นายกรัฐมนตรีไทย-ลาว หารือโครงการฝายไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขง การสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 และ 4 และร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ
วันนี้เวลา 12.55 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทร์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ลานพิธีหอสภาแห่งชาติ โดยมีนายบัวสอน บุปผาวัน นายกรัฐมนตรีลาวให้การต้อนรับ เมื่อเสร็จพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอนุสาวรีย์นักรบนิรนามเพื่อวางพวงมาลา
จากนั้นเวลา 15.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ พบปะหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีลาว ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมลาวพลาซ่า ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก สรุปดังนี้
การเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและยาวนานระหว่างไทยและลาว ในฐานะมิตรประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ซึ่งการพบปะครั้งนี้มีการหยิบยกประเด็นต่างๆ ขึ้นหารือ ที่สำคัญคือ ไทยและลาวกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฝายไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงที่บ้านกุ่มน้อย เมืองชะนะสมบูน แขวงจำปาสัก ซึ่งถือเป็นความร่วมมือด้านไฟฟ้าและพลังงานที่สำคัญ
ในโอกาสนี้ ลาวได้แสดงความยินดีต้อนรับนักลงทุนจากไทย ซึ่งปัจจุบันลาวเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปทำธุรกิจถลุงเหล็กในลาว นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการเน้นย้ำความร่วมมือด้านการขยายการเชื่อมโยงเครือข่ายเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ที่ไทยยืนยันให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนงบประมาณ 1,400 ล้านบาท เพื่อให้เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว สู่ทางออกทะเลที่เวียดนามที่สั้นที่สุด และอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทั้งนี้ จะมีโครงการสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงราย-ห้วยทราย) อีกด้วย นอกจากนี้ ความร่วมมือ การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน เป็นการดำเนินการที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมมือกัน ซึ่งใกล้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2551 แล้ว
ส่วนปัญหาชาวม้งลาวลักลอบเข้าไทยโดยผิดกฎหมายนั้น ไทยกำลังดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับลาวโดยจะทะยอยส่งกลับตามกระบวนการต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้เป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ ระหว่างบริษัท Italian-Thai Development จำกัด มหาชน กับกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของลาว ซึ่งสนามบินปากเซจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทย-ลาว อีกทางหนึ่งด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการโยกย้ายผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมในการทำงานต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้เวลา 12.55 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทร์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ลานพิธีหอสภาแห่งชาติ โดยมีนายบัวสอน บุปผาวัน นายกรัฐมนตรีลาวให้การต้อนรับ เมื่อเสร็จพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอนุสาวรีย์นักรบนิรนามเพื่อวางพวงมาลา
จากนั้นเวลา 15.10 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ พบปะหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีลาว ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ณ โรงแรมลาวพลาซ่า ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก สรุปดังนี้
การเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและยาวนานระหว่างไทยและลาว ในฐานะมิตรประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ซึ่งการพบปะครั้งนี้มีการหยิบยกประเด็นต่างๆ ขึ้นหารือ ที่สำคัญคือ ไทยและลาวกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฝายไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงที่บ้านกุ่มน้อย เมืองชะนะสมบูน แขวงจำปาสัก ซึ่งถือเป็นความร่วมมือด้านไฟฟ้าและพลังงานที่สำคัญ
ในโอกาสนี้ ลาวได้แสดงความยินดีต้อนรับนักลงทุนจากไทย ซึ่งปัจจุบันลาวเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปทำธุรกิจถลุงเหล็กในลาว นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการเน้นย้ำความร่วมมือด้านการขยายการเชื่อมโยงเครือข่ายเส้นทางคมนาคม โดยเฉพาะการสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ที่ไทยยืนยันให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยฝ่ายไทยยินดีสนับสนุนงบประมาณ 1,400 ล้านบาท เพื่อให้เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว สู่ทางออกทะเลที่เวียดนามที่สั้นที่สุด และอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทั้งนี้ จะมีโครงการสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงราย-ห้วยทราย) อีกด้วย นอกจากนี้ ความร่วมมือ การสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน เป็นการดำเนินการที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมมือกัน ซึ่งใกล้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2551 แล้ว
ส่วนปัญหาชาวม้งลาวลักลอบเข้าไทยโดยผิดกฎหมายนั้น ไทยกำลังดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับลาวโดยจะทะยอยส่งกลับตามกระบวนการต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้เป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการปรับปรุงสนามบินปากเซ ระหว่างบริษัท Italian-Thai Development จำกัด มหาชน กับกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของลาว ซึ่งสนามบินปากเซจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทย-ลาว อีกทางหนึ่งด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการโยกย้ายผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมในการทำงานต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--