นายกรัฐมนตรีชื่นชมกัมพูชาเติบโตเป็นเมืองใหม่อย่างรวดเร็ว และรัฐบาลพร้อมเป็นตัวกลางรับศึกษาลู่ทางในการให้สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการลงทุนของนักธุรกิจไทยในกัมพูชา
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะชุมชนไทยในกัมพูชา ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2551
นายกรัฐมนตรีกล่าวกับชุมชนชาวไทยว่าการเดินทางมาเยือนกัมพูชาในครั้งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ โดยได้เสร็จสิ้นการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา การมาครั้งนี้พบว่ากัมพูชามีการเติบโตเป็นเมืองใหม่อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีประทับใจคือ การที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความชื่นชมต่อการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ไทย และทรงมีพระราชดำรัสว่า ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับพระราชวงศ์และรัฐบาล ซึ่งต้องขอแสดงความชื่นชมชาวกัมพูชาที่สามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ได้ และประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า สามารถสัมผัสได้ว่าการเมืองกัมพูชามีความมั่นคง เศรษฐกิจมีการเติบโต จึงอยากให้นักลงทุนไทยเข้าดำเนินธุรกิจในกัมพูชาให้มากขึ้น จากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศทราบว่า ไทยยังเป็นผู้ลงทุนในลำดับ 6 ขณะที่จีนและเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนสูงในลำดับต้น นักลงทุนไทยซึ่งมีศักยภาพ และสินค้าก็คุณภาพ สามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดได้ นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชายังมีความร่วมมือกันในการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคม เพื่อประโยชน์ของไทยและกัมพูชาเอง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหากรณีสถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการให้สินเชื่อเพื่อการดำเนินธุรกิจในกัมพูชาว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเป็นตัวกลางรับศึกษาลู่ทาง และหารือกับสถาบันการเงินของไทย เกี่ยวกับข้อจำกัดในการให้สินเชื่อ เพราะโดยส่วนตัวเห็นว่าแม้ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและเกาหลีใต้ยังส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนในกัมพูชา
สำหรับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า หากอยู่ที่กัมพูชาอาจมองการเมืองในไทยน่ากลัว มีการแตกแยกทางความคิด แต่เรามีรัฐธรรมนูญ แม้นไม่ดี แต่ก็มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชาชนได้รับเสียงข้างมากให้เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดาย ที่ผู้บริหารพรรค ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นเรื่องของศาลที่จะต้องวินิจฉัยและตัดสินไป หลายพรรคการเมือง มีความเห็นพ้องกันที่จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังตอบข้อซักถามของผู้แทนชุมชนชาวไทยเกี่ยวกับนโยบายในการดูแลคนไทยต่างแดนว่า รัฐบาลมีนโยบาย ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ที่ไหนในโลก ไม่เฉพาะคนไทยในกัมพูชารัฐบาลจะให้ความปกป้องคุ้มครอง และสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทุกอย่าง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะชุมชนไทยในกัมพูชา ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา ในโอกาสเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2551
นายกรัฐมนตรีกล่าวกับชุมชนชาวไทยว่าการเดินทางมาเยือนกัมพูชาในครั้งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ โดยได้เสร็จสิ้นการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา การมาครั้งนี้พบว่ากัมพูชามีการเติบโตเป็นเมืองใหม่อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่นายกรัฐมนตรีประทับใจคือ การที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความชื่นชมต่อการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ไทย และทรงมีพระราชดำรัสว่า ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับพระราชวงศ์และรัฐบาล ซึ่งต้องขอแสดงความชื่นชมชาวกัมพูชาที่สามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ได้ และประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่า สามารถสัมผัสได้ว่าการเมืองกัมพูชามีความมั่นคง เศรษฐกิจมีการเติบโต จึงอยากให้นักลงทุนไทยเข้าดำเนินธุรกิจในกัมพูชาให้มากขึ้น จากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศทราบว่า ไทยยังเป็นผู้ลงทุนในลำดับ 6 ขณะที่จีนและเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนสูงในลำดับต้น นักลงทุนไทยซึ่งมีศักยภาพ และสินค้าก็คุณภาพ สามารถใช้ประโยชน์จากความเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดได้ นอกจากนี้ ไทยและกัมพูชายังมีความร่วมมือกันในการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคม เพื่อประโยชน์ของไทยและกัมพูชาเอง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหากรณีสถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการให้สินเชื่อเพื่อการดำเนินธุรกิจในกัมพูชาว่า รัฐบาลพร้อมที่จะเป็นตัวกลางรับศึกษาลู่ทาง และหารือกับสถาบันการเงินของไทย เกี่ยวกับข้อจำกัดในการให้สินเชื่อ เพราะโดยส่วนตัวเห็นว่าแม้ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและเกาหลีใต้ยังส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนในกัมพูชา
สำหรับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า หากอยู่ที่กัมพูชาอาจมองการเมืองในไทยน่ากลัว มีการแตกแยกทางความคิด แต่เรามีรัฐธรรมนูญ แม้นไม่ดี แต่ก็มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง โดยพรรคพลังประชาชนได้รับเสียงข้างมากให้เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดาย ที่ผู้บริหารพรรค ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นเรื่องของศาลที่จะต้องวินิจฉัยและตัดสินไป หลายพรรคการเมือง มีความเห็นพ้องกันที่จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังตอบข้อซักถามของผู้แทนชุมชนชาวไทยเกี่ยวกับนโยบายในการดูแลคนไทยต่างแดนว่า รัฐบาลมีนโยบาย ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ที่ไหนในโลก ไม่เฉพาะคนไทยในกัมพูชารัฐบาลจะให้ความปกป้องคุ้มครอง และสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทุกอย่าง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--