นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 มีนาคม 2551 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับผู้นำชาติสมาชิกอาเซียน เมื่อเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ก็จะมีการเดินทางเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อแนะนำและสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้นำ ซึ่งการเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จฮุน เซน (Samdech Hun Sen) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รอให้การต้อนรับและร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ก็เดินทางไปวางพวงมาลา ณ วิมานเอกราช เข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ พระราชวังเขมรินทร์
จากนั้น มอบนโยบายทีมประเทศไทย พบปะชุมชนชาวไทย ในช่วงบ่าย เข้าเยี่ยมคารวะบุคคลระดับสูง คือ สมเด็จเจีย ซิม (Samdech Chea Sim) ประธานวุฒิสภา (President of the Senate) สมเด็จเฮง สัมริน (Samdech Heng Samrin) ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา (President of the National Assembly) ก่อนเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า ไทยมีนโยบายช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งกัมพูชา บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน โดยเห็นชอบหลักการให้ความช่วยเหลือในรูปเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนวงเงิน 1,400 ล้านบาท สำหรับพัฒนาถนนสาย 68 (ช่องจอม จ. สุรินทร์ - โอเสม็ด - สำโรง - กรอลันห์) ซึ่งผ่านจังหวัดเสียมราฐ รวมทั้งการพัฒนาถนนสาย 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) ให้แล้วเสร็จ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้หยิบยกประเด็นการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน โดยจะใช้นโยบาย win-win เพื่อได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ปอยเปต จ. สระแก้ว โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้เปิดจุดผ่านแดนในพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก-ปอยเปตทางทิศใต้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร
นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ห่วงใยเรื่องผู้กระทำความผิดชาวกัมพูชาที่ถูกดำเนินคดีและจำคุกในไทยว่า มติรัฐบาลได้ถือปฏิบัติตามหลักสากลในการดูแลผู้ต้องหาเป็นอย่างดี ตามกรอบกฎหมายและอย่างเท่าเทียมกับคนชาติอื่นๆ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้ให้คำยืนยันว่าจะดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจว่า นักลงทุนไทยมีโครงการสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่เกาะกง มูลค่าโครงการกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชาก็บูม ราคาที่ดินในกรุงพนมเปญพุ่งสูงหลายเท่าตัวภายในปีต่อปี มีการก่อสร้างตึกสูง 40-50 ชั้น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายในของไทย อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชาเป็นลำดับหก โดยมีจีนและเกาหลีเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนสูงในระดับต้น ๆ ทั้งนี้ ทราบจากนักลงทุนไทยได้ชี้แจงถึงข้อจำกัดในการลงทุนว่า แม้ว่าจะมีธนาคารไทยมาเปิดสาขา ดำเนินการแล้วก็ตาม แต่การยื่นขอสินเชื่อนั้น จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ในไทยค้ำประกัน ซึ่งแตกต่างกับทางจีนและเกาหลีที่เข้ามาพร้อมโครงการและเงินทุน ส่วนประเด็นปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ได้มีการพูดจากันด้วยดี โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชายืนยันว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นการขึ้นทะเบียนเฉพาะองค์ปราสาทเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเขตแดนไทยและกัมพูชาอย่างเด็ดขาด
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงแนวทางการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชาว่า อยากเห็นการท่องเที่ยวมีการเชื่อมโยงกันในลักษณะ Package tour โดยมี Charter Fight เดินทางมายังไทยลงกรุงเทพฯ เที่ยวพัทยา เดินทางต่อไปนครวัดนครธม ซึ่งประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวก็จะอยู่กับทั้งสองประเทศร่วมกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับผู้นำชาติสมาชิกอาเซียน เมื่อเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ก็จะมีการเดินทางเยือนประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อแนะนำและสร้างความคุ้นเคยระหว่างผู้นำ ซึ่งการเดินทางมาเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จฮุน เซน (Samdech Hun Sen) นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รอให้การต้อนรับและร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ก็เดินทางไปวางพวงมาลา ณ วิมานเอกราช เข้าเฝ้า ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ณ พระราชวังเขมรินทร์
จากนั้น มอบนโยบายทีมประเทศไทย พบปะชุมชนชาวไทย ในช่วงบ่าย เข้าเยี่ยมคารวะบุคคลระดับสูง คือ สมเด็จเจีย ซิม (Samdech Chea Sim) ประธานวุฒิสภา (President of the Senate) สมเด็จเฮง สัมริน (Samdech Heng Samrin) ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา (President of the National Assembly) ก่อนเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ณ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า ไทยมีนโยบายช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งกัมพูชา บนพื้นฐานเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน โดยเห็นชอบหลักการให้ความช่วยเหลือในรูปเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนวงเงิน 1,400 ล้านบาท สำหรับพัฒนาถนนสาย 68 (ช่องจอม จ. สุรินทร์ - โอเสม็ด - สำโรง - กรอลันห์) ซึ่งผ่านจังหวัดเสียมราฐ รวมทั้งการพัฒนาถนนสาย 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) ให้แล้วเสร็จ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนได้หยิบยกประเด็นการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน โดยจะใช้นโยบาย win-win เพื่อได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ปอยเปต จ. สระแก้ว โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้เปิดจุดผ่านแดนในพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก-ปอยเปตทางทิศใต้ประมาณ 3-4 กิโลเมตร
นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ห่วงใยเรื่องผู้กระทำความผิดชาวกัมพูชาที่ถูกดำเนินคดีและจำคุกในไทยว่า มติรัฐบาลได้ถือปฏิบัติตามหลักสากลในการดูแลผู้ต้องหาเป็นอย่างดี ตามกรอบกฎหมายและอย่างเท่าเทียมกับคนชาติอื่นๆ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้ให้คำยืนยันว่าจะดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจว่า นักลงทุนไทยมีโครงการสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่เกาะกง มูลค่าโครงการกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชาก็บูม ราคาที่ดินในกรุงพนมเปญพุ่งสูงหลายเท่าตัวภายในปีต่อปี มีการก่อสร้างตึกสูง 40-50 ชั้น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายในของไทย อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชาเป็นลำดับหก โดยมีจีนและเกาหลีเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนสูงในระดับต้น ๆ ทั้งนี้ ทราบจากนักลงทุนไทยได้ชี้แจงถึงข้อจำกัดในการลงทุนว่า แม้ว่าจะมีธนาคารไทยมาเปิดสาขา ดำเนินการแล้วก็ตาม แต่การยื่นขอสินเชื่อนั้น จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ในไทยค้ำประกัน ซึ่งแตกต่างกับทางจีนและเกาหลีที่เข้ามาพร้อมโครงการและเงินทุน ส่วนประเด็นปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ได้มีการพูดจากันด้วยดี โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชายืนยันว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นการขึ้นทะเบียนเฉพาะองค์ปราสาทเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเขตแดนไทยและกัมพูชาอย่างเด็ดขาด
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงแนวทางการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างไทยและกัมพูชาว่า อยากเห็นการท่องเที่ยวมีการเชื่อมโยงกันในลักษณะ Package tour โดยมี Charter Fight เดินทางมายังไทยลงกรุงเทพฯ เที่ยวพัทยา เดินทางต่อไปนครวัดนครธม ซึ่งประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวก็จะอยู่กับทั้งสองประเทศร่วมกัน
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--