สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำปรึกษาและขอรับทราบนโยบายด้านต่างประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวินัย สะมะอุน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปากียา สนช. และคณะ จำนวน 10 คน เข้าเยี่ยมคารวะนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำปรึกษาและขอรับทราบนโยบายด้านต่างประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย หลังวันที่ 5 มีนาคม 2551 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺครั้งนี้ ขอให้คณะผู้ที่จะเดินทางใช้ความสัมพันธ์ด้านศาสนาประสานความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับประเทศซาอุดิอาระเบีย เช่น การสร้างความสัมพันธ์และเข้าใจอันดีระหว่างกันของประเทศไทยกับประเทศซาอุดิอาระเบีย ด้านเศรษฐกิจการค้าที่จะให้มีการเพิ่มปริมาณการซื้อขายระหว่างกันให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เป็นต้น พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลยินดีที่จะช่วยเหลือในการดำเนินการเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีอุปสรรคปัญหาก็สามารถประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้
นายวินัย สะมะอุน สนช. และคณะ ได้รับที่จะนำโยบายดังกล่าวไปดำเนินการ พร้อมขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อาทิ การขอเพิ่มบุคลากรที่จะช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมามีจำนวนน้อยมาก ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ที่เดินทางไป ขอให้รัฐบาลช่วยดูแลและแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของการจับกุมผู้ต้องสงสัยควรให้มีการสอบสวนให้ชัดเจนและใช้กระบวนการทางกฎหมายก่อนนำตัวไปดำเนินการด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
จากนั้น นายวินัย สะมะอุน สนช. และคณะ ได้มอบร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับศาสนามอิสลาม ซึ่งยกร่างโดยคณะกรรมาธิการศาสนาจริยธรรมศิลปะและวัฒนธรรม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้แก่รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและช่วยผลักดันให้เป็นกฎหมายต่อไปด้วย
สำหรับการเดินทางดังกล่าว เนื่องจากประเทศซาอุดิอาระเบียโดยองค์กรรอบิเฎาะฮฺอัลลาลัมอิสลาม (สันนิบาตมุสลิมโลก) ได้เชิญนักวิชาการมุสลิม และผู้นำมุสลิมประมาณ 10 คน เยือนประเทศดังกล่าว เพื่อประกอบพิธีอุมเราะฮฺ และเชื่อมความสัมพันธ์ด้านศาสนา โดยไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งปีนี้ ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปากียา เป็นหัวหน้าคณะในการเดินทาง โดยคณะประกอบด้วย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการอิสลามในระดับต่าง ๆ อิหม่ามมัสยิด นักวิชาการอิสระ และข้าราชการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวินัย สะมะอุน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปากียา สนช. และคณะ จำนวน 10 คน เข้าเยี่ยมคารวะนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำปรึกษาและขอรับทราบนโยบายด้านต่างประเทศ ก่อนที่จะเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย หลังวันที่ 5 มีนาคม 2551 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺครั้งนี้ ขอให้คณะผู้ที่จะเดินทางใช้ความสัมพันธ์ด้านศาสนาประสานความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับประเทศซาอุดิอาระเบีย เช่น การสร้างความสัมพันธ์และเข้าใจอันดีระหว่างกันของประเทศไทยกับประเทศซาอุดิอาระเบีย ด้านเศรษฐกิจการค้าที่จะให้มีการเพิ่มปริมาณการซื้อขายระหว่างกันให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เป็นต้น พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลยินดีที่จะช่วยเหลือในการดำเนินการเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีอุปสรรคปัญหาก็สามารถประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้
นายวินัย สะมะอุน สนช. และคณะ ได้รับที่จะนำโยบายดังกล่าวไปดำเนินการ พร้อมขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อาทิ การขอเพิ่มบุคลากรที่จะช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพ เช่น แพทย์ พยาบาล ฯลฯ ซึ่งปีที่ผ่านมามีจำนวนน้อยมาก ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ที่เดินทางไป ขอให้รัฐบาลช่วยดูแลและแก้ไขปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะในเรื่องของการจับกุมผู้ต้องสงสัยควรให้มีการสอบสวนให้ชัดเจนและใช้กระบวนการทางกฎหมายก่อนนำตัวไปดำเนินการด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
จากนั้น นายวินัย สะมะอุน สนช. และคณะ ได้มอบร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับศาสนามอิสลาม ซึ่งยกร่างโดยคณะกรรมาธิการศาสนาจริยธรรมศิลปะและวัฒนธรรม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้แก่รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาและช่วยผลักดันให้เป็นกฎหมายต่อไปด้วย
สำหรับการเดินทางดังกล่าว เนื่องจากประเทศซาอุดิอาระเบียโดยองค์กรรอบิเฎาะฮฺอัลลาลัมอิสลาม (สันนิบาตมุสลิมโลก) ได้เชิญนักวิชาการมุสลิม และผู้นำมุสลิมประมาณ 10 คน เยือนประเทศดังกล่าว เพื่อประกอบพิธีอุมเราะฮฺ และเชื่อมความสัมพันธ์ด้านศาสนา โดยไม่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งปีนี้ ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปากียา เป็นหัวหน้าคณะในการเดินทาง โดยคณะประกอบด้วย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการอิสลามในระดับต่าง ๆ อิหม่ามมัสยิด นักวิชาการอิสระ และข้าราชการ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--