควบคุมกำกับดูแลการนำเข้าน้ำมันปาล์มในระบบปกติ การลักลอบนำเข้า รวมทั้งการถ่ายลำผ่านแดนไปประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบก และทางน้ำ เพื่อป้องปรามการนำสินค้าที่ผ่านแดนมาใช้หรือจำหน่ายภายในประเทศ โดยที่ประชุมเห็นชอบการกำหนดด่านนำเข้าและนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ดั้งนี้ 1) ด่านนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม จำนวน 3 ด่าน ได้แก่ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง 2) ด่านนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ด่านต้นทาง จำนวน 1 ด่าน คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และกำหนดด่านปลายทางสำหรับการนำผ่านน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มไปยังแต่ละประเทศ ดังนี้ (1) กำหนดด่านศุลกากรจันทบุรี เป็นด่านปลายทางไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา (2) กำหนดด่านศุลกากรหนองคาย เป็นด่านปลายทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และ (3) กำหนดด่านศุลกากรแม่สอด เป็นด่านปลายทางไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทั้งนี้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังดำเนินการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้บังคับต่อไป โดยให้รับข้อเสนอแนะของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไปด้วย
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th