นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงกัมพูชาและมีกำหนดการหารือข้อราชการกับประธานวุฒิสภา ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในช่วงบ่าย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ชุมชนชาวไทยในกัมพูชาทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าพบเพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงกัมพูชา
วันนี้ เวลา 08.55 น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกและคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานPhnom Penh International Airport ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายมก มาเร็ธ รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมด้วยประชาชนกัมพูชา
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังวิมานเอกราชเพื่อวางพวงมาลา โดยมีพลตรี พรุม ดิน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารพิเศษ รอให้การต้อนรับ
ภายหลังจากการวางพวงมาลา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ พระราชวังเขมรินทร์
พบปะ Team Thailand และนักลงทุนภาคเอกชนในกัมพูชา
ในช่วงกลางวัน เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ สถานเอกอัครราชทูต ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้พบและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย (Team Thailand) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยราชการไทยในกัมพูชา บริษัทปตท. จำกัด มหาชน ธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน และบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าการเยือนครั้งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อแนะนำตัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้มีการรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยที่เข้ามาลงทุนในประเทศกัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่มีโอกาสในการลงทุนที่เติบโตและประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับ 6 โดยมีจีน เวียดนาม เป็นนักลงทุน ในอันดับต้นๆ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมภาคเอกชนไทยว่ามีคุณสมบัติและศักยภาพในการเข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชา โดยมีภาคธุรกิจไทยที่ได้รับความเชื่อถือในเวทีระดับประเทศ เช่น ปตท. ปตท.สผ. ซึ่งมีความสามารถสูงและเป็นที่ยอมรับในภูมิภาค
สำหรับด้านเกษตรกรรม นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การเกษตรของไทยมีการขยายการลงทุนไปต่างประเทศและมีศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจเป็นที่ยอมรับ หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีไทย คือการกระชับและส่งเสริมความเชื่อมั่นของบรรดามิตรประเทศต่างๆและขยายโอกาสทางการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศนั้นๆ
ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงโอกาสและปัญหาในการดำเนินธุรกิจของไทยในกัมพูชา ซึ่งอัครราชทูตฝ่ายพาณิชย์ได้แจ้งถึงสถานการณ์ทางธุรกิจของไทยในกัมพูชา ว่าขณะนี้ กัมพูชากำลังเร่งพัฒนาประเทศ โดยมีจีนและเกาหลีเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างจำนวนมาก จีนได้รับสัมปทานด้านการเกษตร โอกาสการลงทุนของไทยคือการให้บริการด้านวัสดุก่อสร้าง การตกแต่งภายใน การให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด ทำให้ไทยได้เปรียบด้านการขนส่ง ซึ่งมีบริษัทเฟอร์นิเจอร์ให้ความสนใจและลงทุนค้าขายจำนวนมาก
นอกจากนี้ กัมพูชาและไทยมีความสนใจร่วมกันในอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพื่อพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานในการตอบสนองการเติบโตด้านต่างๆของกัมพูชาต่อไป เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่ได้รับความสนใจและมีลู่ทางเติบโตเช่นกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พบปะประชาชนไทยในกัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจ วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม ที่มาลงทุนในกัมพูชา ซึ่งในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเสริมว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายใช้สถานเอกอัครราชทูตเป็น one stop service เพื่อให้บริการภาครัฐและเอกชนของประเทศนั้นๆ
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางพบปะหารือข้อราชการกับสมเด็จเจีย ซิม ประธานวุฒิสภาและสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา และหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามลำดับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงกัมพูชา
วันนี้ เวลา 08.55 น นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกและคณะ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานPhnom Penh International Airport ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายมก มาเร็ธ รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมด้วยประชาชนกัมพูชา
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังวิมานเอกราชเพื่อวางพวงมาลา โดยมีพลตรี พรุม ดิน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารพิเศษ รอให้การต้อนรับ
ภายหลังจากการวางพวงมาลา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ณ พระราชวังเขมรินทร์
พบปะ Team Thailand และนักลงทุนภาคเอกชนในกัมพูชา
ในช่วงกลางวัน เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ สถานเอกอัครราชทูต ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้พบและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย (Team Thailand) ซึ่งประกอบด้วยหน่วยราชการไทยในกัมพูชา บริษัทปตท. จำกัด มหาชน ธนาคารกรุงไทย จำกัด มหาชน และบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าการเยือนครั้งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อแนะนำตัว จากนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้มีการรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยที่เข้ามาลงทุนในประเทศกัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่มีโอกาสในการลงทุนที่เติบโตและประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้ลงทุนอันดับ 6 โดยมีจีน เวียดนาม เป็นนักลงทุน ในอันดับต้นๆ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมภาคเอกชนไทยว่ามีคุณสมบัติและศักยภาพในการเข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชา โดยมีภาคธุรกิจไทยที่ได้รับความเชื่อถือในเวทีระดับประเทศ เช่น ปตท. ปตท.สผ. ซึ่งมีความสามารถสูงและเป็นที่ยอมรับในภูมิภาค
สำหรับด้านเกษตรกรรม นายกรัฐมนตรีเห็นว่า การเกษตรของไทยมีการขยายการลงทุนไปต่างประเทศและมีศักยภาพด้านการบริหารจัดการธุรกิจเป็นที่ยอมรับ หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีไทย คือการกระชับและส่งเสริมความเชื่อมั่นของบรรดามิตรประเทศต่างๆและขยายโอกาสทางการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศนั้นๆ
ระหว่างการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงโอกาสและปัญหาในการดำเนินธุรกิจของไทยในกัมพูชา ซึ่งอัครราชทูตฝ่ายพาณิชย์ได้แจ้งถึงสถานการณ์ทางธุรกิจของไทยในกัมพูชา ว่าขณะนี้ กัมพูชากำลังเร่งพัฒนาประเทศ โดยมีจีนและเกาหลีเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมก่อสร้างจำนวนมาก จีนได้รับสัมปทานด้านการเกษตร โอกาสการลงทุนของไทยคือการให้บริการด้านวัสดุก่อสร้าง การตกแต่งภายใน การให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด ทำให้ไทยได้เปรียบด้านการขนส่ง ซึ่งมีบริษัทเฟอร์นิเจอร์ให้ความสนใจและลงทุนค้าขายจำนวนมาก
นอกจากนี้ กัมพูชาและไทยมีความสนใจร่วมกันในอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพื่อพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานในการตอบสนองการเติบโตด้านต่างๆของกัมพูชาต่อไป เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่ได้รับความสนใจและมีลู่ทางเติบโตเช่นกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พบปะประชาชนไทยในกัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจ วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม ที่มาลงทุนในกัมพูชา ซึ่งในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเสริมว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายใช้สถานเอกอัครราชทูตเป็น one stop service เพื่อให้บริการภาครัฐและเอกชนของประเทศนั้นๆ
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางพบปะหารือข้อราชการกับสมเด็จเจีย ซิม ประธานวุฒิสภาและสมเด็จเฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา และหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตามลำดับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--