แท็ก
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
นายสมัคร สุนทรเวช
กรมประชาสัมพันธ์
สนทนาประสาสมัคร
นายกรัฐมนตรี
ช่อง 11
นายกรัฐมนตรีเชิญชวนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว.พร้อมเล่าสารคดีเรื่องทุกข์ก็เป็นหนี้ และแนะนำวิธีแก้ทุกข์ให้ประชาชน
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
----------------------------
เชิญชวนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว.
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” กลับมาเหมือนเคยนะครับหลังพระเทศน์ วันนี้ท่านเจ้าคุณท่านผู้ช่วยวัดสุทัศน์เทพวรารามเชิญชวนไปลงเลือกตั้ง ผมก็ชวนเชิญครับ เมื่อวันที่ไปประชุมสภากลาโหม (28 ก.พ.) บอกกำลังพลทั้งหมดประกาศให้ไปลง แล้วแต่ไม่มีการเมืองเกี่ยวข้อง ใครจะลงใครตามใจชอบ ขอแรงนะครับ วันนี้ผมพูดเสร็จแล้วผมก็ไปลงคะแนน ธรรมดาลง 09.00 น. วันนี้ต้องไป 10.3 0 น. อยากจะเริ่มต้นอย่างนี้ครับ รายการจะเป็น 3 ท่อน ท่อนแรกจะเล่าให้ฟังว่าอาทิตย์ที่แล้วทำอะไรไปบ้าง ท่อนที่สองก็ต้องต่อว่าต่อขานนิดหน่อย เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างคนเป็นหัวหน้ารัฐบาลกับคนทำหน้าที่สื่อสารมวลชน สุดท้ายจะเป็นสารคดีเรื่องทุกข์ก็เป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์ ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนะครับ แต่จะเล่าให้ฟัง รอฟังตอนท่อนหลังด้วยนะครับใครเป็นหนี้
สื่อญี่ปุ่นสนใจการเมืองไทย
เริ่มต้นต้องเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ อาทิตย์ก่อนนี้พอเริ่มต้นก็ประเดิมดี ญี่ปุ่น 16 บริษัทแวะมาเยี่ยม คองเกรสแมนจากสหรัฐอเมริกามาคุย พอมาเสร็จ ญี่ปุ่นมาขอต่อเติม ท่านทูตบอกว่ามีสื่อมวลชน 17 สถาบันทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ 17 หน่วย ขอพบได้ไหม บอกได้ คุยกันขอ 1 ชั่วโมง ก็ให้ 1 ชั่วโมง 15 นาที พูดคุยเรียบร้อยดีครับ ญี่ปุ่นสนใจเรื่องการจะมาช่วยในลุ่มนี้ คือเดือนหน้าผมจะไปประชุมเรื่องเกี่ยวกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ญี่ปุ่นก็อยากจะมาช่วย เขาบอกทำไมไม่ชวนเขามาช่วยด้วย ผมก็บอกแปลกเหมือนกัน ญี่ปุ่นเพิ่งช่วยไป ประชุม 3 ประเทศเขาช่วยไป 20 ล้านเหรียญ เขาก็ถามมา ซักถามดีครับ แต่น่าประหลาดใจนิดหน่อย ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นสนใจการเมืองในเมืองไทยอย่างยิ่ง เสียเวลาตอบคำถามไปเยอะ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ เข้าพบ
ถัดไปสหรัฐอเมริกามาอีกแล้วครับ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก (พลเรือเอก Timothy Keating) แต่ก่อนเรานึกว่าเป็นกองทัพเรือที่ 7 คนนี้ใหญ่กว่ากองทัพเรือที่ 7 คือคุมทั้งหมดเลย และท่านเป็นทหารแต่งเครื่องแบบปกติขาวมาด้วย ท่านมาเยี่ยมเพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทีนี้ผมมีงานอื่นต่อ เลยบอกท่านแวะมาที่ทำเนียบรัฐบาลได้ไหม ทางฝ่ายทหารก็ดี จัดการโยกย้ายมาให้เสร็จเลย ก็คุยกันดีครับ คุยกันพอสมควรแก่เหตุ เรื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ เรื่องเรือรบ เขาเล่าให้ฟังว่าเราส่งเรือรบที่เขาอยากได้คืนกลับไป เรือรบหลวงคือ นาคา 400 ตันเท่านั้น เป็นเรือสำหรับช่วยยิงข้ามเวลาที่ยกพลขึ้นบก ผลิตออกมา 130 ลำ มาตกอยู่ประเทศไทยลำหนึ่ง 129 ลำจมหมดครับ สหรัฐอเมริกาอยากได้ ขอมา 10 ปีแล้ว เพื่อนผมบังเอิญเขาเป็นเพื่อนกับนายจอห์น แมคเคน ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พลเรือเอก ปรีดา การสุทธิ์ เขาเล่าให้ฟังว่าเพิ่งทำเสร็จเมื่อ 2 เดือนนี้เอง ตกลงคืนให้ไป ลากไปฮ่องกง แล้วลากออกไปส่งคืนที่ซานฟรานซิสโก ตกลงตราครุฑยังติดไว้ อะไรต่าง ๆ ทุกอย่างรักษาหมด เพียงแต่ธงไทยเปลี่ยนเป็นธงสหรัฐอเมริกา ชื่อเรือรบหลวงนาคา LSSL เลยคุยกับท่าน คุยกันไปคุยกันมา ท่านมาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแถวภูมิภาค ปัญหาในประเทศใหญ่ให้ผมออกความเห็น เลยปาฐกถาธรรมให้ท่านนั่งฟังข้างเดียว ก็สนุกดีเหมือนกัน เล่าให้มหาอำนาจขนาดใหญ่ฟังหน่อย เขาทำอะไรดี ๆ เยอะครับ แต่เขามาสะกิดใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เราเลยบอกว่าให้ทำดีมาตั้งเยอะ ทำไมไม่ภาคภูมิใจตรงนั้น จะมาเอาตรงนี้ ผมไม่เล่ารายละเอียด แต่คุยกันยาวเกินชั่วโมง
ประชุมสภากลาโหม
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผมมีประชุมสภากลาโหม ก็ไป 09.30 น. ประชุม คนสำคัญกลับมาก็ 09.40 น. ผมก็ไปนั่งประชุมกับทหารถึงเที่ยงกว่า คือผมไม่ได้เห็น ไม่ได้ดูเลย และผู้สื่อข่าวต้องให้ผมถามเรื่องพันอย่างนี้ ผมเลยมาอภัย ผมขึ้นรถ ขออภัยผู้สื่อข่าววันนั้นด้วยครับ คือตอบคำถามอะไรไม่ได้ เพราะนั่งประชุมกับเขาอยู่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็รู้ว่าจะต้องถูกถามอะไร เลยขึ้นรถเลย เขาก็โมโหนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ กันเอง
คณะกรรมาธิการยุโรปพร้อมขยายความร่วมมือกับไทย
พอเสร็จเรียบร้อยวันรุ่งขึ้น (29 ก.พ.) ตอนบ่ายคณะกรรมาธิการยุโรป (EU) มา ประธาน EU เขาผ่านมาทางนี้ ก็มาคุย คุยยาวเลยครับ มาแบบเดียวกันหมดเลย แต่ก็คุยกัน เราก็ให้ข้อมูลกับเขา ให้เขาคลายใจ และบางครั้งจะได้ช่วยเอื้อเฟื้ออะไรกันอย่างไรได้ บอกเลยคราวหน้าเดือนมิถุนายนจะต้องไปที่บรัสเซส บอกเดือนมิถุนายนต้องมีอะไรไปเล่าให้ฟังอีกเยอะ มีความคืบหน้าเยอะ ก็ดีครับ EU ก็หันกลับมา ตอนก่อนหันหลัง เดี๋ยวนี้หันหน้ามา สหรัฐอเมริกาแต่ก่อนหันหลัง เดี๋ยวนี้หันหน้า ญี่ปุ่นกับจีนหันข้าง เดี๋ยวนี้หันหน้ามาหมด ก็บอกแล้วว่า ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง เขาก็กลับมาเหมือนเดิม พอเหมือนเดิมก็เริ่มออกเดินหน้า ไม่ใช่ฝีไม้ฝีมืออะไรของผม เก่งกาจอะไรหรอกครับ มันเรื่องของการกลับมาสู่สภาพเดิม แล้วบ้านเมืองก็จะเดินหน้าต่อไป ท่านทั้งหลายที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ก็เข้าสภาพปกติ กลไกมันเข้าการเดินทาง ผมก็เป็นเพียงแต่ว่าคอยดูนโยบายเป็นคนถือหางเสือเท่านั้นครับ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาพบ
พอวันที่ 29 กุมภาพันธ์ จะไปลาว คนสำคัญมาอีก ชื่อนาย Christopher Hill ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ กิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก คนนี้ถ้าท่านดูข่าวต่างประเทศ คนนี้เก่งเจรจาความเรื่องนิวเคลียร์ที่เกาหลี มาเจรจาที่กรุงโซล พูดไปพูดมาเอา 6 หน่วยมาเจรจาความ คนนี้แหละครับเป็นตัวอย่าง ที่เขามีปัญหาข้างหน้าเรา เราบอกต้องคุยกับคนนี้ มาเลย Christopher Hill เดี๋ยวนี้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้นั่งคุยกัน ยาวเหมือนกันครับ บางทีเหมือนกับซ้ำซาก แต่ว่าคนละมุมคนละแง่ คนละประเด็น คนนี้เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย ก็เล่าให้ฟังได้เท่าที่จะเล่าให้ฟัง คือเขาสนใจเรื่องต่าง ๆ ผมก็ลำดับความให้ฟัง แต่ตอนลำดับความต้องชำเลืองดูกระทรวงการต่างประเทศ ท่านปลัดกระทรวงมานั่ง ท่านไม่คุยหรอกครับ ท่านคอยดูว่าผมจะมีอะไรบกพร่องอะไรไหม ก็เรียบร้อยดีครับ ขออนุญาตกระทรวงการต่างประเทศว่า อย่างนี้ออกความเห็นได้ไหม พูดกันก่อนนะ ท่านบอกขอบเขตตรงนี้ได้ เราก็คุย เพื่อให้แขกเมืองเขาเห็นว่า เรามีสติปัญญาความคิด รู้ตื้นลึกหนาบาง รู้ความเป็นมาเป็นไป คุณจะเอาของคุณอย่างนั้น เราบอกคุณต้องรู้ตื้นลึกหนาบาง บางทีอ้างบาลีให้อเมริกาฟัง จริงครับ ผมบอกเลยว่า “วิสาสา ปรมา ญาติ” ความได้สนทนาวิสาสะกันเป็นญาติอย่างยิ่ง ผมก็บอกคุณไปคุยที่เกาหลีจนกระทั่งสำเร็จ เกาหลีตกลง เรื่องนิวเคลียร์เบาบาง เรื่องอย่างนี้ต้องตั้งวงคุย มีข้อสนทนาเป็นที่เข้าใจกันอย่างดีว่า เราจะช่วยงานกันตามสมควร ตามประสาครับ เราอยู่ข้างรั้วติดกัน เขาอยู่ไกลคนละซีกโลก อะไร ๆ ก็กดดัน เราก็กดดันเหมือนกัน แต่เบา ๆ
เดินทางเยือนสปป.ลาวอย่างเป็นทางการ
ทีนี้ไปลาว เรียกลาว ต้องเรียนว่า สปป.ลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็ทำตามวิธี คือเป็นบททดสอบที่ 1 ผมเกิดมาก็ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี พอเป็นแล้วต้องเดินทางไปแสดงตัว มี 10 ประเทศอาเซียน ก็ต้องไป 9 ประเทศ ในเวลาอันรวดเร็วไม่ชักช้า ไปกัมพูชาคาบเกี่ยวเจอวันอังคารประชุมคณะรัฐมนตรี อังคารนี้จะขาดประชุมหนหนึ่ง นอกนั้นจะไปวันอื่น พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ เป็นคู่ ๆ งานสภาฯ ถ้าเผื่อเกี่ยวข้องก็ต้องอยู่ตามสมควร ประชุมสภาฯ รู้ล่วงหน้า แต่งานทำเนียบรู้ประจำอยู่แล้ว เล่าให้ฟังตรงนี้ครับไปลาว มีพิธีการนิดหน่อย คือไปเป็นทางการ ไปถึงก็ต้องมีพิธี ผมไปเครื่องบินของการบินไทย ก็สะดวกดี ไปถึงพอลงเครื่องก็ไปเข้าโรงแรม ผมหิวข้าว อยู่บนเครื่องบินเขาก็เลี้ยง ไปถึงก็กินข้าวอีก และไปทำพิธีรับ ตรวจพลนิดหน่อยที่หน้ารัฐสภาลาว เสร็จเรียบร้อย ก็โค้งไปอีกที่ มองเห็นกัน ก็ไปวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ตามพิธีการ และไปทำเนียบ พบท่านนายกรัฐมนตรีลาว สนทนานั่งกันสองฝั่ง
บริษัทของไทยได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่ในลาว
เรื่องที่ได้คุยกันเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่คาดคิด อย่าลืมนะครับ ผมเท่ากับไปฝึกงาน เดินทางไปเยี่ยมต่างประเทศเป็นครั้งแรก แต่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่คนละฝากแม่น้ำ ผมไปลาวมาหลายหน ไปในฐานะท่องเที่ยว ฐานะผู้ว่า กทม. คราวนี้ไปในฐานะนายกรัฐมนตรี นั่งคุยกันชั่วโมงหนึ่ง ได้รู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน คือ สปป.ลาวเขาเปิดประเทศให้คนไปลงทุน แล้วคนที่ลงทุนใหญ่ที่สุดมากที่สุดคือประเทศไทย ไม่น่าเชื่อครับ บริษัทในประเทศไทยไปลงทุนเปิดทำเหมืองแร่เหล็ก เหล็กเมืองไทยมีแต่เปิดไม่ได้เพราะมีน้อย ที่ลาวมีมหาศาล เชื่อไหมครับ เหล็ก เมื่อไม่นานนี้กิโลกรัมละ 11 บาท ขึ้น 12 บาทก็บ่นกัน ขึ้นไป 21 ร้องกันเลย วันนี้เหล็กกิโลกรัมละ 32 บาท ต่อไปไม่นานนี้จะได้เอาเหล็กจากลาว เราจะซื้อเหล็ก เราใช้เหล็กปีละ 14 ล้านตัน ทีนี้จะเปลี่ยนเป็นลาว บริษัทเดียวกันได้สัมปทาน เรานึกว่าอลูมินั่ม ต้องอยู่ออสเตรเลีย ไม่ใช่หรอกครับ ในลาวมีแร่ที่จะผลิตอลูมินั่ม ประเทศไทยได้รับสัมปทานเข้าไปทำอีกแล้ว ที่น่าอิจฉาหน่อย ออสเตรเลียเขามาเปิดเหมือง เขาสำรวจมา ข้างบนมีทองคำ ลงไปข้างล่างเป็นทองแดง เหมืองใหญ่ครับ ใหญ่ไม่ใหญ่ก็มีคนงาน 20,000 คน เปิดแล้วทำแล้ว และมีอยู่ห่างจากแม่น้ำโขง 99 กิโลเมตร และเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้แร่มาแล้ว จะต้องเอาขึ้นใส่คอนเทนเนอร์ลากมาแล้วข้ามฝากมาขึ้นที่วาปีนี่แหละครับ อยู่ริมแม่น้ำ เอามาถลุงที่มาบตาพุด ผลประโยชน์ร่วมกัน ทองแดงเอามาถลุงที่มาบตาพุดของเรา ส่วนทองอาจไปถลุงออสเตรเลีย เขาก็ทำธุรกิจ เราก็ได้ธุรกิจร่วมกัน ธุรกิจอื่น ๆ อย่างบริษัทสำคัญดัง ๆ ของเราที่ทำทางยกระดับบ้านเรา ไปทำเขื่อน ที่ลาวที่เขาเรียก water shade เป็นภูเขา และเขียว ซับน้ำดี ใส่เขื่อนน้ำงึม ผมไปนั่งกินข้าวริมเขื่อนน้ำงึม เดี๋ยวต้นไม้ผางขึ้นมา ๆ ก็มีเรื่องเล่าให้ฟังคือทำเขื่อนน้ำงึมเสร็จ คาดว่า 2 ปีน้ำจะเต็ม คาดผิดครับ เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง 6 เดือนเท่านั้นครับ น้ำเต็ม ที่จะทำ routing เอาต้นไม้ออก ออกไม่ได้ ต้องใช้ระบบมนุษย์กบลงไปเอาเลื่อยไฟฟ้าไปตัด ทำ routing ใต้น้ำถ้าน้ำมาเร็ว นั่นคือสปป.ลาว เขื่อนน้ำงึม
สร้างสะพานมิตรภาพส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ลาว
พอน้ำงึมเสร็จ ก็มาเปิดน้ำเทิน 1 น้ำเทิน 2 ลาวเปิดเอื้อเฟื้อ คุยกันแล้วต้องบอก ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของเรา เราคือไทย เพราะบางทีก็ซื้อจากฝากกระโน้น ฝากกระนี้ เพื่อนบ้านมีทรัพยากร ไทยก็เป็นคนที่เรียกว่าบริโภค ใช้เลยครับ เวลานี้กำลังซื้อใหม่ 7,000 เมกะวัตต์ เวลาลาวทำได้ 100 เมกะวัตต์ ลาวใช้ 10-15 เมกะวัตต์ นอกนั้นไทยซื้อหมด เอามาใช้ ร่วมกันนะครับ เพื่อนบ้านก็ได้ประโยชน์ เราก็ยิ่งได้ประโยชน์ บอก 1-2-3-4 เราทำอย่างไร เราช่วยเขาครับ ที่ผ่านมาช่วยไปทั้งหมด 5,000 ล้านบาท ไม่มีปัญหาครับ ไม่ได้มีรุงรังแบบที่นินทาว่ากล่าวกัน ทำสนามบินที่ทางใต้ที่ปากเซ กำลังลงมือ 320 ล้าน บริษัทไทยก็ได้เป็นคนทำ กำลังเจรจาอยู่อีกที่ เหนือขึ้นมาหน่อย ทำสนามบิน จะได้ใช้ร่วมกับไทย แล้วก็สะพาน สมัยก่อนสะพานมิตรภาพมีหนึ่ง รถไฟข้ามฝาก รถไฟข้ามไปแล้ว กำลังนี้เราก็ช่วยทำรถไฟข้ามแล้วลงไปที่นาแล้ง 3 กิโลเมตรครึ่ง ทางลาวบอกไปนาแล้งเหลืออีก 9 กิโลเมตรกว่าไปถึงเวียงจันทน์ได้ไหม เราบอกอย่างนี้ได้ เราจะช่วยดูแลให้ ไม่ยากครับสำหรับประเทศไทย แค่นี้เอง ถึงเลย ต่อไปนั่งรถไฟถึงเวียงจันทน์เลย ส่วนรถไฟอื่นที่ผมจะต่อออกไป ผมจะต่อทางอื่น จะขึ้นแถวๆ เด่นชัย ขึ้นไปทางเหนือ ไปเชียงรายออกไปทางสะพานจะข้ามใหม่ พอผมรู้ข่าวผมต้องเจรจากับจีนด้วย เพราะจีนกับไทยจะร่วมกันทำสะพาน สะพานที่ 4 จะข้ามที่เชียงของ ไปห้วยทราย ออกไปหลวงน้ำทา ขึ้นไปยูนนาน ออกไปโน่น ขึ้นไปปักกิ่งได้เลย หวังใจว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งไปทั้งมาครับ ขนส่งสินค้ากัน ตรงนี้ก็ไปเอื้อเฟื้อส่งถึงนครเวียงจันทน์
ทีนี้ต้องช่วยกันอย่างไร ที่น่าตื่นเต้นคือว่าทางลาวกับไทย แหงนไปดู กั้นเขื่อนก็ยังไม่เป็นปกติ ทางลาวคิดกับไทย ทำอย่างไร กั้นบ้างครับ ลาวตกลงเรียบร้อยแล้ว ทางไทยยังไม่เรียบร้อยต้องมาทำกรรมวิธีต้องผ่านตรงนั้นตรงนี้ให้เสร็จก่อน เดือนหน้าผมต้องไปประชุมที่ลาว ผมจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเซ็น ทำเขื่อนกั้น ทำระดับ ยกแม่น้ำขึ้นมา 18 เมตร ถอยหลังไป 110 กิโลเมตร น้ำจะมากขึ้น ท่านนายกรัฐมนตรีลาวบอกว่า ท่วมลาวเยอะหน่อย ท่วมไทยน้ำ แต่ไม่เป็นไร ได้ประโยชน์ทั้งสองประเทศ เห็นไหมครับสองฝากตกลงจะทำเขื่อนกั้นสูงยกน้ำขึ้นไป 18 เมตร จากธรรมดา 110 กิโลเมตร ข่าวดีครับ ใครจะเอิกเกริกอย่างไรก็สุดแท้แต่ ผมก็ออกข่าวอย่างระมัดระวัง แต่ทางลาวตัดสินใจเรียบร้อยหมดแล้ว ต่างคนต่างช่วยกันไปช่วยกันมา
สะพานที่จะวางศิลาฤกษ์เร็ว ๆ นี้ สะพานมิตรภาพที่ 1 หนองคาย สะพานมิตรภาพที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต สะพานมิตรภาพที่ 3 นครพนม-คำม่วน และไปสาย 12 ทางโน้นไปสาย 8 สาย 9 และไปสาย 12 สาย 13 วิ่งยาวจากเวียงจันทน์ลงไปปากเซ ก็ได้รับความเอื้อเฟื้อช่วยกันไปช่วยกันมา แต่ความจริงนั้นทรัพยากรที่ลาวมี ถี่ถ้วนนะครับ พยายามให้ทุกอย่างเรียบร้อย เจรจาความกันอย่างประเภทเอื้อเฟื้อกันซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น การที่เราให้อนุเคราะห์ลาวบ้าง ลาวอนุเคราะห์ไทยบ้าง เป็นการตอบแทน สองฝากแม่น้ำ ผมเรียกว่าประเดิมดี คือไปทำหน้าที่ได้ทดสอบการไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการเป็นครั้งแรก ย้ำว่าเพิ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีกับเขา ก็ทำได้เรียบร้อยดี
เดินตลาดเช้าของลาว
เสร็จเรียบร้อยก็ดูอะไรต่าง ๆ เขาต้อนรับเสร็จ ก็เล่าให้ฟังจนจบ พอเสร็จพิธีกลางคืนก็เลี้ยงข้าว ตามพิธีการ ตอนเช้าก็ให้ไปไหว้พระธาตุหลวง ผมก็กระซิบบอก รปภ. เจ้าภาพด้วยว่า มาเยี่ยมลาวแล้วก็มีความยินดีที่จะไปตลาดเช้ามืด ก็ไปวงเล็ก ๆ ไม่กี่คน ตอนหกโมงครึ่ง เจ้าภาพคนพาไปที่ไม่เจอ ผมเคยไปมาแล้ว 2 หน ผมพาไปบอกว่าต้องไปทางนี้ ไม่มีอะไรหรอกครับ ไปดูอาหารการกิน ซื้อข้าวเหนียวนึ่งมา ซื้อลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอก หมูย่างสับ ท่านรัฐมนตรีท่านต้องมาด้วย มีรัฐมนตรีประจำตัวนะครับ รัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้ ท่านมาด้วย ท่านอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูต สปป. ลาวประจำประเทศไทย ตกลงวีไอพีมา 2 คน ของเรา 5-6 คน ตั้งวงกินกันในตลาด ผู้คนก็มาดู บอกให้เขาเดินธรรมดา ๆ เสร็จแล้วก็เดินดูอาหารการกิน ได้รู้อะไรครับ ได้รู้ว่าลาวกับไทยเหมือนกัน มีร้านหมู 20 ร้านเนื้อ 2 แสดงว่ารักเจ้าแม่กวนอิมกันเหมือนกันทางโน้น สมมติไปดูฟักทอง ท่านรัฐมนตรีลาว ท่านทูตลาว บอกจะซื้อฟักทอง คนไทยบอกซื้อคบคนต้องดูหน้า ซื้อผ้าต้องดูเนื้อ ซื้อฟักทองต้องทำอย่างไร นายกฯ ไทยเลยใช้ประสบการณ์เล่าให้ท่านฟังหน่อย แต่ก่อนหมูของเรากิโลกรัมละ 100 บาท ที่ลาว 110 บาท ตอนนี้ลาว 110 บาท แต่เมืองไทย 120 บาท ก็อธิบายให้ท่านฟังว่าเกิดเหตุอะไรอย่างไร ไปอย่างนี้ก็ได้ประโยชน์ครับ ไปอยู่ตลาด 2 ชั่วโมง นอกรายการ ก็แต่งตัวให้เข้ากับไปตลาดหน่อย
เสร็จแล้วก็ไปไหว้พระธาตุ แล้วสถานทูตก็จัดการให้ไปเจอทีมไทยแลนด์ แต่ก่อนนี้ต้องมีข้าราชการล้วน เดี๋ยวนี้ทีมไทยแลนด์ที่ลาวมีภาคเอกชนเข้ามานั่งคุยด้วย คุยกันค่อนชั่วโมง ประชาชนไทยก็มาสถานทูตกันเต็มไปหมดครับ ทางสถานทูตก็เลี้ยงข้าว ผมก็ปราศรัยตามสมควร เสร็จเรียบร้อยไปยืนส่งเขา เขาส่งที่โรงแรม ผมกลับมาโรงแรม ท่านนายกรัฐมนตรีลาวมาส่งที่โรงแรมคุยกันนิดหนึ่ง และทำพิธีส่งกลับ ก็ขึ้นเครื่องบินกลับ เรียบร้อยนะครับ ไม่มีปัญหาอื่น
ทำความเข้าใจกับสื่อในการเสนอข่าว
ถัดไปเล่าโครงการให้ฟังแล้ว ผมอยากจะบอกให้ฟังนิดหนึ่งเรื่องการแสดงความคิดเห็น คือเรื่องการแสดงความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ ก็พอแสดงได้ แต่บางแสดงกัน ผมเห็นว่าไม่เข้าใจ บอกว่าสมัครตบะแตกแล้ว จะไปรับเงิน 50,000 บาทได้ที่ไหน ผมบอกให้ฟังว่า วันที่ผมถามย้ำ ผมไม่ได้ตบะแตกอะไร วันที่ผมไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เขาถามผมเรื่องนายกฯ 2 คน นายกฯ ซ้อน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทำเก้าอี้ นายกฯ ทักษิณนั่งข้างผม อะไร ๆ ต่าง ๆ มันประหลาด วันที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กลับมา ผมบอกก็ยินดีกลับมาขึ้นศาล คนไปรับมาก บอกไปรับมากเดี๋ยวมีปัญหา รับน้อยหน่อยก็ดี ก็ปลอดภัยดี ไปรับกันพอสมควรพองดงาม คือจบทุกอย่างได้ดี ท่านขึ้นศาล ศาลได้กรุณาจัดการให้มีประกัน เสร็จเรียบร้อยหมด กลับสู่สถานะปกติ แต่พวกรายงานข่าวไม่ปกติ วิพากษ์วิจารณ์กัน ผมเห็นสมควรต้องพูดกันตรงนี้หน่อยว่า ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านไม่ได้มายุ่งอะไร ท่านบอกท่านไม่ยุ่งไม่เกี่ยว ท่านเลิกแล้ว ผมก็ทำหน้าที่ของผม เสี้ยมกันจริง อย่างนั้นอย่างนี้ ทางนี้อดีตนายกฯ มา นายกฯ ปัจจุบันไปเดินเหมือนคนแก่เดิน ผมถึงต้องย้อนไปอบรมกันนิดหน่อย บอกอะไรกัน คุณคิดได้แค่นี้เหรอ ผมย้ำสัก 5 หน ถามคุณคิดได้แค่นี้เหรอ อะไรไม่เห็น ทุกอย่างเสร็จเข้าที่เรียบร้อย จะเอากันท่าเดียว
และที่ประหลาดที่สุดคืออะไรรู้ไหม เหตุที่อดีตนายกฯ กลับเพราะว่าพรรคพลังประชาชนที่ผมดูอยู่เกิดความแตกแยก นายสมัครเอาไม่อยู่ ต้องตามอดีตนายกฯ มาเอาอยู่ คิดอะไรกันไม่เข้าท่าเลย จะอยู่ไม่รู้อย่างไร ผมก็อยู่กันมาอย่างนี้ ผมอยู่กันเรียบร้อย ครม.อยู่มาเกือบเดือน แต่เรามี 21 คน ไม่ได้นั่งพูดจากันเลยว่าจะเอาอะไรอย่างไร ผมบอกว่าวันก่อนจะไปมาซักซ้อมกันหน่อย หมายความว่ามากินข้าวกันตอนเย็น จะเอาเดือนละหน แปลว่าถอดเสื้อนอกเลย เป็นใครก็ถอดได้ สั่งอาหารมากิน หกโมงเย็น สองทุ่มเลิก ก็คุยกัน ก็ได้ประโยชน์ครับ ผมคุยกันปรับทุกข์ปรับร้อนว่าใครเป็นอะไร ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ไม่น่าเชื่อ บอกกระทรวงเกษตรฯ ว่าเลี้ยงหมูแทบแย่ พอฆ่าขึ้นเขียง ไปสาธารณสุข เขาต้องพูดกันหัวเราะกัน คุยกันเรื่องปุ๋ย ท่านรัฐมนตรีรู้เรื่องปุ๋ยคุยให้ฟังก่อนอภิปรายกันในสภาฯ คุยกันเรื่องปุ๋ย ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ดีครับ ผมได้รับรู้เรื่องอะไรเยอะแยะ แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีเขารู้เรื่องปุ๋ย เขาก็พากันถามให้รัฐมนตรีด้วยกันฟังว่ามันเป็นอย่างนี้ ๆ เขาคุยกันดี
ก่อนหน้าท่านว่าอย่างไร คนนั้น ๆ ภรรยาท่านอดีตนายกฯ สั่งให้มีประชุม ครม. จะปรับ ครม. ออกตัววิ่งเลยนะครับ วิ่งโทรทัศน์ด้วย สั่งเลยจะให้ปรับ ครม. ผมต้องใช้คำว่า นี่บ้าหรือเปล่า ตั้ง ครม.มาเดือนหนึ่ง ภรรยาอดีตนายกฯ สั่งให้เรียกประชุมเพื่อจะปรับ ครม. อันนี้ผมต้องตำหนิ ผมไม่มีการเก็บไว้หรอกครับ จะได้เป็นบทเรียนว่าออกข่าวอะไรกันแบบนี้ ออกข่าวอะไรกันไม่เข้าท่าอย่างนี้ มันประหลาดตรงที่ว่าผมทำหน้าที่ของผมถูกต้อง ผมก็ตัดสินใจดำเนินการ ทั้งสองท่านไม่ได้เกี่ยว ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี นี่พูดย้ำให้เข้าใจ ท่านระมัดระวังรักษา ผมก็ระมัดระวังรักษาท่วงทีของผม ก็ทำหน้าที่ของผม ทหารก็ยังระมัดระวัง รัฐบาลไม่เคยออกปากมาขอแรง ใครจะดูแลอะไรเขาก็มีหน้าที่ดูแลกันหมด ทุกอย่างทำหน้าที่ แต่คนที่ไม่ทำหน้าที่คือบรรดาคอลัมนิสต์ทั้งหลาย สื่อสารมวลชนบางประเภท เที่ยวถามเที่ยวเสี้ยม และอ้างว่าต้องทำหน้าที่ ถ้าไม่พูดจะรู้ได้อย่างไร ต้องพูด ผมเป็นคนไม่เก็บไว้ พูดให้เข้าใจให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำงานวันต่อไปจะได้ไม่ต้องมาพูดจาเรื่องนี้อีก ผมก็จะทำงานของผม
เรื่องอย่างนี้ก็ขอบอกว่าได้ช่วยกรุณาช่างน้ำหนัก ยุคก่อนสมัยก่อน ตอนมีการเปลี่ยนแปลงกัน เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร หุบปากกันหมด เงียบกันหมดไม่ฟังวิพากษ์วิจารณ์ พอเขามาจากเลือกตั้ง เขามีการปรับปรุงแก้ไข โอ้โห พูดกันจะเป็นจะตาย ไม่หรอกครับ เรารู้ว่าเราทำอะไร ขอบเขตมีแค่ไหน ทำได้แค่ไหน และทำอะไรเพื่ออะไรอย่างไร ทำไมคนมาจากเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้วจะทำหน้าที่อะไรอย่างไรบ้าง ไม่ได้เหรอครับ ได้พูดกราดไปทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะกลุ่มจะก้อนจะพรรคการเมืองอะไรต่าง ๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้เลย อะไรผมเลือกตั้งกลับมาแล้ว ทำอะไรทิ้งไว้ผมต้องมานั่งทนอย่างนี้อีก ต้องอยู่อย่างนั้นต่อไปอีก 4 ปี มีคนเขาตั้งไว้ให้เสร็จ ไปแตะต้องไม่ได้ แต่พวกนั้นโยกย้ายต่าง ๆ หุบปากไม่เคยมีวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทำไมคนมาจากเลือกตั้ง มาบริหารบ้านเมือง หยิบตรงนั้นหยิบตรงนี้ ทุกคนต้องรับผิดชอบครับ รัฐมนตรีนี้ท่านต้องชี้แจง ท่านทำตรงนั้นทำไม รัฐมนตรีต้องชี้แจงว่าเป็นอย่างไร เวลาชี้แจงไม่ค่อยฟังหรอกครับ เอาแต่ว่ากล่าว ๆ ตอนนั้นนับหนึ่ง นับสอง นับสาม เพิ่งนับได้สี่เท่านั้นเอง ทั้งหมดมีเท่าไร แต่ก่อนนี้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไร
แล้วถามสิครับว่าในต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกาเวลาเขาเลือกตั้ง เขาเลือกตั้งวันอังคารต้นเดือนพฤศจิกายน เลือกตั้งเสร็จแล้ว รู้ผลเสร็จแล้ว เขาทิ้งไว้ทำไม ทิ้งไว้ตั้งแต่อังคารต้นเดือนพฤศจิกายน ไปทำหน้าที่รับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคมปีถัดไป 2 เดือนกว่าเขาทำอะไรทราบไหมครับ เขาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ตรงนั้นออก ตรงนี้ออก ชุดนี้ออก ชุดนี้ต้องเปลี่ยน เขาทำกันอยู่ตรงนั้น นั่นแหละครับเขาทำกันมา 200 ปีแล้วแบบนั้น ของเรามีความเปลี่ยนแปลง 16 เดือนที่แล้ว ไม่มีใครว่าอะไรเลย พอเสร็จแล้วพอจะเล่ามาจากการเลือกตั้ง จะมาปรับปรุงหน่อย คอยปากยื่นปากยาวมา ผมว่าอย่างนี้ตรง ๆ ครับ ผมเป็นคนพูดจากตรงไปตรงมา ก็ให้รู้กันไว้เท่านั้น ถ้าไม่พูด เดี๋ยวจะว่าพูดทำไม จะให้เงินเดือน นี่ไม่ใช่เป็นคนเลวนะครับ นี่พูดในฐานะว่าคิดดี ผมแน่ใจว่าผมคิดถูก จึงได้อธิบายความให้รู้เสียว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร และต่อว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ
อย่างข่าวที่บิดไปบิดมา ผมต่อว่าไปแล้ว แต่ว่าจะต้องต่อว่าอีก เพราะว่าผมแถลงข่าวเมื่อวันที่ออกมา ตก ๆหล่น ๆ บอกว่าท่านที่ดูโทรทัศน์ ผมอธิบายพูดจาชัดเจนเรียบร้อยหมด แต่ข่าวมาออกขาด ๆ วิ่น ๆ กระโดด ๆ อะไร เมื่อเช้าผมนอนฟังอ่าน โทรทัศน์ออกข่าวเรียบร้อย แต่ว่าข่าวหนังสือพิมพ์กระโดด ๆ กระตุก อย่าว่าผมเรื่องมากเลย เสนอข่าวแบบฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อย่างนี้คนให้สัมภาษณ์เสียหาย ผมไม่ออกรายละเอียดนะครับ ไปตรวจดูแล้วกัน เอาข่าวโทรทัศน์มาดู ผมพูดว่าอย่างไร ผมแน่ใจว่าผมพูดครบถ้วนถูกต้อง แต่เสนอข่าวกันออกมาแล้ว โน่นไปนี่ นี่ไปโน่น สับไปสับมา เหมือนเวลาจดข่าวอะไรต่าง ๆ คุยกันไปคุยกันมา หรือไปแลกเปลี่ยนข่าว หรือไปขอข่าวใครมา มันสับสน บอกไว้เพื่อติเพื่อก่อ ถามพูดทำไม พูดเพื่อให้ว่าต่อไปจะได้ดีขึ้น แน่นอนครับ ถ้าผมพูดจาขาดตกบกพร่องอย่างไรต่อว่าได้ ตำหนิผมได้ แต่ผมแน่ใจว่าผมได้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควร เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีอะไรบกพร่องต้องใช้เวลานี้ครับ ไม่อย่างนั้นจะมีรายการอย่างนี้ไว้ทำไม จริงไหมครับท่านผู้ชม
อธิบายความ “ ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์”
ทีนี้ก็เอาละครับ ผมจะได้สนทนาในเรื่องที่ได้ตั้งใจจะมาคุย คือสารคดีเรื่องอื่น ๆ จะเกิดขึ้นตามสภาพ วันนี้ผมเลือกสารคดี ผมเลือกของผมเอง ประมาณกลางอาทิตย์เขาจะถามว่าวันนี้คุยเรื่องอะไร ผมจะบอกว่าเหมือนอย่างเคย 1 — 2 พอ 3 จะเป็น ตั้งชื่อมาบอกว่า “ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์” จะอธิบายความให้ฟังว่าวันนี้ที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพูดถึงเรื่องคนมีหนี้โดยคนที่มีปัญญาใช้หนี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นหนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อนนิดหนึ่ง หนี้ชนิดนี้ที่ว่าคนเป็นข้าราชการและจะคาบเกี่ยวไปถึงคนบริษัทห้างร้าน ถ้าหากว่าจะฟังความแล้วจะเอื้อเฟื้อกันด้วย แต่ผมมีบทเรียนที่เจ็บแสบมาก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนจบสำหรับคนที่ไม่ใช่ราชการ
คือคนเราเป็นหนี้แล้วบอกว่าเป็นทุกข์แน่นอนครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ และท่านบอกว่าจะแก้ทุกข์ให้ไปดูสมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ แล้วบอกว่าถ้าไม่มีทุกข์แล้วมันดับทุกข์ก็มีความสุข และสอนถึงหนทางดับทุกข์ว่ามี 8 ทางที่เรียกว่ามรรค 8 ฉะนั้นหลักการนี้ท่านที่บวชเป็นพระท่านก็จะไปถึงปรินิพพานของท่าน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เอาเท่านั้น คือถ้าไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายก็ไม่มีทุกข์ คือหมดการเวียนว่ายตายเกิด ก็ไปปรินิพพาน ทีนี้นอกเหนือสำหรับคนธรรมดาอย่างเรา ไม่ได้ถือศีล 227 ข้อ 10 ข้อก็ไม่ถือ บางที 8 ก็ไม่ถือ 5 ยังถือไม่ครบเลย อย่างนี้ เพราะฉะนั้นรถติดก็เป็นทุกข์ มาออกรายการวันนี้ไม่ทันก็เป็นทุกข์ มีเงินน้อยก็เป็นทุกข์ เงินเดือนน้อยก็เป็นทุกข์ มีเงินมากก็เป็นทุกข์ไม่รู้จะไปฝากที่ไหน ทั้งหมดเป็นความทุกข์ ดังนั้นสมุทัยก็ไปดูแล้วหาวิธีหนทางแก้ทุกข์ สมุทัยที่จะพูดนี้ ตรงนี้ไม่ต้องไปย้ำมาก เพราะว่าทุกข์ที่เกิดจากหนี้ หรือว่าเป็นทุกข์เพราะเป็นหนี้นั้น
มีคนเน้นว่าครู 600,000 — 700,000 คนเป็นหนี้ ถามว่าแล้วเหตุที่เกิดเป็นหนี้เพราะอะไร สารพัดครับ ด้วยความพลาดความพลั้ง ความโน่นความนี่ต่าง ๆ ไม่ได้เลยครับ มาแจงกัน บางคนนึกว่าไม่ได้มีอะไรอื่น แสดงว่าเกิดไปพลาดพลั้งต้องไปรับผิดชอบแทนเขา บางคนก็ไปเป็นนายหน้า แต่เขาบอกว่า ไม่อยากเป็นหนี้ไม่ให้เป็นนายหน้า ไม่อยากเป็นขี้ข้าอย่าให้เป็นนายประกัน คนไปเป็นประกันไปค้ำประกัน อยู่ดี ๆ สบาย ๆ ดีไปประกันให้เขาเสร็จเรียบร้อย นายประกันให้ลูกหนี้ คนที่เป็นจริงหนีไปไหนไม่รู้ นายประกันหน้าแหง เอาละครับ ตัวสมุทัยจะมาจากไหนอย่างไรเอาเป็นว่าเป็นหนี้ก็แล้วกัน เป็นหนี้แล้วเป็นลูกหนี้ดีก็ต้องใช้หนี้ บรรดาเจ้าหนี้ร้ายกาจ ฝรั่งก็มี ฝรั่งเขาเรียกให้พวก shark loan พวกเจ้าหนี้ร้ายกาจ บางคนเขาคิดว่าเขาจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน เขาว่าเขาก็ไม่โกรธคนที่เอาอย่างนั้น เพราะว่าพวกแม่ค้าที่ว่าจะลงทุนวันละ 300 หาที่ไหนละครับ แต่คนเอาเขาบอกเขาเอาร้อยละ 20 ต่อวัน บ้าบอคอแตกที่สุด แต่คนที่จะทำมาหากินบอกไม่เป็นไร กู้ 300 ตอนเย็นคืน 360 เพราะ 300 นั้นสามารถจะมาทำอะไรต่ออะไร ๆ มาทำมาขาย ตอนเย็นได้เงิน 700 คืนไป 360 ก็ยังเหลือ 340 เอาเข้าบ้านได้ เห็นไหมครับของทำของขายยังเหลือยังกินได้
พฤติกรรมการให้กู้ของเจ้าหนี้ที่ร้ายกาจ
นี่เป็นเรื่องที่เขาว่าเขาใช้คืนได้ แต่หนี้ที่เกิดกันจริง ๆ ร้อยละ 10 เท่านั้น เอาละใครไปพลาดพลั้งอะไรต่าง ๆ วันนี้เกิดเหตุวันศุกร์ วันจันทร์ไม่เอาเงินไปเข้าให้เขา 80,000 บาทต้องตายแน่นอน เอาแค่นี้ละทำไม 80,000 เพราะว่าผมคุ้นเคยกับตัวเลข 80,000 80,000 บาท โอ้โฮ วันศุกร์ไม่เอาไปเข้า วันจันทร์ไม่มีเงินไปเข้าเสร็จเลย เสียตำแหน่งเสียเงินเดือน เสีย ทุกอย่างเสียหมด แล้วทำอย่างไร เสร็จแล้วก็ต้องจัดการหาเงินเข้า จะหาที่ไหน ให้รู้ล่วงหน้า 5 วันไปเจรจากับแบงก์เขาไม่ให้กู้หรอกครับ มีอะไรมาค้ำไหม บางครั้งแม้จะมีอะไรค้ำอยู่ กรรมวิธีกว่าจะโดน ไม่ทัน เอาเงินเข้าวันจันทร์ไม่ทัน เอาสัก 80,000 เท่านั้นเอง ไม่ทัน คนกระซิบ คนแก้ทุกข์ให้ เบื้องต้นต้องไปหาคนนี้มี คุณนายนี่มี เถ้าแก่นี่มี เจ๊นี่มี เขาก็ให้กู้ 80,000 แล้วทำอย่างไร เขายินดีให้กู้ เราไปนั่งกราบเท้า กราบอะไรบ้าง พับเพียบอะไรเสร็จตกลง
สิ่งที่เจ้าหนี้จะร้ายกาจจะเอาก็คือ 1. ไม่มีอะไรค้ำ แน่นอนถ้ามีอะไรค้ำก็ทำอย่างอื่นได้ ไม่มีอะไรค้ำ ต้องค้ำ 80,000 ด่วนไม่อย่างนั้นเสร็จ เสียเงินเดือน เสียตำแหน่ง ไอ้นั่นร้อนฉ่าเลย เขาให้กู้ก็แทบจะกราบเท้าแล้ว กู้ 80,000 เริ่มต้นเขาให้ทำสัญญากู้ เซ็นสัญญากู้ 80,000 ดอกเบี้ยเขาบอกตามกฎหมาย แต่ความจริงเขาเอาร้อยละ 10 แล้วทำอย่างไร เรื่องเช็คร้ายกาจ เขาเขียนเช็คนะ 1 ใบเขียนเช็ค 80,000 บาท ไม่ลงวันที่ ให้เจ้าหนี้ถือไว้ 2. เขียนเช็คลงวันที่ทุกอัน คือสมมติว่ากู้วันนี้วันที่ 2 เอาละลงวันที่ 2 1 ใบ 8,000 บาท เงิน 80,000 ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ครับ 8,000 / 8,000 / 8,000 รวม 10 ใบ ใบละ 8,000 ถ้า 10 เดือนจ่ายก็นั่นหละต้นไปแล้ว แต่ว่าดอกทั้งนั้นครับ พอส่งให้เขาได้เสร็จก็เซ็นเลย สมุดเช็คไม่มี ก็หาเงิน 10,000 ไปเปิดบัญชี เสร็จแล้วก็ได้เช็คมาถึงเขียนเช็คเริ่ม 1 ใบฉีกไปเลย 80,000 ใบละ 8,000 ให้เจ้าหนี้ สัญญากู้อีก จะเอาอะไรให้หมด เขาเอากันอย่างนี้ทั้งนั้น แล้วก็ได้เงิน 80,000 โล่งใจ ไปตายเอาดาบหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามีภรรยาสองคนหารวมกันได้ 20,000 เดือนหนึ่งสามีภรรยา ผัว 10,000 เมีย 10,000 ว่าอย่างนั้นเถอะ ต้องไปจ่าย เขาเอาไปเสีย 80,000 หาได้ 20,000 ถึงสิ้นเดือนต้องไปเข้าแล้ว 8,000 เคยมีเคยใช้กัน 20,000 ก็ใช้ได้ 12,000 ลูกเต้าอดแล้ว จะโน่นจะนี่ต่าง ๆ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน อดได้ทนได้ก็ไปเถอะ เผลอแป๊บเดียว 10 เดือน เรียบร้อยครับดอกเบี้ยทั้งนั้นไม่มีต้นเลย อย่างนี้ เจ้าหนี้บอกว่าไม่เป็นไร เอาเขียนใหม่ ๆ เอาใบละ 4,000 แล้ว 5 เปอร์เซ็นต์ ใบละ 4,000 ค่อยยังชั่วขึ้น 4,000 แต่นั่นละครับ 4,000 แล้วเจอไปอีก 10 ใบ จะหาที่ไหนใช้เขา ยังหาไม่ได้ หนี้ก็พอกกันไปพอกกันมา เสร็จแล้วก็กู้อันนี้ไปใช้อันนี้ บางที 8,000 ไม่มีต้องให้เขาก็ไปกู้ใหม่ กู้เขาอีก 10,000 จะเอาดอกเบี้ยให้เขา 8,000 ได้ใช้ตรงนี้ 2,000 เอ้าติดไว้ตรงนี้ 10,000 ไปกู้ตรงนี้อีก เผลอประเดี๋ยวเดียวพอกไปพอกมา แล้วจะทำอย่างไร ร้อยละ 10 อีกทีก็ร้อยละ 5
อยากให้ทำวิจัยสาเหตุที่ครูเป็นหนี้
นี่ทำให้เกิดแนวความคิดว่าแล้วเราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ผมคิดว่าตั้งชื่อไว้เลย “ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์” วิธีที่ผมจะบอกคือว่า เรื่องของคนมีเงินเดือนเท่านั้นก่อน ครูนี่ละครับมีเงินเดือน ครูเงินเดือน 10,000 — 30,000 ครูมีหนี้เป็นเงินหมื่นเงินแสน อยากทำวิจัยจริง ๆ ว่าครูที่บอกว่าเป็นหนี้นั้นเป็นหนี้เพราะอะไรอย่างไร เอาลูกไปเข้าโรงเรียนเสียแป๊ะเจี๊ยะเขาหรืออย่างไร หรือไปทำอะไร วันหลังคุณครูสักคนหนึ่งที่เป็นหนี้เยอะ ๆ เขียนส่งให้ผมอ่านว่าเป็นหนี้ได้อย่างไร ครู 600,000 — 700,000 คนเป็นหนี้ เมื่อเป็นหนี้แล้วเป็นอย่างไร เงินเดือนออกก็ต้องหนี้ ไม่สอน ต้องลา คนเป็นหนี้หนีเจ้าหนี้ หนีสิ้นเดือน ผลัดเขาสิ้นเดือน ๆ มาเอา เงินเดือนออกเปิดหายหนีไปแล้ว คนอื่นไม่เท่าไร แต่คนสอนหนังสือแล้วมีหนี้อยู่จะสอนหนังสือเด็กได้อย่างไร ไม่ว่าชายหรือหญิง สอนหนังสือเด็กแต่ว่าเจ้าหนี้มารอ วันเงินเดือนออกก็หนีไป 1 วันแล้ว แต่วันอื่นจะต้องไปหาเงินใช้เขา หนังสือจะสอนต้องทำอย่างไร ไหนจะเรื่องที่ครอบครัวอีก ทุกข์ไหมครับ เพราะฉะนั้นก็คิดกันให้ฟังง่าย ๆ ท่านที่อยู่แวดวงคุมการเงินอย่าเพิ่งหัวเราะนะครับ คนที่เขาใช้หนี้จ่ายหนี้ได้ เพราะเหตุว่ามีระบบ
ระบบบ้านจัดสรรในสมัยก่อน
สมัยผมหนุ่ม ๆ ระบบนี้ยังไม่ค่อยมีเท่าไรครับ 40 — 30 ปีก่อนเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง แต่ก่อนนี้ใครคิดจะแต่งงาน ใครคิดจะมีบ้านทำอย่างไรรู้ไหมครับ 1. คือไปซื้อที่ผ่อนส่ง ซื้อที่ 50 ตารางวา รักกันชอบกันช่วยกันผ่อนช่วยกันส่ง จะไปรอดหรือไม่ไม่รู้ เอาละมาถึงรอดยังผ่อนส่งที่อยู่ พอเสร็จแล้วจะแต่งงานกัน ต้องมีเงินอีกก้อนไปแต่งงาน แต่งงานแล้วต้องมีที่อยู่ ต้องมีเงินอีกก้อนไปปลูกบ้าน หนี้ทั้งนั้นครับ ถึงนั่งเก็บเงิน กว่าจะเก็บเงินไปซื้อที่ได้หมด ไม่ได้แต่งงานหรอก แก่ตาย เสร็จแล้วปรากฏว่าจะแต่งงานไม่มีเงินแต่งงาน ไปยืมไปกู้หนี้เขามาแต่งงาน ทำหน้าทำตา อย่างนี้ก็มีคนทำ พอเสร็จเรียบร้อยพอถึงจะปลูกบ้าน นั่งเก็บเงินจะปลูกบ้าน วันนี้ไปซื้อไม้ วันนี้ไปซื้อเข็ม ได้ไหมครับ โบราณเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปกู้ยืมเงินก้อนใหญ่มา แล้วจัดมาทำ ถ้าทำระบบได้ก็ยังดี เงินผ่อน แต่ว่าในที่สุดก็มีบริษัทที่เขาคิดการให้เสร็จ คือทำเรื่องบ้านจัดสรร
บ้านจัดสรรเป็นตัวอย่างของผมที่จะคุยให้ฟัง บ้านจัดสรรคือไปหาที่ สมัยก่อนระบบระเบียบราชการไม่ร้ายกาจ ยังให้เกียรติยศให้ชื่อกันอยู่ คนก็ไปทำเสียหายก็โกงกัน คือใครมีที่ก็ไปซื้อที่มา ตกลงผ่อนชำระไปก่อน วางไปก่อน 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาก็จัดการมาวางแผนวาง plot เสร็จแล้วประกาศขาย สมัยก่อนระเบียบยังไม่รัดกุมดุเดือดเลือดพล่าน เขาทำอย่างนี้ได้ครับ จับเสือมือเปล่า มีการมาขาย เข้ามาวางเงินดาวน์ พอมีเงินจะซื้อทำสัญญาจะซื้อจะขาย เสร็จแล้วก็จ้างบริษัทมาจัดการลงไปก่อสร้าง ถ้าตรงไปตรงมาเขาเริ่มผ่อนชำระงวด มาทางนี้ก็เริ่มผ่อนชำระไป การก่อสร้างก็ก่อสร้างบ้านเสร็จธนาคารจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ธนาคารจะเข้ามาจัดการ ก็เรียบร้อยดี ถ้าลงตัวเรียบร้อยดี
ชื่นชมระบบจัดสรรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการผ่อนชำหนี้ที่อยู่อาศัย
ผมนี่ละครับมีชีวิตอยู่ด้วยเรื่องแบบอย่างนี้มาก่อนเลย เพราะว่าเริ่มต้นคนที่รักใคร่ชอบพอกันมีมาก 50,000 เท่านั้นนายหน้าเอาไปเสีย 5,000 เหลือ 45,000 ต้องจัดการ ก็ไปเจอที่ โชคดีเบื้องต้นไปเช่าที่เขา ธรรมดาเช่าที่เขา 3 ปี คุณลุงไม่อยากให้ลูกขายที่ ให้เช่า 20 ปีครับ เอาค่าหน้าดิน 5,000 เท่านั้นละครับ ค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ค่าหน้าดิน 5,000 ผมเหลือเงิน 50,000 กว่าซื้อไม้มาปลูกบ้าน เริ่มต้นอย่างนั้นแล้วอยู่ได้ นั่นแปลว่าทำแล้วเรียบร้อยดี อยู่มา อยู่ 6 ปีเหลืออีก 14 ปี มีสถานะขอซื้อ ไม่ขาย ต้องครบ 20 ปี จะขายหรือไม่ขายไม่รู้ แต่ว่าเหลืออีก 14 ปีก็เซ้ง ลงทุนไป 30,000 — 40,000 แต่เซ้งได้ 80,000 เห็นไหมครับ แล้วเอา 80,000 นั้นมาดาวน์ที่ระบบบ้านจัดสรร แล้วผมก็ผ่อนชำระ ตอนนั้นผ่อนชำระเดือนละ 2,310 บาท 10 ปี อย่างนี้ก็ไม่เป็นปัญหา ได้ที่อยู่ 108 ตารางวา มีบ้านช่องอยู่เสร็จเรียบร้อย มีเงินดาวน์เงินเดือนแล้วก็ผ่อนส่ง ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนจ่ายได้ทั้งนั้น
ระบบนี้เขาเอาบ้านค้ำประกัน เอาที่ค้ำประกัน ระบบจัดสรรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด คือผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอก ระบบผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอกนี่ละครับ ระบบบ้านจัดสรรที่ทำกันมา ทำให้คนเราสามารถที่ว่ามีเงินเดือนรวมกัน สามีภรรยาแต่งงานกันแล้วมีเงินเดือน 20,000 ผ่อนบ้านเดือนละ 4,000 บาท อย่างนี้พอไหว ลูกเต้ายังไม่มี ผ่อนไป 4,000 บาท นี่คือระบบ เขาให้ผ่อน 20,000 25 เปอร์เซ็นต์คือ 5,000 ผ่อนได้ 4,000 ก็ดี นี่คือตัวอย่าง เอาบ้านค้ำประกัน แล้วก็ผ่อนชำระ
ทีนี้จะคุยให้ฟังเรื่องตัวเลขว่าเกิดอย่างไร ผมใช้ตัวเลข 80,000 เงิน 80,000 บาทถ้าไปกู้เขาแล้วจะต้องจ่ายเขาก็เดือนละ 8,000 เผลอประเดี๋ยวเดียว 10 เดือนก็ต้นไปแล้ว แต่ดอกทั้งนั้น ระบบบ้านจัดสรรได้ให้ตัวอย่างที่ดี สมัยก่อนนี้ตอนที่ผมทำตัวเลขเขาเรียกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี ท่านต้องจำได้หยก ๆ นี่เอง ดอกเบี้ยเงินกู้ 15 เปอร์เซ็นต์ผ่อนชำระ 15 ปี 30 ปีเพิ่งมาทีหลัง เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงบ้านเราดีขึ้นเป็น 30 ปี แต่ก่อนเขาเรียก 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี กู้เงินเขา 80,000 ใจร้ายคือดอกเบี้ยร้อยละ 10 จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 ต้นไม่มี แต่ถ้าเอาเงิน 80,000 เข้าระบบ ถ้าเป็นบ้านเอาบ้านค้ำ เข้าระบบ 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี ผ่อนทั้งต้นทั้งดอกเดือนละ 1,065 บาท เห็นไหมครับ 1,605 บาททั้งต้นทั้งดอกครับ แต่เป็นเวลา 15 ปี 180 เดือน อย่างนี้คือตัวอย่างของการที่จะแก้ไขปัญหา มีเงิน 80,000 จ่ายไปแล้ว แม้จะจ่ายไปแล้วหมดไปแล้ว 80,000 ส่งไปแล้วดอกทั้งนั้น กอบกู้กันทันก็เอามา มีเงินเดือนใช่ไหม สมมติว่าเอาเงินเดือนค้ำ มีเงินเดือนค้ำ เคยต้องจ่ายถึงเดือนละ 8,000 ก็จ่าย 1,065 บาท จ่ายไป 180 เดือน อย่างนี้ไหวไหมครับ ไหว สามีภรรยาได้ 20,000 จ่ายหนี้เดือนละ 1,065 บาท ดีกว่า 8,000 ดีกว่า 4,000 แน่นอนครับ นี่คือตัวอย่างของคำอธิบาย
แนะภาคเอกชนช่วยสนับสนุนให้พนักงานนำหนี้เข้าระบบกับธนาคาร
นั่นคือระบบราชการ ถ้าตรวจสอบแล้วใครมีหนี้ แน่นอนระบบตรวจสอบต้องสำคัญ ต้องดูหมดเลยไม่ใช่สร้างหนี้มาให้ดู เขียนใบปลอมมาอย่างนั้นเลย อย่างนั้นจับติดตารางเลยถ้าใครมาทำอย่างนั้น เป็นหนี้จริงรายเดียวสองรายสุดแท้แต่ ถ้าจะช่วยกันจริง ๆ ก็เก็บมาให้หมด จะเสียเท่าไรมีดอกเบี้ยกี่ราย 5 รายร้อยละ 10 อย่างนั้น ก็ตกลงเป็นอันว่าเอามารวมก้อนเดียว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เงินเดือน เอาเงินเดือนค้ำ ถ้าอายุสมมติว่า 15 ปี อายุ 45 ปีค้ำด้วยตัวเอง เงินเดือนตัวเองค้ำเลย เขามาหักไปเลย ที่เหลือเขาหักไปเลย 1,065 บาท 80,000 เขาหมดภายใน 15 ปี ถ้าไม่พอก็เอาลูกมาช่วยค้ำ เอาญาติมาค้ำสุดแท้แต่ นี่คือระบบราชการซึ่งทำได้แน่นอน ไม่ใช่ราชการเป็นการที่ใครจะเอื้อเฟื้อ ก็ลองดูสิครับ บริษัทห้างร้านใหญ่โต คนทำงานไม่มีสมาธิแต่ยังอยากจะเลี้ยงต่อไป ทำงานดีแต่มีหนี้สิน ให้เขาแสดงหนี้สินแล้วจัดการเอาเข้าระบบ ธนาคารทุกธนาคารเขายินดีทั้งนั้น ถ้าเงินเดือนค้ำ บริษัทบอกบริษัทช่วยค้ำให้เงินเดือนค้ำ ก็จ่ายผ่านธนาคาร ธนาคารก็มาเก็บเอาไป เรียบร้อย
อย่างนี้ครับทำให้มีธนาคารต่างชาติ ไม่ออกชื่อนะครับชาติใหญ่ด้วย หนี้เขาเกิดเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ธนาคารนี้บอกพนักงานทั้งหลายใครมีหนี้ ธนาคารจะได้ช่วยดูแลการผ่อนชำระอะไรให้ เพื่อนผมเพื่อนรักกันด้วยเสียชีวิตไปแล้ว เซ็นลงไปเลยมีหนี้สินอย่างไร ยื่นไป ยื่นไปเสร็จเรียบร้อยเขาบอกว่าเป็นคนทำงานธนาคารมีหนี้อย่างนี้ไม่ได้ ให้ออกเลย จ่ายเงินชดเชยให้ตามสมควรแก่กฎหมายตรงนั้น ให้ออกเลยครับ ไอ้นี่ก็เข็ดเขี้ยวกันเลยแบบนี้ ใครขอตรวจสอบหนี้สินไม่มีใครยอมบอก แต่ถ้ากำลังนี้ถ้าจะช่วยอนุเคราะห์กันจริง ๆ บริษัทก็ทำได้ครับ บางคนอยู่บริษัททำงาน 30 — 40 ปี เพราะฉะนั้นใช้หนี้ 10 ปี 15 ปี
ขอให้ธนาคารรัฐช่วยแก้ทุกข์ในการผ่อนชำระหนี้ของประชาชน
ดอกเบี้ยเงินต้นถ้าถึงวันนี้ วันนี้เงินต้น ก่อนผมจะเข้าผมโทรศัพท์หาผู้เชี่ยวชาญ ดูตัวเลขที่เปลี่ยนแปลง เพราะเดิมนี้ 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี 80,000 จ่ายเดือนละ 1,065 บาท เดี๋ยวนี้ถ้าหากว่า เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ถ้าหากว่า 15 ปี 80,000 เคยจ่ายเดือนละ 8,000 เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ย 8 เปอร์เซ็นต์ ถ้า 15 ปีจ่าย 750 เงิน 750 ครับ เห็นไหมครับ ได้แน่นอน แก้ทุกข์ได้ทันทีถ้าใครช่วยจัดการให้ 10 ปีร้อยละ 8 10 ปีจ่าย 1,200 ดีไหมครับ 10 ปีจ่าย 1,200 ถ้าหากแต่ก่อนต้องจ่าย 80,000 ต้องจ่าย 8,000 เดี๋ยวนี้จ่ายแค่ 1,200 ถ้าเวลาสั้นหน่อย 10 ปี ถ้าเวลาน้อยเหลือ 5 ปี 1,700 จ่าย 5 ปี 60 เดือนเท่านั้นเองครับ จ่าย 1,700 ดอกเบี้ยเวลานี้ร้อยละ 8 ครับเงินกู้ เพราะฉะนั้นถ้าแก้ทุกข์กันได้ ก็ขอให้ช่วยกันแก้ แล้วแก้ได้แน่นอนเอาเงินเดือนค้ำ เท่านั้นครับ ใครมีหนี้เอาหนี้มาลองรวมไว้เสร็จเรียบร้อย ธนาคารไหน ธนาคารเอกชนไม่อยาก ธนาคารรัฐบาลก็น่าจะต้องช่วยดูแล ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอะไรต่าง ๆ ถ้าจะทำธุรกิจไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเงินเดือนเขาค้ำอยู่ ผ่อนชำระ เห็นไหมครับ แต่ก่อน 80,000 ผ่อน 1,065 ซึ่งลูกหนี้ทุกคนผ่อนได้ เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ถ้า 15 ปีผ่อน 750 บาทต่อเดือน ถ้าหากว่า 10 ปีผ่อน 1,200 5 ปีผ่อน 1,700 ใครลองดูก็แล้วกัน ถ้าสมมติท่านเป็นหนี้ 800,000 ท่านต้องจ่ายดอกเดือนละ 80,000 แต่ถ้าเผื่อว่าเอาเข้าระบบ จ่ายเดือนละ 7,500 ต้องจ่ายต้นเดือนละ 7,500 อย่างนี้ไหวไหมครับ อย่างนี้ไหวครับ 80,000 หรือ 800,000 ก็ลองเซ็ตตัวเลขดู ผมเอาตัวเลขนี้ให้ ก็ไม่ได้คุยกับพวกเราพอสมควรแก่เหตุ เพราะว่าสัญญาไว้ว่าเหลือเวลาตอนท้ายจะตอบคำถาม คำถามมาแล้ว
คำถาม ทุนการศึกษาของนักเรียนยากจนยุบไป เทอมสุดท้ายถูกยกเลิกไปด้วย อยากทราบว่ารัฐบาลนี้จะมีเงินสนับสนุนให้เด็กยากจนอีกหรือไม่
นายกรัฐมนตรี เงินต่อไปนี้รับประกันได้ว่ามีแน่นอน กำลังนี้ หวยบนดิน เอาขึ้นศาลก็ขึ้นไป แต่กฎหมายเขาออกมาว่าทำได้แล้ว จะไม่ให้มานั่งเขียนให้ยุ่งยาก เครื่องจักรกลเขาก็เอามาแล้ว จะให้เขาเจรจากันให้เสร็จ เขาเรียกว่าล็อตโต้ ซื้อกัน 3 ตัว 2 ตัว เหมือนกัน กดจิ๊ก ๆ เอาเศษเงินซื้อ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่ เราก็ถือแต่ ticket เงินนี้ละครับทั่วโลกเขาทำ เขาบอกเพื่อการศึกษาของเยาวชน ประเทศไทยก็จะทำ และเพื่อการศึกษาของเยาวชน ใครจะตรวจสอบดูแล ทำอะไรไม่ถูกระบบ ทำระเบียบเสียให้ถูก งานนี้ทั่วโลกเขาทำ ประเทศไทยก็จะทำได้ เพราะฉะนั้นตอบคำถามหนูได้ว่ายืนยันว่าหนูรอหน่อย อย่างไรก็คงจะไม่ช้าหรอกครับ
คำถาม กระทรวงมหาดไทยควบคุมโควต้าค้าอาวุธปืนจะมีการยกเลิกหรือไม่ ราคาแพง
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ก็ผมเคยอยู่กระทรวงมหาดไทย ไม่น่าเชื่อครับ ตอนที่ผมอยู่กระทรวงมหาดไทย ปืนกระบอกละ 6,000 — 7,000 บาท ผมก็คิดว่าปืนราคา 6,000 — 7,000 บาท อย่างน้อยกะสัก 10,000 บาท เดี๋ยวนี้ปืนกระบอกละ 60,000 บาท และมีการควบคุมโควต้าอีกกระบอกละเป็นละแสน ไม่น่าเชื่อ ถ้าการระบบระเบียบเรียบร้อยดี ผมคิดว่าเขาคงจะพิจารณา ถ้าหากว่าทางเรื่องความปลอดภัยอะไรต่าง ๆ เขาอนุญาตให้มีได้ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องให้ไม่แพงบ้าเลือด ต่างชาติเขายังถูกอยู่ ประเทศไทยแพงบ้าเลือดเพราะคุมโควต้า เรื่องนี้จะรับไปพิจารณาให้ครับสำหรับคนที่ต้องการจะมี แต่ต้องถูกต้องตามกฎหมายและต้องทางความมั่นคงเขาต้องช่วยดูด้วยครับ
คำถาม ปัจจุบันเด็กไทยติดการพนันบอลมากขึ้น เป็นหนี้เป็นสิน จะให้ท่านช่วยแก้ไขด่วน
นายกรัฐมนตรี ใครเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องสั่งสอนลูกตัวเองนะครับ ถ้าสั่งสอนลูกตัวเองไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณครูก็ต้องช่วยสั่งสอน ถ้าใครที่คุณครูยังสั่งสอนไม่ได้ คนที่เป็นเพื่อนพ้องที่ทำงานทำการอยู่ด้วยกันก็ต้องคุยด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าการพนันเป็นเหตุให้เกิด มันหมดครับ การพนันนี่หมดเลย ผมพูดได้เพราะผมไม่เล่นการพนัน และผมจะช่วยดูแลเรื่องนี้ให้ จะรับอาสาเบื้องต้นว่าจะทำอย่างไรได้ ผมจะบอกเลยว่าถ้าใครมีเงินจะพนันกัน ก็พนันกันไปสิครับ แต่เงินที่มีมากเท่าไรพนันกันบ้าบอคอแตกก็หมด คนมีเงินน้อยดันไปพนัน พนันเสร็จแล้วก็เรียบ แต่พนันบอลเรื่องนี้ก็คิดว่า เรื่องการปราบปรามจะดำเนินการ และจะไปดูสังคม จะดูเลยว่าคนที่พนันและยากจนแล้วยังไปพนัน มันโง่ขนาดไหนอย่างไรต้องตำหนิกันตรง ๆ เลย คือถ้าจะโง่กันอย่างนี้ต่อไปก็จะต้องหาทางมาช่วยแก้โง่ให้ ทำลายตัวเองนะครับ สนุกสนานไม่เท่าไร ผมบอกว่าเล่นการพนันกันนี้แทงกันทีละ 100 แทงกันทีละ 1,000 ผมบอกว่าถ้าจะสนุกจริง ๆ แทงกันทีละ 20 บาท สนุกเหมือนกันครับ ก็พูดง่าย ๆ ว่าเล่นรัมมี่ แต่ก่อนเล่นรัมมี่แต้มละ 1 สตางค์ก็สนุก แต้มละ 1 สตางค์ 2 สตางค์ไม่เป็นไป แต่เล่นรัมมี่แต้มละ 100 บาทนี่โง่ไหมครับ โง่ชัด ๆ เลย การพนันอย่างนี้โง่เง่า เพราะฉะนั้นก็ยังเล่นได้นะครับ เล่นรัมมี่จดแต้มไม่เอาสตางค์ก็สนุก แต่เอานิดหน่อยก็พอเล่นได้ แต่ว่าอย่างนี้ต้องคิดเพราะฉะนั้นพนันฟุตบอล พนันกันพอสนุกก็คงไม่เป็นปัญหา แต่พนันกันแบบจะเป็นจะตาย ฆ่าตัวตายกัน อย่างนี้ไม่พุทโธเลยก็แล้วกันอย่างนี้ ใครฟังผมไว้จะไม่ชอบใจก็ตามแต่ ใครที่เล่นพนันฟุตบอลทั้ง ๆ ที่ตัวไม่มีเงินจะพนันหรือมีแล้วไปพนันโง่จริง ๆ ยืนยันเลยครับว่าโง่จริง ๆ จะโง่อย่างนี้ต่อไปก็อย่ามาร้องทุกข์ก็แล้วกัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ดูนะครับ คนเป็นพี่เป็นน้องดู คนเป็นญาติดู คนเป็นเพื่อนช่วยกันดู แน่นอนครับทุกฝ่ายครูบาอาจารย์จะต้องช่วยกันดู ต้องแก้ไขได้ครับ ต้องหาหนทางแก้
คำถาม อยากให้ทำเรื่องการพนันตรงตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี ครับถูกต้องครับ ทำถูกต้องตรงตามกฎหมาย ประเทศมาเลเซียเขาก็มี เขาถูกต้องตามกฎหมาย สิงคโปร์ก็ถูกต้องตามกฎหมาย มาเก๊า เซี่ยงไฮ้ ถูกต้องตามกฎหมาย ของเราถ้าผิดกฎหมายอยู่ แล้วถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วผิดกฎหมายจะได้ไม่มี ก็จะสนับสนุน พรุ่งนี้ไม่ต้องพาดหัวนะ สมัครประกาศสนับสนุนการพนัน ทำเสียให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตีตั๋วเล่นไพ่ตีตั๋วได้อย่างไร นั่งขานกันน่ะตีตั๋วกันทำไม ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทำไมที่วิ่งไล่จับกันบ่อนโน้นบ่อนนี้ลอยฟ้าใต้ดินอะไรกันนั้น ต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย สนับสนุนให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
คำถาม อ่านให้ฟังครับ ผมไม่ได้ว่านะครับ ฝากเรื่องสื่อ สื่อเมืองไทยทำตัวไร้ประสิทธิภาพ ทำข่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทำให้ภาพของประเทศไทยต่อต่างชาติไม่ดี รัฐบาลต้องมีหน้าที่บริหารประเทศ มาคอยสู้รบปรบมือกับสื่อตัวเองไม่เกิดประโยชน์ เห็นด้วยกับท่านนายกฯ ที่ออกมาวิจารณ์สื่อ และเป็นกำลังใจ
ผมไม่วิจารณ์นะครับ ไม่น่าเชื่อได้ 3 — 4 คำถามหมดเวลา เพราะว่าพูดเรื่องนี้ยาวไปนิดหนึ่ง แต่ก็พอสมควรครับ เอาละครับเดี๋ยวเขาว่าหาประโยชน์ เวลานิดหน่อย ดีนะครับได้เจอกันอย่างนี้ คราวหน้าจะเอาปัญหาให้มากหน่อย คราวหน้าจะตอบปัญหา 20 นาที สารคดีสั้นหน่อย และเรื่องที่จะทำก็อย่างที่ว่านี้ ขอขอบพระคุณครับ ทุกฝ่ายที่ได้ช่วยทำให้รายการนี้ยังอยู่ได้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ของผม เวลานี้ใครที่พนันกันไว้วันที่ 6 มีนาคมนี้ครบ 1 เดือนแล้ว ใครพนัน 2 เดือน 3 เดือนก็คอยดูแล้วกัน ว่าใครจะเสียเงินไม่เสียเงิน ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้นานเท่าไร วันนี้ยังอยู่ครับ เดี๋ยวจะไปลงเลือกตั้งครับ วันอาทิตย์หน้าพบกันใหม่ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
----------------------------
เชิญชวนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว.
สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการ “สนทนาประสาสมัคร” กลับมาเหมือนเคยนะครับหลังพระเทศน์ วันนี้ท่านเจ้าคุณท่านผู้ช่วยวัดสุทัศน์เทพวรารามเชิญชวนไปลงเลือกตั้ง ผมก็ชวนเชิญครับ เมื่อวันที่ไปประชุมสภากลาโหม (28 ก.พ.) บอกกำลังพลทั้งหมดประกาศให้ไปลง แล้วแต่ไม่มีการเมืองเกี่ยวข้อง ใครจะลงใครตามใจชอบ ขอแรงนะครับ วันนี้ผมพูดเสร็จแล้วผมก็ไปลงคะแนน ธรรมดาลง 09.00 น. วันนี้ต้องไป 10.3 0 น. อยากจะเริ่มต้นอย่างนี้ครับ รายการจะเป็น 3 ท่อน ท่อนแรกจะเล่าให้ฟังว่าอาทิตย์ที่แล้วทำอะไรไปบ้าง ท่อนที่สองก็ต้องต่อว่าต่อขานนิดหน่อย เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างคนเป็นหัวหน้ารัฐบาลกับคนทำหน้าที่สื่อสารมวลชน สุดท้ายจะเป็นสารคดีเรื่องทุกข์ก็เป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์ ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนะครับ แต่จะเล่าให้ฟัง รอฟังตอนท่อนหลังด้วยนะครับใครเป็นหนี้
สื่อญี่ปุ่นสนใจการเมืองไทย
เริ่มต้นต้องเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ อาทิตย์ก่อนนี้พอเริ่มต้นก็ประเดิมดี ญี่ปุ่น 16 บริษัทแวะมาเยี่ยม คองเกรสแมนจากสหรัฐอเมริกามาคุย พอมาเสร็จ ญี่ปุ่นมาขอต่อเติม ท่านทูตบอกว่ามีสื่อมวลชน 17 สถาบันทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ 17 หน่วย ขอพบได้ไหม บอกได้ คุยกันขอ 1 ชั่วโมง ก็ให้ 1 ชั่วโมง 15 นาที พูดคุยเรียบร้อยดีครับ ญี่ปุ่นสนใจเรื่องการจะมาช่วยในลุ่มนี้ คือเดือนหน้าผมจะไปประชุมเรื่องเกี่ยวกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ญี่ปุ่นก็อยากจะมาช่วย เขาบอกทำไมไม่ชวนเขามาช่วยด้วย ผมก็บอกแปลกเหมือนกัน ญี่ปุ่นเพิ่งช่วยไป ประชุม 3 ประเทศเขาช่วยไป 20 ล้านเหรียญ เขาก็ถามมา ซักถามดีครับ แต่น่าประหลาดใจนิดหน่อย ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นสนใจการเมืองในเมืองไทยอย่างยิ่ง เสียเวลาตอบคำถามไปเยอะ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ เข้าพบ
ถัดไปสหรัฐอเมริกามาอีกแล้วครับ ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก (พลเรือเอก Timothy Keating) แต่ก่อนเรานึกว่าเป็นกองทัพเรือที่ 7 คนนี้ใหญ่กว่ากองทัพเรือที่ 7 คือคุมทั้งหมดเลย และท่านเป็นทหารแต่งเครื่องแบบปกติขาวมาด้วย ท่านมาเยี่ยมเพราะผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทีนี้ผมมีงานอื่นต่อ เลยบอกท่านแวะมาที่ทำเนียบรัฐบาลได้ไหม ทางฝ่ายทหารก็ดี จัดการโยกย้ายมาให้เสร็จเลย ก็คุยกันดีครับ คุยกันพอสมควรแก่เหตุ เรื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ เรื่องเรือรบ เขาเล่าให้ฟังว่าเราส่งเรือรบที่เขาอยากได้คืนกลับไป เรือรบหลวงคือ นาคา 400 ตันเท่านั้น เป็นเรือสำหรับช่วยยิงข้ามเวลาที่ยกพลขึ้นบก ผลิตออกมา 130 ลำ มาตกอยู่ประเทศไทยลำหนึ่ง 129 ลำจมหมดครับ สหรัฐอเมริกาอยากได้ ขอมา 10 ปีแล้ว เพื่อนผมบังเอิญเขาเป็นเพื่อนกับนายจอห์น แมคเคน ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พลเรือเอก ปรีดา การสุทธิ์ เขาเล่าให้ฟังว่าเพิ่งทำเสร็จเมื่อ 2 เดือนนี้เอง ตกลงคืนให้ไป ลากไปฮ่องกง แล้วลากออกไปส่งคืนที่ซานฟรานซิสโก ตกลงตราครุฑยังติดไว้ อะไรต่าง ๆ ทุกอย่างรักษาหมด เพียงแต่ธงไทยเปลี่ยนเป็นธงสหรัฐอเมริกา ชื่อเรือรบหลวงนาคา LSSL เลยคุยกับท่าน คุยกันไปคุยกันมา ท่านมาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแถวภูมิภาค ปัญหาในประเทศใหญ่ให้ผมออกความเห็น เลยปาฐกถาธรรมให้ท่านนั่งฟังข้างเดียว ก็สนุกดีเหมือนกัน เล่าให้มหาอำนาจขนาดใหญ่ฟังหน่อย เขาทำอะไรดี ๆ เยอะครับ แต่เขามาสะกิดใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เราเลยบอกว่าให้ทำดีมาตั้งเยอะ ทำไมไม่ภาคภูมิใจตรงนั้น จะมาเอาตรงนี้ ผมไม่เล่ารายละเอียด แต่คุยกันยาวเกินชั่วโมง
ประชุมสภากลาโหม
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผมมีประชุมสภากลาโหม ก็ไป 09.30 น. ประชุม คนสำคัญกลับมาก็ 09.40 น. ผมก็ไปนั่งประชุมกับทหารถึงเที่ยงกว่า คือผมไม่ได้เห็น ไม่ได้ดูเลย และผู้สื่อข่าวต้องให้ผมถามเรื่องพันอย่างนี้ ผมเลยมาอภัย ผมขึ้นรถ ขออภัยผู้สื่อข่าววันนั้นด้วยครับ คือตอบคำถามอะไรไม่ได้ เพราะนั่งประชุมกับเขาอยู่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็รู้ว่าจะต้องถูกถามอะไร เลยขึ้นรถเลย เขาก็โมโหนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรครับ กันเอง
คณะกรรมาธิการยุโรปพร้อมขยายความร่วมมือกับไทย
พอเสร็จเรียบร้อยวันรุ่งขึ้น (29 ก.พ.) ตอนบ่ายคณะกรรมาธิการยุโรป (EU) มา ประธาน EU เขาผ่านมาทางนี้ ก็มาคุย คุยยาวเลยครับ มาแบบเดียวกันหมดเลย แต่ก็คุยกัน เราก็ให้ข้อมูลกับเขา ให้เขาคลายใจ และบางครั้งจะได้ช่วยเอื้อเฟื้ออะไรกันอย่างไรได้ บอกเลยคราวหน้าเดือนมิถุนายนจะต้องไปที่บรัสเซส บอกเดือนมิถุนายนต้องมีอะไรไปเล่าให้ฟังอีกเยอะ มีความคืบหน้าเยอะ ก็ดีครับ EU ก็หันกลับมา ตอนก่อนหันหลัง เดี๋ยวนี้หันหน้ามา สหรัฐอเมริกาแต่ก่อนหันหลัง เดี๋ยวนี้หันหน้า ญี่ปุ่นกับจีนหันข้าง เดี๋ยวนี้หันหน้ามาหมด ก็บอกแล้วว่า ถ้ารัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง เขาก็กลับมาเหมือนเดิม พอเหมือนเดิมก็เริ่มออกเดินหน้า ไม่ใช่ฝีไม้ฝีมืออะไรของผม เก่งกาจอะไรหรอกครับ มันเรื่องของการกลับมาสู่สภาพเดิม แล้วบ้านเมืองก็จะเดินหน้าต่อไป ท่านทั้งหลายที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ก็เข้าสภาพปกติ กลไกมันเข้าการเดินทาง ผมก็เป็นเพียงแต่ว่าคอยดูนโยบายเป็นคนถือหางเสือเท่านั้นครับ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาพบ
พอวันที่ 29 กุมภาพันธ์ จะไปลาว คนสำคัญมาอีก ชื่อนาย Christopher Hill ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ กิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก คนนี้ถ้าท่านดูข่าวต่างประเทศ คนนี้เก่งเจรจาความเรื่องนิวเคลียร์ที่เกาหลี มาเจรจาที่กรุงโซล พูดไปพูดมาเอา 6 หน่วยมาเจรจาความ คนนี้แหละครับเป็นตัวอย่าง ที่เขามีปัญหาข้างหน้าเรา เราบอกต้องคุยกับคนนี้ มาเลย Christopher Hill เดี๋ยวนี้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้นั่งคุยกัน ยาวเหมือนกันครับ บางทีเหมือนกับซ้ำซาก แต่ว่าคนละมุมคนละแง่ คนละประเด็น คนนี้เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย ก็เล่าให้ฟังได้เท่าที่จะเล่าให้ฟัง คือเขาสนใจเรื่องต่าง ๆ ผมก็ลำดับความให้ฟัง แต่ตอนลำดับความต้องชำเลืองดูกระทรวงการต่างประเทศ ท่านปลัดกระทรวงมานั่ง ท่านไม่คุยหรอกครับ ท่านคอยดูว่าผมจะมีอะไรบกพร่องอะไรไหม ก็เรียบร้อยดีครับ ขออนุญาตกระทรวงการต่างประเทศว่า อย่างนี้ออกความเห็นได้ไหม พูดกันก่อนนะ ท่านบอกขอบเขตตรงนี้ได้ เราก็คุย เพื่อให้แขกเมืองเขาเห็นว่า เรามีสติปัญญาความคิด รู้ตื้นลึกหนาบาง รู้ความเป็นมาเป็นไป คุณจะเอาของคุณอย่างนั้น เราบอกคุณต้องรู้ตื้นลึกหนาบาง บางทีอ้างบาลีให้อเมริกาฟัง จริงครับ ผมบอกเลยว่า “วิสาสา ปรมา ญาติ” ความได้สนทนาวิสาสะกันเป็นญาติอย่างยิ่ง ผมก็บอกคุณไปคุยที่เกาหลีจนกระทั่งสำเร็จ เกาหลีตกลง เรื่องนิวเคลียร์เบาบาง เรื่องอย่างนี้ต้องตั้งวงคุย มีข้อสนทนาเป็นที่เข้าใจกันอย่างดีว่า เราจะช่วยงานกันตามสมควร ตามประสาครับ เราอยู่ข้างรั้วติดกัน เขาอยู่ไกลคนละซีกโลก อะไร ๆ ก็กดดัน เราก็กดดันเหมือนกัน แต่เบา ๆ
เดินทางเยือนสปป.ลาวอย่างเป็นทางการ
ทีนี้ไปลาว เรียกลาว ต้องเรียนว่า สปป.ลาว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็ทำตามวิธี คือเป็นบททดสอบที่ 1 ผมเกิดมาก็ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี พอเป็นแล้วต้องเดินทางไปแสดงตัว มี 10 ประเทศอาเซียน ก็ต้องไป 9 ประเทศ ในเวลาอันรวดเร็วไม่ชักช้า ไปกัมพูชาคาบเกี่ยวเจอวันอังคารประชุมคณะรัฐมนตรี อังคารนี้จะขาดประชุมหนหนึ่ง นอกนั้นจะไปวันอื่น พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ เป็นคู่ ๆ งานสภาฯ ถ้าเผื่อเกี่ยวข้องก็ต้องอยู่ตามสมควร ประชุมสภาฯ รู้ล่วงหน้า แต่งานทำเนียบรู้ประจำอยู่แล้ว เล่าให้ฟังตรงนี้ครับไปลาว มีพิธีการนิดหน่อย คือไปเป็นทางการ ไปถึงก็ต้องมีพิธี ผมไปเครื่องบินของการบินไทย ก็สะดวกดี ไปถึงพอลงเครื่องก็ไปเข้าโรงแรม ผมหิวข้าว อยู่บนเครื่องบินเขาก็เลี้ยง ไปถึงก็กินข้าวอีก และไปทำพิธีรับ ตรวจพลนิดหน่อยที่หน้ารัฐสภาลาว เสร็จเรียบร้อย ก็โค้งไปอีกที่ มองเห็นกัน ก็ไปวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ตามพิธีการ และไปทำเนียบ พบท่านนายกรัฐมนตรีลาว สนทนานั่งกันสองฝั่ง
บริษัทของไทยได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่ในลาว
เรื่องที่ได้คุยกันเป็นเรื่องที่ผมเองก็ไม่คาดคิด อย่าลืมนะครับ ผมเท่ากับไปฝึกงาน เดินทางไปเยี่ยมต่างประเทศเป็นครั้งแรก แต่เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่คนละฝากแม่น้ำ ผมไปลาวมาหลายหน ไปในฐานะท่องเที่ยว ฐานะผู้ว่า กทม. คราวนี้ไปในฐานะนายกรัฐมนตรี นั่งคุยกันชั่วโมงหนึ่ง ได้รู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน คือ สปป.ลาวเขาเปิดประเทศให้คนไปลงทุน แล้วคนที่ลงทุนใหญ่ที่สุดมากที่สุดคือประเทศไทย ไม่น่าเชื่อครับ บริษัทในประเทศไทยไปลงทุนเปิดทำเหมืองแร่เหล็ก เหล็กเมืองไทยมีแต่เปิดไม่ได้เพราะมีน้อย ที่ลาวมีมหาศาล เชื่อไหมครับ เหล็ก เมื่อไม่นานนี้กิโลกรัมละ 11 บาท ขึ้น 12 บาทก็บ่นกัน ขึ้นไป 21 ร้องกันเลย วันนี้เหล็กกิโลกรัมละ 32 บาท ต่อไปไม่นานนี้จะได้เอาเหล็กจากลาว เราจะซื้อเหล็ก เราใช้เหล็กปีละ 14 ล้านตัน ทีนี้จะเปลี่ยนเป็นลาว บริษัทเดียวกันได้สัมปทาน เรานึกว่าอลูมินั่ม ต้องอยู่ออสเตรเลีย ไม่ใช่หรอกครับ ในลาวมีแร่ที่จะผลิตอลูมินั่ม ประเทศไทยได้รับสัมปทานเข้าไปทำอีกแล้ว ที่น่าอิจฉาหน่อย ออสเตรเลียเขามาเปิดเหมือง เขาสำรวจมา ข้างบนมีทองคำ ลงไปข้างล่างเป็นทองแดง เหมืองใหญ่ครับ ใหญ่ไม่ใหญ่ก็มีคนงาน 20,000 คน เปิดแล้วทำแล้ว และมีอยู่ห่างจากแม่น้ำโขง 99 กิโลเมตร และเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้แร่มาแล้ว จะต้องเอาขึ้นใส่คอนเทนเนอร์ลากมาแล้วข้ามฝากมาขึ้นที่วาปีนี่แหละครับ อยู่ริมแม่น้ำ เอามาถลุงที่มาบตาพุด ผลประโยชน์ร่วมกัน ทองแดงเอามาถลุงที่มาบตาพุดของเรา ส่วนทองอาจไปถลุงออสเตรเลีย เขาก็ทำธุรกิจ เราก็ได้ธุรกิจร่วมกัน ธุรกิจอื่น ๆ อย่างบริษัทสำคัญดัง ๆ ของเราที่ทำทางยกระดับบ้านเรา ไปทำเขื่อน ที่ลาวที่เขาเรียก water shade เป็นภูเขา และเขียว ซับน้ำดี ใส่เขื่อนน้ำงึม ผมไปนั่งกินข้าวริมเขื่อนน้ำงึม เดี๋ยวต้นไม้ผางขึ้นมา ๆ ก็มีเรื่องเล่าให้ฟังคือทำเขื่อนน้ำงึมเสร็จ คาดว่า 2 ปีน้ำจะเต็ม คาดผิดครับ เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง 6 เดือนเท่านั้นครับ น้ำเต็ม ที่จะทำ routing เอาต้นไม้ออก ออกไม่ได้ ต้องใช้ระบบมนุษย์กบลงไปเอาเลื่อยไฟฟ้าไปตัด ทำ routing ใต้น้ำถ้าน้ำมาเร็ว นั่นคือสปป.ลาว เขื่อนน้ำงึม
สร้างสะพานมิตรภาพส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ลาว
พอน้ำงึมเสร็จ ก็มาเปิดน้ำเทิน 1 น้ำเทิน 2 ลาวเปิดเอื้อเฟื้อ คุยกันแล้วต้องบอก ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของเรา เราคือไทย เพราะบางทีก็ซื้อจากฝากกระโน้น ฝากกระนี้ เพื่อนบ้านมีทรัพยากร ไทยก็เป็นคนที่เรียกว่าบริโภค ใช้เลยครับ เวลานี้กำลังซื้อใหม่ 7,000 เมกะวัตต์ เวลาลาวทำได้ 100 เมกะวัตต์ ลาวใช้ 10-15 เมกะวัตต์ นอกนั้นไทยซื้อหมด เอามาใช้ ร่วมกันนะครับ เพื่อนบ้านก็ได้ประโยชน์ เราก็ยิ่งได้ประโยชน์ บอก 1-2-3-4 เราทำอย่างไร เราช่วยเขาครับ ที่ผ่านมาช่วยไปทั้งหมด 5,000 ล้านบาท ไม่มีปัญหาครับ ไม่ได้มีรุงรังแบบที่นินทาว่ากล่าวกัน ทำสนามบินที่ทางใต้ที่ปากเซ กำลังลงมือ 320 ล้าน บริษัทไทยก็ได้เป็นคนทำ กำลังเจรจาอยู่อีกที่ เหนือขึ้นมาหน่อย ทำสนามบิน จะได้ใช้ร่วมกับไทย แล้วก็สะพาน สมัยก่อนสะพานมิตรภาพมีหนึ่ง รถไฟข้ามฝาก รถไฟข้ามไปแล้ว กำลังนี้เราก็ช่วยทำรถไฟข้ามแล้วลงไปที่นาแล้ง 3 กิโลเมตรครึ่ง ทางลาวบอกไปนาแล้งเหลืออีก 9 กิโลเมตรกว่าไปถึงเวียงจันทน์ได้ไหม เราบอกอย่างนี้ได้ เราจะช่วยดูแลให้ ไม่ยากครับสำหรับประเทศไทย แค่นี้เอง ถึงเลย ต่อไปนั่งรถไฟถึงเวียงจันทน์เลย ส่วนรถไฟอื่นที่ผมจะต่อออกไป ผมจะต่อทางอื่น จะขึ้นแถวๆ เด่นชัย ขึ้นไปทางเหนือ ไปเชียงรายออกไปทางสะพานจะข้ามใหม่ พอผมรู้ข่าวผมต้องเจรจากับจีนด้วย เพราะจีนกับไทยจะร่วมกันทำสะพาน สะพานที่ 4 จะข้ามที่เชียงของ ไปห้วยทราย ออกไปหลวงน้ำทา ขึ้นไปยูนนาน ออกไปโน่น ขึ้นไปปักกิ่งได้เลย หวังใจว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งไปทั้งมาครับ ขนส่งสินค้ากัน ตรงนี้ก็ไปเอื้อเฟื้อส่งถึงนครเวียงจันทน์
ทีนี้ต้องช่วยกันอย่างไร ที่น่าตื่นเต้นคือว่าทางลาวกับไทย แหงนไปดู กั้นเขื่อนก็ยังไม่เป็นปกติ ทางลาวคิดกับไทย ทำอย่างไร กั้นบ้างครับ ลาวตกลงเรียบร้อยแล้ว ทางไทยยังไม่เรียบร้อยต้องมาทำกรรมวิธีต้องผ่านตรงนั้นตรงนี้ให้เสร็จก่อน เดือนหน้าผมต้องไปประชุมที่ลาว ผมจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเซ็น ทำเขื่อนกั้น ทำระดับ ยกแม่น้ำขึ้นมา 18 เมตร ถอยหลังไป 110 กิโลเมตร น้ำจะมากขึ้น ท่านนายกรัฐมนตรีลาวบอกว่า ท่วมลาวเยอะหน่อย ท่วมไทยน้ำ แต่ไม่เป็นไร ได้ประโยชน์ทั้งสองประเทศ เห็นไหมครับสองฝากตกลงจะทำเขื่อนกั้นสูงยกน้ำขึ้นไป 18 เมตร จากธรรมดา 110 กิโลเมตร ข่าวดีครับ ใครจะเอิกเกริกอย่างไรก็สุดแท้แต่ ผมก็ออกข่าวอย่างระมัดระวัง แต่ทางลาวตัดสินใจเรียบร้อยหมดแล้ว ต่างคนต่างช่วยกันไปช่วยกันมา
สะพานที่จะวางศิลาฤกษ์เร็ว ๆ นี้ สะพานมิตรภาพที่ 1 หนองคาย สะพานมิตรภาพที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต สะพานมิตรภาพที่ 3 นครพนม-คำม่วน และไปสาย 12 ทางโน้นไปสาย 8 สาย 9 และไปสาย 12 สาย 13 วิ่งยาวจากเวียงจันทน์ลงไปปากเซ ก็ได้รับความเอื้อเฟื้อช่วยกันไปช่วยกันมา แต่ความจริงนั้นทรัพยากรที่ลาวมี ถี่ถ้วนนะครับ พยายามให้ทุกอย่างเรียบร้อย เจรจาความกันอย่างประเภทเอื้อเฟื้อกันซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น การที่เราให้อนุเคราะห์ลาวบ้าง ลาวอนุเคราะห์ไทยบ้าง เป็นการตอบแทน สองฝากแม่น้ำ ผมเรียกว่าประเดิมดี คือไปทำหน้าที่ได้ทดสอบการไปเยือนต่างประเทศเป็นทางการเป็นครั้งแรก ย้ำว่าเพิ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีกับเขา ก็ทำได้เรียบร้อยดี
เดินตลาดเช้าของลาว
เสร็จเรียบร้อยก็ดูอะไรต่าง ๆ เขาต้อนรับเสร็จ ก็เล่าให้ฟังจนจบ พอเสร็จพิธีกลางคืนก็เลี้ยงข้าว ตามพิธีการ ตอนเช้าก็ให้ไปไหว้พระธาตุหลวง ผมก็กระซิบบอก รปภ. เจ้าภาพด้วยว่า มาเยี่ยมลาวแล้วก็มีความยินดีที่จะไปตลาดเช้ามืด ก็ไปวงเล็ก ๆ ไม่กี่คน ตอนหกโมงครึ่ง เจ้าภาพคนพาไปที่ไม่เจอ ผมเคยไปมาแล้ว 2 หน ผมพาไปบอกว่าต้องไปทางนี้ ไม่มีอะไรหรอกครับ ไปดูอาหารการกิน ซื้อข้าวเหนียวนึ่งมา ซื้อลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอก หมูย่างสับ ท่านรัฐมนตรีท่านต้องมาด้วย มีรัฐมนตรีประจำตัวนะครับ รัฐมนตรีเกษตรและป่าไม้ ท่านมาด้วย ท่านอ้วน พมมะจัก เอกอัครราชทูต สปป. ลาวประจำประเทศไทย ตกลงวีไอพีมา 2 คน ของเรา 5-6 คน ตั้งวงกินกันในตลาด ผู้คนก็มาดู บอกให้เขาเดินธรรมดา ๆ เสร็จแล้วก็เดินดูอาหารการกิน ได้รู้อะไรครับ ได้รู้ว่าลาวกับไทยเหมือนกัน มีร้านหมู 20 ร้านเนื้อ 2 แสดงว่ารักเจ้าแม่กวนอิมกันเหมือนกันทางโน้น สมมติไปดูฟักทอง ท่านรัฐมนตรีลาว ท่านทูตลาว บอกจะซื้อฟักทอง คนไทยบอกซื้อคบคนต้องดูหน้า ซื้อผ้าต้องดูเนื้อ ซื้อฟักทองต้องทำอย่างไร นายกฯ ไทยเลยใช้ประสบการณ์เล่าให้ท่านฟังหน่อย แต่ก่อนหมูของเรากิโลกรัมละ 100 บาท ที่ลาว 110 บาท ตอนนี้ลาว 110 บาท แต่เมืองไทย 120 บาท ก็อธิบายให้ท่านฟังว่าเกิดเหตุอะไรอย่างไร ไปอย่างนี้ก็ได้ประโยชน์ครับ ไปอยู่ตลาด 2 ชั่วโมง นอกรายการ ก็แต่งตัวให้เข้ากับไปตลาดหน่อย
เสร็จแล้วก็ไปไหว้พระธาตุ แล้วสถานทูตก็จัดการให้ไปเจอทีมไทยแลนด์ แต่ก่อนนี้ต้องมีข้าราชการล้วน เดี๋ยวนี้ทีมไทยแลนด์ที่ลาวมีภาคเอกชนเข้ามานั่งคุยด้วย คุยกันค่อนชั่วโมง ประชาชนไทยก็มาสถานทูตกันเต็มไปหมดครับ ทางสถานทูตก็เลี้ยงข้าว ผมก็ปราศรัยตามสมควร เสร็จเรียบร้อยไปยืนส่งเขา เขาส่งที่โรงแรม ผมกลับมาโรงแรม ท่านนายกรัฐมนตรีลาวมาส่งที่โรงแรมคุยกันนิดหนึ่ง และทำพิธีส่งกลับ ก็ขึ้นเครื่องบินกลับ เรียบร้อยนะครับ ไม่มีปัญหาอื่น
ทำความเข้าใจกับสื่อในการเสนอข่าว
ถัดไปเล่าโครงการให้ฟังแล้ว ผมอยากจะบอกให้ฟังนิดหนึ่งเรื่องการแสดงความคิดเห็น คือเรื่องการแสดงความคิดเห็นอะไรต่าง ๆ ก็พอแสดงได้ แต่บางแสดงกัน ผมเห็นว่าไม่เข้าใจ บอกว่าสมัครตบะแตกแล้ว จะไปรับเงิน 50,000 บาทได้ที่ไหน ผมบอกให้ฟังว่า วันที่ผมถามย้ำ ผมไม่ได้ตบะแตกอะไร วันที่ผมไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เขาถามผมเรื่องนายกฯ 2 คน นายกฯ ซ้อน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ทำเก้าอี้ นายกฯ ทักษิณนั่งข้างผม อะไร ๆ ต่าง ๆ มันประหลาด วันที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กลับมา ผมบอกก็ยินดีกลับมาขึ้นศาล คนไปรับมาก บอกไปรับมากเดี๋ยวมีปัญหา รับน้อยหน่อยก็ดี ก็ปลอดภัยดี ไปรับกันพอสมควรพองดงาม คือจบทุกอย่างได้ดี ท่านขึ้นศาล ศาลได้กรุณาจัดการให้มีประกัน เสร็จเรียบร้อยหมด กลับสู่สถานะปกติ แต่พวกรายงานข่าวไม่ปกติ วิพากษ์วิจารณ์กัน ผมเห็นสมควรต้องพูดกันตรงนี้หน่อยว่า ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านไม่ได้มายุ่งอะไร ท่านบอกท่านไม่ยุ่งไม่เกี่ยว ท่านเลิกแล้ว ผมก็ทำหน้าที่ของผม เสี้ยมกันจริง อย่างนั้นอย่างนี้ ทางนี้อดีตนายกฯ มา นายกฯ ปัจจุบันไปเดินเหมือนคนแก่เดิน ผมถึงต้องย้อนไปอบรมกันนิดหน่อย บอกอะไรกัน คุณคิดได้แค่นี้เหรอ ผมย้ำสัก 5 หน ถามคุณคิดได้แค่นี้เหรอ อะไรไม่เห็น ทุกอย่างเสร็จเข้าที่เรียบร้อย จะเอากันท่าเดียว
และที่ประหลาดที่สุดคืออะไรรู้ไหม เหตุที่อดีตนายกฯ กลับเพราะว่าพรรคพลังประชาชนที่ผมดูอยู่เกิดความแตกแยก นายสมัครเอาไม่อยู่ ต้องตามอดีตนายกฯ มาเอาอยู่ คิดอะไรกันไม่เข้าท่าเลย จะอยู่ไม่รู้อย่างไร ผมก็อยู่กันมาอย่างนี้ ผมอยู่กันเรียบร้อย ครม.อยู่มาเกือบเดือน แต่เรามี 21 คน ไม่ได้นั่งพูดจากันเลยว่าจะเอาอะไรอย่างไร ผมบอกว่าวันก่อนจะไปมาซักซ้อมกันหน่อย หมายความว่ามากินข้าวกันตอนเย็น จะเอาเดือนละหน แปลว่าถอดเสื้อนอกเลย เป็นใครก็ถอดได้ สั่งอาหารมากิน หกโมงเย็น สองทุ่มเลิก ก็คุยกัน ก็ได้ประโยชน์ครับ ผมคุยกันปรับทุกข์ปรับร้อนว่าใครเป็นอะไร ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ไม่น่าเชื่อ บอกกระทรวงเกษตรฯ ว่าเลี้ยงหมูแทบแย่ พอฆ่าขึ้นเขียง ไปสาธารณสุข เขาต้องพูดกันหัวเราะกัน คุยกันเรื่องปุ๋ย ท่านรัฐมนตรีรู้เรื่องปุ๋ยคุยให้ฟังก่อนอภิปรายกันในสภาฯ คุยกันเรื่องปุ๋ย ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ ดีครับ ผมได้รับรู้เรื่องอะไรเยอะแยะ แต่คนที่เป็นรัฐมนตรีเขารู้เรื่องปุ๋ย เขาก็พากันถามให้รัฐมนตรีด้วยกันฟังว่ามันเป็นอย่างนี้ ๆ เขาคุยกันดี
ก่อนหน้าท่านว่าอย่างไร คนนั้น ๆ ภรรยาท่านอดีตนายกฯ สั่งให้มีประชุม ครม. จะปรับ ครม. ออกตัววิ่งเลยนะครับ วิ่งโทรทัศน์ด้วย สั่งเลยจะให้ปรับ ครม. ผมต้องใช้คำว่า นี่บ้าหรือเปล่า ตั้ง ครม.มาเดือนหนึ่ง ภรรยาอดีตนายกฯ สั่งให้เรียกประชุมเพื่อจะปรับ ครม. อันนี้ผมต้องตำหนิ ผมไม่มีการเก็บไว้หรอกครับ จะได้เป็นบทเรียนว่าออกข่าวอะไรกันแบบนี้ ออกข่าวอะไรกันไม่เข้าท่าอย่างนี้ มันประหลาดตรงที่ว่าผมทำหน้าที่ของผมถูกต้อง ผมก็ตัดสินใจดำเนินการ ทั้งสองท่านไม่ได้เกี่ยว ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี นี่พูดย้ำให้เข้าใจ ท่านระมัดระวังรักษา ผมก็ระมัดระวังรักษาท่วงทีของผม ก็ทำหน้าที่ของผม ทหารก็ยังระมัดระวัง รัฐบาลไม่เคยออกปากมาขอแรง ใครจะดูแลอะไรเขาก็มีหน้าที่ดูแลกันหมด ทุกอย่างทำหน้าที่ แต่คนที่ไม่ทำหน้าที่คือบรรดาคอลัมนิสต์ทั้งหลาย สื่อสารมวลชนบางประเภท เที่ยวถามเที่ยวเสี้ยม และอ้างว่าต้องทำหน้าที่ ถ้าไม่พูดจะรู้ได้อย่างไร ต้องพูด ผมเป็นคนไม่เก็บไว้ พูดให้เข้าใจให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทำงานวันต่อไปจะได้ไม่ต้องมาพูดจาเรื่องนี้อีก ผมก็จะทำงานของผม
เรื่องอย่างนี้ก็ขอบอกว่าได้ช่วยกรุณาช่างน้ำหนัก ยุคก่อนสมัยก่อน ตอนมีการเปลี่ยนแปลงกัน เขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร หุบปากกันหมด เงียบกันหมดไม่ฟังวิพากษ์วิจารณ์ พอเขามาจากเลือกตั้ง เขามีการปรับปรุงแก้ไข โอ้โห พูดกันจะเป็นจะตาย ไม่หรอกครับ เรารู้ว่าเราทำอะไร ขอบเขตมีแค่ไหน ทำได้แค่ไหน และทำอะไรเพื่ออะไรอย่างไร ทำไมคนมาจากเลือกตั้งเป็นรัฐบาลแล้วจะทำหน้าที่อะไรอย่างไรบ้าง ไม่ได้เหรอครับ ได้พูดกราดไปทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะกลุ่มจะก้อนจะพรรคการเมืองอะไรต่าง ๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้เลย อะไรผมเลือกตั้งกลับมาแล้ว ทำอะไรทิ้งไว้ผมต้องมานั่งทนอย่างนี้อีก ต้องอยู่อย่างนั้นต่อไปอีก 4 ปี มีคนเขาตั้งไว้ให้เสร็จ ไปแตะต้องไม่ได้ แต่พวกนั้นโยกย้ายต่าง ๆ หุบปากไม่เคยมีวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทำไมคนมาจากเลือกตั้ง มาบริหารบ้านเมือง หยิบตรงนั้นหยิบตรงนี้ ทุกคนต้องรับผิดชอบครับ รัฐมนตรีนี้ท่านต้องชี้แจง ท่านทำตรงนั้นทำไม รัฐมนตรีต้องชี้แจงว่าเป็นอย่างไร เวลาชี้แจงไม่ค่อยฟังหรอกครับ เอาแต่ว่ากล่าว ๆ ตอนนั้นนับหนึ่ง นับสอง นับสาม เพิ่งนับได้สี่เท่านั้นเอง ทั้งหมดมีเท่าไร แต่ก่อนนี้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไร
แล้วถามสิครับว่าในต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกาเวลาเขาเลือกตั้ง เขาเลือกตั้งวันอังคารต้นเดือนพฤศจิกายน เลือกตั้งเสร็จแล้ว รู้ผลเสร็จแล้ว เขาทิ้งไว้ทำไม ทิ้งไว้ตั้งแต่อังคารต้นเดือนพฤศจิกายน ไปทำหน้าที่รับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคมปีถัดไป 2 เดือนกว่าเขาทำอะไรทราบไหมครับ เขาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่ตรงนั้นออก ตรงนี้ออก ชุดนี้ออก ชุดนี้ต้องเปลี่ยน เขาทำกันอยู่ตรงนั้น นั่นแหละครับเขาทำกันมา 200 ปีแล้วแบบนั้น ของเรามีความเปลี่ยนแปลง 16 เดือนที่แล้ว ไม่มีใครว่าอะไรเลย พอเสร็จแล้วพอจะเล่ามาจากการเลือกตั้ง จะมาปรับปรุงหน่อย คอยปากยื่นปากยาวมา ผมว่าอย่างนี้ตรง ๆ ครับ ผมเป็นคนพูดจากตรงไปตรงมา ก็ให้รู้กันไว้เท่านั้น ถ้าไม่พูด เดี๋ยวจะว่าพูดทำไม จะให้เงินเดือน นี่ไม่ใช่เป็นคนเลวนะครับ นี่พูดในฐานะว่าคิดดี ผมแน่ใจว่าผมคิดถูก จึงได้อธิบายความให้รู้เสียว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร และต่อว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ
อย่างข่าวที่บิดไปบิดมา ผมต่อว่าไปแล้ว แต่ว่าจะต้องต่อว่าอีก เพราะว่าผมแถลงข่าวเมื่อวันที่ออกมา ตก ๆหล่น ๆ บอกว่าท่านที่ดูโทรทัศน์ ผมอธิบายพูดจาชัดเจนเรียบร้อยหมด แต่ข่าวมาออกขาด ๆ วิ่น ๆ กระโดด ๆ อะไร เมื่อเช้าผมนอนฟังอ่าน โทรทัศน์ออกข่าวเรียบร้อย แต่ว่าข่าวหนังสือพิมพ์กระโดด ๆ กระตุก อย่าว่าผมเรื่องมากเลย เสนอข่าวแบบฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อย่างนี้คนให้สัมภาษณ์เสียหาย ผมไม่ออกรายละเอียดนะครับ ไปตรวจดูแล้วกัน เอาข่าวโทรทัศน์มาดู ผมพูดว่าอย่างไร ผมแน่ใจว่าผมพูดครบถ้วนถูกต้อง แต่เสนอข่าวกันออกมาแล้ว โน่นไปนี่ นี่ไปโน่น สับไปสับมา เหมือนเวลาจดข่าวอะไรต่าง ๆ คุยกันไปคุยกันมา หรือไปแลกเปลี่ยนข่าว หรือไปขอข่าวใครมา มันสับสน บอกไว้เพื่อติเพื่อก่อ ถามพูดทำไม พูดเพื่อให้ว่าต่อไปจะได้ดีขึ้น แน่นอนครับ ถ้าผมพูดจาขาดตกบกพร่องอย่างไรต่อว่าได้ ตำหนิผมได้ แต่ผมแน่ใจว่าผมได้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควร เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีอะไรบกพร่องต้องใช้เวลานี้ครับ ไม่อย่างนั้นจะมีรายการอย่างนี้ไว้ทำไม จริงไหมครับท่านผู้ชม
อธิบายความ “ ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์”
ทีนี้ก็เอาละครับ ผมจะได้สนทนาในเรื่องที่ได้ตั้งใจจะมาคุย คือสารคดีเรื่องอื่น ๆ จะเกิดขึ้นตามสภาพ วันนี้ผมเลือกสารคดี ผมเลือกของผมเอง ประมาณกลางอาทิตย์เขาจะถามว่าวันนี้คุยเรื่องอะไร ผมจะบอกว่าเหมือนอย่างเคย 1 — 2 พอ 3 จะเป็น ตั้งชื่อมาบอกว่า “ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์” จะอธิบายความให้ฟังว่าวันนี้ที่จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพูดถึงเรื่องคนมีหนี้โดยคนที่มีปัญญาใช้หนี้ได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นหนี้อย่างอื่นเอาไว้ก่อนนิดหนึ่ง หนี้ชนิดนี้ที่ว่าคนเป็นข้าราชการและจะคาบเกี่ยวไปถึงคนบริษัทห้างร้าน ถ้าหากว่าจะฟังความแล้วจะเอื้อเฟื้อกันด้วย แต่ผมมีบทเรียนที่เจ็บแสบมาก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตอนจบสำหรับคนที่ไม่ใช่ราชการ
คือคนเราเป็นหนี้แล้วบอกว่าเป็นทุกข์แน่นอนครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ และท่านบอกว่าจะแก้ทุกข์ให้ไปดูสมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ แล้วบอกว่าถ้าไม่มีทุกข์แล้วมันดับทุกข์ก็มีความสุข และสอนถึงหนทางดับทุกข์ว่ามี 8 ทางที่เรียกว่ามรรค 8 ฉะนั้นหลักการนี้ท่านที่บวชเป็นพระท่านก็จะไปถึงปรินิพพานของท่าน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เอาเท่านั้น คือถ้าไม่เกิดไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายก็ไม่มีทุกข์ คือหมดการเวียนว่ายตายเกิด ก็ไปปรินิพพาน ทีนี้นอกเหนือสำหรับคนธรรมดาอย่างเรา ไม่ได้ถือศีล 227 ข้อ 10 ข้อก็ไม่ถือ บางที 8 ก็ไม่ถือ 5 ยังถือไม่ครบเลย อย่างนี้ เพราะฉะนั้นรถติดก็เป็นทุกข์ มาออกรายการวันนี้ไม่ทันก็เป็นทุกข์ มีเงินน้อยก็เป็นทุกข์ เงินเดือนน้อยก็เป็นทุกข์ มีเงินมากก็เป็นทุกข์ไม่รู้จะไปฝากที่ไหน ทั้งหมดเป็นความทุกข์ ดังนั้นสมุทัยก็ไปดูแล้วหาวิธีหนทางแก้ทุกข์ สมุทัยที่จะพูดนี้ ตรงนี้ไม่ต้องไปย้ำมาก เพราะว่าทุกข์ที่เกิดจากหนี้ หรือว่าเป็นทุกข์เพราะเป็นหนี้นั้น
มีคนเน้นว่าครู 600,000 — 700,000 คนเป็นหนี้ ถามว่าแล้วเหตุที่เกิดเป็นหนี้เพราะอะไร สารพัดครับ ด้วยความพลาดความพลั้ง ความโน่นความนี่ต่าง ๆ ไม่ได้เลยครับ มาแจงกัน บางคนนึกว่าไม่ได้มีอะไรอื่น แสดงว่าเกิดไปพลาดพลั้งต้องไปรับผิดชอบแทนเขา บางคนก็ไปเป็นนายหน้า แต่เขาบอกว่า ไม่อยากเป็นหนี้ไม่ให้เป็นนายหน้า ไม่อยากเป็นขี้ข้าอย่าให้เป็นนายประกัน คนไปเป็นประกันไปค้ำประกัน อยู่ดี ๆ สบาย ๆ ดีไปประกันให้เขาเสร็จเรียบร้อย นายประกันให้ลูกหนี้ คนที่เป็นจริงหนีไปไหนไม่รู้ นายประกันหน้าแหง เอาละครับ ตัวสมุทัยจะมาจากไหนอย่างไรเอาเป็นว่าเป็นหนี้ก็แล้วกัน เป็นหนี้แล้วเป็นลูกหนี้ดีก็ต้องใช้หนี้ บรรดาเจ้าหนี้ร้ายกาจ ฝรั่งก็มี ฝรั่งเขาเรียกให้พวก shark loan พวกเจ้าหนี้ร้ายกาจ บางคนเขาคิดว่าเขาจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อวัน เขาว่าเขาก็ไม่โกรธคนที่เอาอย่างนั้น เพราะว่าพวกแม่ค้าที่ว่าจะลงทุนวันละ 300 หาที่ไหนละครับ แต่คนเอาเขาบอกเขาเอาร้อยละ 20 ต่อวัน บ้าบอคอแตกที่สุด แต่คนที่จะทำมาหากินบอกไม่เป็นไร กู้ 300 ตอนเย็นคืน 360 เพราะ 300 นั้นสามารถจะมาทำอะไรต่ออะไร ๆ มาทำมาขาย ตอนเย็นได้เงิน 700 คืนไป 360 ก็ยังเหลือ 340 เอาเข้าบ้านได้ เห็นไหมครับของทำของขายยังเหลือยังกินได้
พฤติกรรมการให้กู้ของเจ้าหนี้ที่ร้ายกาจ
นี่เป็นเรื่องที่เขาว่าเขาใช้คืนได้ แต่หนี้ที่เกิดกันจริง ๆ ร้อยละ 10 เท่านั้น เอาละใครไปพลาดพลั้งอะไรต่าง ๆ วันนี้เกิดเหตุวันศุกร์ วันจันทร์ไม่เอาเงินไปเข้าให้เขา 80,000 บาทต้องตายแน่นอน เอาแค่นี้ละทำไม 80,000 เพราะว่าผมคุ้นเคยกับตัวเลข 80,000 80,000 บาท โอ้โฮ วันศุกร์ไม่เอาไปเข้า วันจันทร์ไม่มีเงินไปเข้าเสร็จเลย เสียตำแหน่งเสียเงินเดือน เสีย ทุกอย่างเสียหมด แล้วทำอย่างไร เสร็จแล้วก็ต้องจัดการหาเงินเข้า จะหาที่ไหน ให้รู้ล่วงหน้า 5 วันไปเจรจากับแบงก์เขาไม่ให้กู้หรอกครับ มีอะไรมาค้ำไหม บางครั้งแม้จะมีอะไรค้ำอยู่ กรรมวิธีกว่าจะโดน ไม่ทัน เอาเงินเข้าวันจันทร์ไม่ทัน เอาสัก 80,000 เท่านั้นเอง ไม่ทัน คนกระซิบ คนแก้ทุกข์ให้ เบื้องต้นต้องไปหาคนนี้มี คุณนายนี่มี เถ้าแก่นี่มี เจ๊นี่มี เขาก็ให้กู้ 80,000 แล้วทำอย่างไร เขายินดีให้กู้ เราไปนั่งกราบเท้า กราบอะไรบ้าง พับเพียบอะไรเสร็จตกลง
สิ่งที่เจ้าหนี้จะร้ายกาจจะเอาก็คือ 1. ไม่มีอะไรค้ำ แน่นอนถ้ามีอะไรค้ำก็ทำอย่างอื่นได้ ไม่มีอะไรค้ำ ต้องค้ำ 80,000 ด่วนไม่อย่างนั้นเสร็จ เสียเงินเดือน เสียตำแหน่ง ไอ้นั่นร้อนฉ่าเลย เขาให้กู้ก็แทบจะกราบเท้าแล้ว กู้ 80,000 เริ่มต้นเขาให้ทำสัญญากู้ เซ็นสัญญากู้ 80,000 ดอกเบี้ยเขาบอกตามกฎหมาย แต่ความจริงเขาเอาร้อยละ 10 แล้วทำอย่างไร เรื่องเช็คร้ายกาจ เขาเขียนเช็คนะ 1 ใบเขียนเช็ค 80,000 บาท ไม่ลงวันที่ ให้เจ้าหนี้ถือไว้ 2. เขียนเช็คลงวันที่ทุกอัน คือสมมติว่ากู้วันนี้วันที่ 2 เอาละลงวันที่ 2 1 ใบ 8,000 บาท เงิน 80,000 ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ครับ 8,000 / 8,000 / 8,000 รวม 10 ใบ ใบละ 8,000 ถ้า 10 เดือนจ่ายก็นั่นหละต้นไปแล้ว แต่ว่าดอกทั้งนั้นครับ พอส่งให้เขาได้เสร็จก็เซ็นเลย สมุดเช็คไม่มี ก็หาเงิน 10,000 ไปเปิดบัญชี เสร็จแล้วก็ได้เช็คมาถึงเขียนเช็คเริ่ม 1 ใบฉีกไปเลย 80,000 ใบละ 8,000 ให้เจ้าหนี้ สัญญากู้อีก จะเอาอะไรให้หมด เขาเอากันอย่างนี้ทั้งนั้น แล้วก็ได้เงิน 80,000 โล่งใจ ไปตายเอาดาบหน้า เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามีภรรยาสองคนหารวมกันได้ 20,000 เดือนหนึ่งสามีภรรยา ผัว 10,000 เมีย 10,000 ว่าอย่างนั้นเถอะ ต้องไปจ่าย เขาเอาไปเสีย 80,000 หาได้ 20,000 ถึงสิ้นเดือนต้องไปเข้าแล้ว 8,000 เคยมีเคยใช้กัน 20,000 ก็ใช้ได้ 12,000 ลูกเต้าอดแล้ว จะโน่นจะนี่ต่าง ๆ ต้องกล้ำกลืนฝืนทน อดได้ทนได้ก็ไปเถอะ เผลอแป๊บเดียว 10 เดือน เรียบร้อยครับดอกเบี้ยทั้งนั้นไม่มีต้นเลย อย่างนี้ เจ้าหนี้บอกว่าไม่เป็นไร เอาเขียนใหม่ ๆ เอาใบละ 4,000 แล้ว 5 เปอร์เซ็นต์ ใบละ 4,000 ค่อยยังชั่วขึ้น 4,000 แต่นั่นละครับ 4,000 แล้วเจอไปอีก 10 ใบ จะหาที่ไหนใช้เขา ยังหาไม่ได้ หนี้ก็พอกกันไปพอกกันมา เสร็จแล้วก็กู้อันนี้ไปใช้อันนี้ บางที 8,000 ไม่มีต้องให้เขาก็ไปกู้ใหม่ กู้เขาอีก 10,000 จะเอาดอกเบี้ยให้เขา 8,000 ได้ใช้ตรงนี้ 2,000 เอ้าติดไว้ตรงนี้ 10,000 ไปกู้ตรงนี้อีก เผลอประเดี๋ยวเดียวพอกไปพอกมา แล้วจะทำอย่างไร ร้อยละ 10 อีกทีก็ร้อยละ 5
อยากให้ทำวิจัยสาเหตุที่ครูเป็นหนี้
นี่ทำให้เกิดแนวความคิดว่าแล้วเราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ผมคิดว่าตั้งชื่อไว้เลย “ทุกข์เพราะเป็นหนี้ และวิธีแก้ทุกข์” วิธีที่ผมจะบอกคือว่า เรื่องของคนมีเงินเดือนเท่านั้นก่อน ครูนี่ละครับมีเงินเดือน ครูเงินเดือน 10,000 — 30,000 ครูมีหนี้เป็นเงินหมื่นเงินแสน อยากทำวิจัยจริง ๆ ว่าครูที่บอกว่าเป็นหนี้นั้นเป็นหนี้เพราะอะไรอย่างไร เอาลูกไปเข้าโรงเรียนเสียแป๊ะเจี๊ยะเขาหรืออย่างไร หรือไปทำอะไร วันหลังคุณครูสักคนหนึ่งที่เป็นหนี้เยอะ ๆ เขียนส่งให้ผมอ่านว่าเป็นหนี้ได้อย่างไร ครู 600,000 — 700,000 คนเป็นหนี้ เมื่อเป็นหนี้แล้วเป็นอย่างไร เงินเดือนออกก็ต้องหนี้ ไม่สอน ต้องลา คนเป็นหนี้หนีเจ้าหนี้ หนีสิ้นเดือน ผลัดเขาสิ้นเดือน ๆ มาเอา เงินเดือนออกเปิดหายหนีไปแล้ว คนอื่นไม่เท่าไร แต่คนสอนหนังสือแล้วมีหนี้อยู่จะสอนหนังสือเด็กได้อย่างไร ไม่ว่าชายหรือหญิง สอนหนังสือเด็กแต่ว่าเจ้าหนี้มารอ วันเงินเดือนออกก็หนีไป 1 วันแล้ว แต่วันอื่นจะต้องไปหาเงินใช้เขา หนังสือจะสอนต้องทำอย่างไร ไหนจะเรื่องที่ครอบครัวอีก ทุกข์ไหมครับ เพราะฉะนั้นก็คิดกันให้ฟังง่าย ๆ ท่านที่อยู่แวดวงคุมการเงินอย่าเพิ่งหัวเราะนะครับ คนที่เขาใช้หนี้จ่ายหนี้ได้ เพราะเหตุว่ามีระบบ
ระบบบ้านจัดสรรในสมัยก่อน
สมัยผมหนุ่ม ๆ ระบบนี้ยังไม่ค่อยมีเท่าไรครับ 40 — 30 ปีก่อนเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง แต่ก่อนนี้ใครคิดจะแต่งงาน ใครคิดจะมีบ้านทำอย่างไรรู้ไหมครับ 1. คือไปซื้อที่ผ่อนส่ง ซื้อที่ 50 ตารางวา รักกันชอบกันช่วยกันผ่อนช่วยกันส่ง จะไปรอดหรือไม่ไม่รู้ เอาละมาถึงรอดยังผ่อนส่งที่อยู่ พอเสร็จแล้วจะแต่งงานกัน ต้องมีเงินอีกก้อนไปแต่งงาน แต่งงานแล้วต้องมีที่อยู่ ต้องมีเงินอีกก้อนไปปลูกบ้าน หนี้ทั้งนั้นครับ ถึงนั่งเก็บเงิน กว่าจะเก็บเงินไปซื้อที่ได้หมด ไม่ได้แต่งงานหรอก แก่ตาย เสร็จแล้วปรากฏว่าจะแต่งงานไม่มีเงินแต่งงาน ไปยืมไปกู้หนี้เขามาแต่งงาน ทำหน้าทำตา อย่างนี้ก็มีคนทำ พอเสร็จเรียบร้อยพอถึงจะปลูกบ้าน นั่งเก็บเงินจะปลูกบ้าน วันนี้ไปซื้อไม้ วันนี้ไปซื้อเข็ม ได้ไหมครับ โบราณเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปกู้ยืมเงินก้อนใหญ่มา แล้วจัดมาทำ ถ้าทำระบบได้ก็ยังดี เงินผ่อน แต่ว่าในที่สุดก็มีบริษัทที่เขาคิดการให้เสร็จ คือทำเรื่องบ้านจัดสรร
บ้านจัดสรรเป็นตัวอย่างของผมที่จะคุยให้ฟัง บ้านจัดสรรคือไปหาที่ สมัยก่อนระบบระเบียบราชการไม่ร้ายกาจ ยังให้เกียรติยศให้ชื่อกันอยู่ คนก็ไปทำเสียหายก็โกงกัน คือใครมีที่ก็ไปซื้อที่มา ตกลงผ่อนชำระไปก่อน วางไปก่อน 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาก็จัดการมาวางแผนวาง plot เสร็จแล้วประกาศขาย สมัยก่อนระเบียบยังไม่รัดกุมดุเดือดเลือดพล่าน เขาทำอย่างนี้ได้ครับ จับเสือมือเปล่า มีการมาขาย เข้ามาวางเงินดาวน์ พอมีเงินจะซื้อทำสัญญาจะซื้อจะขาย เสร็จแล้วก็จ้างบริษัทมาจัดการลงไปก่อสร้าง ถ้าตรงไปตรงมาเขาเริ่มผ่อนชำระงวด มาทางนี้ก็เริ่มผ่อนชำระไป การก่อสร้างก็ก่อสร้างบ้านเสร็จธนาคารจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ธนาคารจะเข้ามาจัดการ ก็เรียบร้อยดี ถ้าลงตัวเรียบร้อยดี
ชื่นชมระบบจัดสรรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในการผ่อนชำหนี้ที่อยู่อาศัย
ผมนี่ละครับมีชีวิตอยู่ด้วยเรื่องแบบอย่างนี้มาก่อนเลย เพราะว่าเริ่มต้นคนที่รักใคร่ชอบพอกันมีมาก 50,000 เท่านั้นนายหน้าเอาไปเสีย 5,000 เหลือ 45,000 ต้องจัดการ ก็ไปเจอที่ โชคดีเบื้องต้นไปเช่าที่เขา ธรรมดาเช่าที่เขา 3 ปี คุณลุงไม่อยากให้ลูกขายที่ ให้เช่า 20 ปีครับ เอาค่าหน้าดิน 5,000 เท่านั้นละครับ ค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ค่าหน้าดิน 5,000 ผมเหลือเงิน 50,000 กว่าซื้อไม้มาปลูกบ้าน เริ่มต้นอย่างนั้นแล้วอยู่ได้ นั่นแปลว่าทำแล้วเรียบร้อยดี อยู่มา อยู่ 6 ปีเหลืออีก 14 ปี มีสถานะขอซื้อ ไม่ขาย ต้องครบ 20 ปี จะขายหรือไม่ขายไม่รู้ แต่ว่าเหลืออีก 14 ปีก็เซ้ง ลงทุนไป 30,000 — 40,000 แต่เซ้งได้ 80,000 เห็นไหมครับ แล้วเอา 80,000 นั้นมาดาวน์ที่ระบบบ้านจัดสรร แล้วผมก็ผ่อนชำระ ตอนนั้นผ่อนชำระเดือนละ 2,310 บาท 10 ปี อย่างนี้ก็ไม่เป็นปัญหา ได้ที่อยู่ 108 ตารางวา มีบ้านช่องอยู่เสร็จเรียบร้อย มีเงินดาวน์เงินเดือนแล้วก็ผ่อนส่ง ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนจ่ายได้ทั้งนั้น
ระบบนี้เขาเอาบ้านค้ำประกัน เอาที่ค้ำประกัน ระบบจัดสรรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด คือผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอก ระบบผ่อนชำระทั้งต้นทั้งดอกนี่ละครับ ระบบบ้านจัดสรรที่ทำกันมา ทำให้คนเราสามารถที่ว่ามีเงินเดือนรวมกัน สามีภรรยาแต่งงานกันแล้วมีเงินเดือน 20,000 ผ่อนบ้านเดือนละ 4,000 บาท อย่างนี้พอไหว ลูกเต้ายังไม่มี ผ่อนไป 4,000 บาท นี่คือระบบ เขาให้ผ่อน 20,000 25 เปอร์เซ็นต์คือ 5,000 ผ่อนได้ 4,000 ก็ดี นี่คือตัวอย่าง เอาบ้านค้ำประกัน แล้วก็ผ่อนชำระ
ทีนี้จะคุยให้ฟังเรื่องตัวเลขว่าเกิดอย่างไร ผมใช้ตัวเลข 80,000 เงิน 80,000 บาทถ้าไปกู้เขาแล้วจะต้องจ่ายเขาก็เดือนละ 8,000 เผลอประเดี๋ยวเดียว 10 เดือนก็ต้นไปแล้ว แต่ดอกทั้งนั้น ระบบบ้านจัดสรรได้ให้ตัวอย่างที่ดี สมัยก่อนนี้ตอนที่ผมทำตัวเลขเขาเรียกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี ท่านต้องจำได้หยก ๆ นี่เอง ดอกเบี้ยเงินกู้ 15 เปอร์เซ็นต์ผ่อนชำระ 15 ปี 30 ปีเพิ่งมาทีหลัง เพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงบ้านเราดีขึ้นเป็น 30 ปี แต่ก่อนเขาเรียก 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี กู้เงินเขา 80,000 ใจร้ายคือดอกเบี้ยร้อยละ 10 จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 8,000 ต้นไม่มี แต่ถ้าเอาเงิน 80,000 เข้าระบบ ถ้าเป็นบ้านเอาบ้านค้ำ เข้าระบบ 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี ผ่อนทั้งต้นทั้งดอกเดือนละ 1,065 บาท เห็นไหมครับ 1,605 บาททั้งต้นทั้งดอกครับ แต่เป็นเวลา 15 ปี 180 เดือน อย่างนี้คือตัวอย่างของการที่จะแก้ไขปัญหา มีเงิน 80,000 จ่ายไปแล้ว แม้จะจ่ายไปแล้วหมดไปแล้ว 80,000 ส่งไปแล้วดอกทั้งนั้น กอบกู้กันทันก็เอามา มีเงินเดือนใช่ไหม สมมติว่าเอาเงินเดือนค้ำ มีเงินเดือนค้ำ เคยต้องจ่ายถึงเดือนละ 8,000 ก็จ่าย 1,065 บาท จ่ายไป 180 เดือน อย่างนี้ไหวไหมครับ ไหว สามีภรรยาได้ 20,000 จ่ายหนี้เดือนละ 1,065 บาท ดีกว่า 8,000 ดีกว่า 4,000 แน่นอนครับ นี่คือตัวอย่างของคำอธิบาย
แนะภาคเอกชนช่วยสนับสนุนให้พนักงานนำหนี้เข้าระบบกับธนาคาร
นั่นคือระบบราชการ ถ้าตรวจสอบแล้วใครมีหนี้ แน่นอนระบบตรวจสอบต้องสำคัญ ต้องดูหมดเลยไม่ใช่สร้างหนี้มาให้ดู เขียนใบปลอมมาอย่างนั้นเลย อย่างนั้นจับติดตารางเลยถ้าใครมาทำอย่างนั้น เป็นหนี้จริงรายเดียวสองรายสุดแท้แต่ ถ้าจะช่วยกันจริง ๆ ก็เก็บมาให้หมด จะเสียเท่าไรมีดอกเบี้ยกี่ราย 5 รายร้อยละ 10 อย่างนั้น ก็ตกลงเป็นอันว่าเอามารวมก้อนเดียว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เงินเดือน เอาเงินเดือนค้ำ ถ้าอายุสมมติว่า 15 ปี อายุ 45 ปีค้ำด้วยตัวเอง เงินเดือนตัวเองค้ำเลย เขามาหักไปเลย ที่เหลือเขาหักไปเลย 1,065 บาท 80,000 เขาหมดภายใน 15 ปี ถ้าไม่พอก็เอาลูกมาช่วยค้ำ เอาญาติมาค้ำสุดแท้แต่ นี่คือระบบราชการซึ่งทำได้แน่นอน ไม่ใช่ราชการเป็นการที่ใครจะเอื้อเฟื้อ ก็ลองดูสิครับ บริษัทห้างร้านใหญ่โต คนทำงานไม่มีสมาธิแต่ยังอยากจะเลี้ยงต่อไป ทำงานดีแต่มีหนี้สิน ให้เขาแสดงหนี้สินแล้วจัดการเอาเข้าระบบ ธนาคารทุกธนาคารเขายินดีทั้งนั้น ถ้าเงินเดือนค้ำ บริษัทบอกบริษัทช่วยค้ำให้เงินเดือนค้ำ ก็จ่ายผ่านธนาคาร ธนาคารก็มาเก็บเอาไป เรียบร้อย
อย่างนี้ครับทำให้มีธนาคารต่างชาติ ไม่ออกชื่อนะครับชาติใหญ่ด้วย หนี้เขาเกิดเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ธนาคารนี้บอกพนักงานทั้งหลายใครมีหนี้ ธนาคารจะได้ช่วยดูแลการผ่อนชำระอะไรให้ เพื่อนผมเพื่อนรักกันด้วยเสียชีวิตไปแล้ว เซ็นลงไปเลยมีหนี้สินอย่างไร ยื่นไป ยื่นไปเสร็จเรียบร้อยเขาบอกว่าเป็นคนทำงานธนาคารมีหนี้อย่างนี้ไม่ได้ ให้ออกเลย จ่ายเงินชดเชยให้ตามสมควรแก่กฎหมายตรงนั้น ให้ออกเลยครับ ไอ้นี่ก็เข็ดเขี้ยวกันเลยแบบนี้ ใครขอตรวจสอบหนี้สินไม่มีใครยอมบอก แต่ถ้ากำลังนี้ถ้าจะช่วยอนุเคราะห์กันจริง ๆ บริษัทก็ทำได้ครับ บางคนอยู่บริษัททำงาน 30 — 40 ปี เพราะฉะนั้นใช้หนี้ 10 ปี 15 ปี
ขอให้ธนาคารรัฐช่วยแก้ทุกข์ในการผ่อนชำระหนี้ของประชาชน
ดอกเบี้ยเงินต้นถ้าถึงวันนี้ วันนี้เงินต้น ก่อนผมจะเข้าผมโทรศัพท์หาผู้เชี่ยวชาญ ดูตัวเลขที่เปลี่ยนแปลง เพราะเดิมนี้ 15 เปอร์เซ็นต์ 15 ปี 80,000 จ่ายเดือนละ 1,065 บาท เดี๋ยวนี้ถ้าหากว่า เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ถ้าหากว่า 15 ปี 80,000 เคยจ่ายเดือนละ 8,000 เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ย 8 เปอร์เซ็นต์ ถ้า 15 ปีจ่าย 750 เงิน 750 ครับ เห็นไหมครับ ได้แน่นอน แก้ทุกข์ได้ทันทีถ้าใครช่วยจัดการให้ 10 ปีร้อยละ 8 10 ปีจ่าย 1,200 ดีไหมครับ 10 ปีจ่าย 1,200 ถ้าหากแต่ก่อนต้องจ่าย 80,000 ต้องจ่าย 8,000 เดี๋ยวนี้จ่ายแค่ 1,200 ถ้าเวลาสั้นหน่อย 10 ปี ถ้าเวลาน้อยเหลือ 5 ปี 1,700 จ่าย 5 ปี 60 เดือนเท่านั้นเองครับ จ่าย 1,700 ดอกเบี้ยเวลานี้ร้อยละ 8 ครับเงินกู้ เพราะฉะนั้นถ้าแก้ทุกข์กันได้ ก็ขอให้ช่วยกันแก้ แล้วแก้ได้แน่นอนเอาเงินเดือนค้ำ เท่านั้นครับ ใครมีหนี้เอาหนี้มาลองรวมไว้เสร็จเรียบร้อย ธนาคารไหน ธนาคารเอกชนไม่อยาก ธนาคารรัฐบาลก็น่าจะต้องช่วยดูแล ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอะไรต่าง ๆ ถ้าจะทำธุรกิจไม่มีอะไรเสียหาย เพราะเงินเดือนเขาค้ำอยู่ ผ่อนชำระ เห็นไหมครับ แต่ก่อน 80,000 ผ่อน 1,065 ซึ่งลูกหนี้ทุกคนผ่อนได้ เดี๋ยวนี้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ถ้า 15 ปีผ่อน 750 บาทต่อเดือน ถ้าหากว่า 10 ปีผ่อน 1,200 5 ปีผ่อน 1,700 ใครลองดูก็แล้วกัน ถ้าสมมติท่านเป็นหนี้ 800,000 ท่านต้องจ่ายดอกเดือนละ 80,000 แต่ถ้าเผื่อว่าเอาเข้าระบบ จ่ายเดือนละ 7,500 ต้องจ่ายต้นเดือนละ 7,500 อย่างนี้ไหวไหมครับ อย่างนี้ไหวครับ 80,000 หรือ 800,000 ก็ลองเซ็ตตัวเลขดู ผมเอาตัวเลขนี้ให้ ก็ไม่ได้คุยกับพวกเราพอสมควรแก่เหตุ เพราะว่าสัญญาไว้ว่าเหลือเวลาตอนท้ายจะตอบคำถาม คำถามมาแล้ว
คำถาม ทุนการศึกษาของนักเรียนยากจนยุบไป เทอมสุดท้ายถูกยกเลิกไปด้วย อยากทราบว่ารัฐบาลนี้จะมีเงินสนับสนุนให้เด็กยากจนอีกหรือไม่
นายกรัฐมนตรี เงินต่อไปนี้รับประกันได้ว่ามีแน่นอน กำลังนี้ หวยบนดิน เอาขึ้นศาลก็ขึ้นไป แต่กฎหมายเขาออกมาว่าทำได้แล้ว จะไม่ให้มานั่งเขียนให้ยุ่งยาก เครื่องจักรกลเขาก็เอามาแล้ว จะให้เขาเจรจากันให้เสร็จ เขาเรียกว่าล็อตโต้ ซื้อกัน 3 ตัว 2 ตัว เหมือนกัน กดจิ๊ก ๆ เอาเศษเงินซื้อ 5 บาท 10 บาท แล้วแต่ เราก็ถือแต่ ticket เงินนี้ละครับทั่วโลกเขาทำ เขาบอกเพื่อการศึกษาของเยาวชน ประเทศไทยก็จะทำ และเพื่อการศึกษาของเยาวชน ใครจะตรวจสอบดูแล ทำอะไรไม่ถูกระบบ ทำระเบียบเสียให้ถูก งานนี้ทั่วโลกเขาทำ ประเทศไทยก็จะทำได้ เพราะฉะนั้นตอบคำถามหนูได้ว่ายืนยันว่าหนูรอหน่อย อย่างไรก็คงจะไม่ช้าหรอกครับ
คำถาม กระทรวงมหาดไทยควบคุมโควต้าค้าอาวุธปืนจะมีการยกเลิกหรือไม่ ราคาแพง
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ก็ผมเคยอยู่กระทรวงมหาดไทย ไม่น่าเชื่อครับ ตอนที่ผมอยู่กระทรวงมหาดไทย ปืนกระบอกละ 6,000 — 7,000 บาท ผมก็คิดว่าปืนราคา 6,000 — 7,000 บาท อย่างน้อยกะสัก 10,000 บาท เดี๋ยวนี้ปืนกระบอกละ 60,000 บาท และมีการควบคุมโควต้าอีกกระบอกละเป็นละแสน ไม่น่าเชื่อ ถ้าการระบบระเบียบเรียบร้อยดี ผมคิดว่าเขาคงจะพิจารณา ถ้าหากว่าทางเรื่องความปลอดภัยอะไรต่าง ๆ เขาอนุญาตให้มีได้ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องให้ไม่แพงบ้าเลือด ต่างชาติเขายังถูกอยู่ ประเทศไทยแพงบ้าเลือดเพราะคุมโควต้า เรื่องนี้จะรับไปพิจารณาให้ครับสำหรับคนที่ต้องการจะมี แต่ต้องถูกต้องตามกฎหมายและต้องทางความมั่นคงเขาต้องช่วยดูด้วยครับ
คำถาม ปัจจุบันเด็กไทยติดการพนันบอลมากขึ้น เป็นหนี้เป็นสิน จะให้ท่านช่วยแก้ไขด่วน
นายกรัฐมนตรี ใครเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องสั่งสอนลูกตัวเองนะครับ ถ้าสั่งสอนลูกตัวเองไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณครูก็ต้องช่วยสั่งสอน ถ้าใครที่คุณครูยังสั่งสอนไม่ได้ คนที่เป็นเพื่อนพ้องที่ทำงานทำการอยู่ด้วยกันก็ต้องคุยด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าการพนันเป็นเหตุให้เกิด มันหมดครับ การพนันนี่หมดเลย ผมพูดได้เพราะผมไม่เล่นการพนัน และผมจะช่วยดูแลเรื่องนี้ให้ จะรับอาสาเบื้องต้นว่าจะทำอย่างไรได้ ผมจะบอกเลยว่าถ้าใครมีเงินจะพนันกัน ก็พนันกันไปสิครับ แต่เงินที่มีมากเท่าไรพนันกันบ้าบอคอแตกก็หมด คนมีเงินน้อยดันไปพนัน พนันเสร็จแล้วก็เรียบ แต่พนันบอลเรื่องนี้ก็คิดว่า เรื่องการปราบปรามจะดำเนินการ และจะไปดูสังคม จะดูเลยว่าคนที่พนันและยากจนแล้วยังไปพนัน มันโง่ขนาดไหนอย่างไรต้องตำหนิกันตรง ๆ เลย คือถ้าจะโง่กันอย่างนี้ต่อไปก็จะต้องหาทางมาช่วยแก้โง่ให้ ทำลายตัวเองนะครับ สนุกสนานไม่เท่าไร ผมบอกว่าเล่นการพนันกันนี้แทงกันทีละ 100 แทงกันทีละ 1,000 ผมบอกว่าถ้าจะสนุกจริง ๆ แทงกันทีละ 20 บาท สนุกเหมือนกันครับ ก็พูดง่าย ๆ ว่าเล่นรัมมี่ แต่ก่อนเล่นรัมมี่แต้มละ 1 สตางค์ก็สนุก แต้มละ 1 สตางค์ 2 สตางค์ไม่เป็นไป แต่เล่นรัมมี่แต้มละ 100 บาทนี่โง่ไหมครับ โง่ชัด ๆ เลย การพนันอย่างนี้โง่เง่า เพราะฉะนั้นก็ยังเล่นได้นะครับ เล่นรัมมี่จดแต้มไม่เอาสตางค์ก็สนุก แต่เอานิดหน่อยก็พอเล่นได้ แต่ว่าอย่างนี้ต้องคิดเพราะฉะนั้นพนันฟุตบอล พนันกันพอสนุกก็คงไม่เป็นปัญหา แต่พนันกันแบบจะเป็นจะตาย ฆ่าตัวตายกัน อย่างนี้ไม่พุทโธเลยก็แล้วกันอย่างนี้ ใครฟังผมไว้จะไม่ชอบใจก็ตามแต่ ใครที่เล่นพนันฟุตบอลทั้ง ๆ ที่ตัวไม่มีเงินจะพนันหรือมีแล้วไปพนันโง่จริง ๆ ยืนยันเลยครับว่าโง่จริง ๆ จะโง่อย่างนี้ต่อไปก็อย่ามาร้องทุกข์ก็แล้วกัน คนเป็นพ่อเป็นแม่ดูนะครับ คนเป็นพี่เป็นน้องดู คนเป็นญาติดู คนเป็นเพื่อนช่วยกันดู แน่นอนครับทุกฝ่ายครูบาอาจารย์จะต้องช่วยกันดู ต้องแก้ไขได้ครับ ต้องหาหนทางแก้
คำถาม อยากให้ทำเรื่องการพนันตรงตามกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี ครับถูกต้องครับ ทำถูกต้องตรงตามกฎหมาย ประเทศมาเลเซียเขาก็มี เขาถูกต้องตามกฎหมาย สิงคโปร์ก็ถูกต้องตามกฎหมาย มาเก๊า เซี่ยงไฮ้ ถูกต้องตามกฎหมาย ของเราถ้าผิดกฎหมายอยู่ แล้วถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วผิดกฎหมายจะได้ไม่มี ก็จะสนับสนุน พรุ่งนี้ไม่ต้องพาดหัวนะ สมัครประกาศสนับสนุนการพนัน ทำเสียให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตีตั๋วเล่นไพ่ตีตั๋วได้อย่างไร นั่งขานกันน่ะตีตั๋วกันทำไม ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทำไมที่วิ่งไล่จับกันบ่อนโน้นบ่อนนี้ลอยฟ้าใต้ดินอะไรกันนั้น ต้องการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย สนับสนุนให้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
คำถาม อ่านให้ฟังครับ ผมไม่ได้ว่านะครับ ฝากเรื่องสื่อ สื่อเมืองไทยทำตัวไร้ประสิทธิภาพ ทำข่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทำให้ภาพของประเทศไทยต่อต่างชาติไม่ดี รัฐบาลต้องมีหน้าที่บริหารประเทศ มาคอยสู้รบปรบมือกับสื่อตัวเองไม่เกิดประโยชน์ เห็นด้วยกับท่านนายกฯ ที่ออกมาวิจารณ์สื่อ และเป็นกำลังใจ
ผมไม่วิจารณ์นะครับ ไม่น่าเชื่อได้ 3 — 4 คำถามหมดเวลา เพราะว่าพูดเรื่องนี้ยาวไปนิดหนึ่ง แต่ก็พอสมควรครับ เอาละครับเดี๋ยวเขาว่าหาประโยชน์ เวลานิดหน่อย ดีนะครับได้เจอกันอย่างนี้ คราวหน้าจะเอาปัญหาให้มากหน่อย คราวหน้าจะตอบปัญหา 20 นาที สารคดีสั้นหน่อย และเรื่องที่จะทำก็อย่างที่ว่านี้ ขอขอบพระคุณครับ ทุกฝ่ายที่ได้ช่วยทำให้รายการนี้ยังอยู่ได้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ของผม เวลานี้ใครที่พนันกันไว้วันที่ 6 มีนาคมนี้ครบ 1 เดือนแล้ว ใครพนัน 2 เดือน 3 เดือนก็คอยดูแล้วกัน ว่าใครจะเสียเงินไม่เสียเงิน ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้นานเท่าไร วันนี้ยังอยู่ครับ เดี๋ยวจะไปลงเลือกตั้งครับ วันอาทิตย์หน้าพบกันใหม่ สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--