นายกรัฐมนตรีระบุการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเป็นหน้าที่ของเจ้ากระทรวงแต่ละกระทรวงที่จะพิจารณา ซึ่งจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายของแต่ละกระทรวง
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในหลายกระทรวง โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศนั้นได้พูดต่อหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการต่างประเทศ และปลัดกระทรวงการต่างประเทศว่าเรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลชุดนี้ไม่เกี่ยวข้อง เว้นแต่จะมีปัญหาขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลจะฝากบอกไปว่าตรงนั้นตรงนี้มีปัญหาให้ช่วยดูด้วยเท่านั้น แต่จะไม่ไปควักไปล้วง เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่รัฐมนตรีพอเข้ามาทำงานแล้วจะไปโยกย้าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนกระทรวงกลาโหมก็ได้หารือกับปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน และเจ้ากรมเสมียนตรา ซึ่งเป็นผู้ดูบัญชีรายชื่อทหารทั้งหมด นั่งกันอยู่ 6 คน ได้พูดจากันชัดเจนว่าให้ทุกหน่วยไปยกร่าง โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญของตนไปนั่งดู และถ้ามีเรื่องทักท้วงก็จะสอบถามว่าอะไรเป็นอะไร และได้ขอต่อหน้าทุกคนว่าให้แต่ละหน่วยส่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหมต่อหน้านายกฯ อย่างนี้ก็น่าจะเรียบร้อย ซึ่งปลัดกระทรวงกลาโหมคงคิดว่านายกฯ จะไปทำอะไรๆ กับท่าน แต่ไม่มีอะไร ปลัดกระทรวงกลาโหมก็อยู่ไปถึงเดือนกันยายน ไม่มีปัญหา พูดจากันด้วยดี เรานั่งคุยกันในวันที่มีการประชุมสภากลาโหม ซึ่งตรงกับวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพจะอยู่กันครบถึง 1 กันยายนใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปโยกย้ายใครออกได้อย่างไร เดือนกันยายนถือเป็นการโยกย้ายปลายปี แต่เดือนเมษายนเป็นการโยกย้ายกลางปี อย่าถามข้ามช็อต อย่ารีบร้อน แล้วเดือนสิงหาคม ค่อยมาถามไล่เบี้ยอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโยกย้ายกลางปีในเดือนเมษายนนี้กำหนดให้มีการส่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้กำหนด แต่ให้กองทัพเป็นคนกำหนด ซึ่งในปีนี้ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็จะเกษียณอายุ หน่วยงานทั้งหมดนี้จะได้ไปพิจารณาว่าใครควรจะขึ้นมาแทนด้วยเหตุผลใด และจะเสนอมาให้ดู ไม่ใช่ว่าจะไปสั่งให้เปลี่ยนเป็นคนนั้นคนนี้ และนักข่าวทั้งหลายจะได้นอนตาหลับ ไม่ต้องวิ่งเต้นหาข่าวว่าปฏิวัติหรือไม่ ไม่ต้องการให้มีการจุดชนวนเรื่องนี้
“ผมมาเพื่อดับชนวน และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้บอกให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพโปรดพิจารณาว่าใครจะสมควรเปลี่ยนอย่างไร ให้เหมาะกับงาน ด้วยเหตุผลอย่างไร ถ้ามีเหตุผลก็ไม่มีปัญหา และจะสอบถามว่าทำไมจึงเปลี่ยนตรงนี้ จะขอฟังรายละเอียด เมื่อท่านเป็นคนเลือกมาให้ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าอะไรเป็นอย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการโยกย้ายปลัดกระทรวงยุติธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าใครเขาจะทำอะไร คงไม่บอกล่วงหน้า อย่าไปคาดคั้นว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างที่มีข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศจะย้ายทูตอังกฤษ กระทรวงการต่างประเทศก็เดือดร้อน ถ้ากระทรวงมีบัญชีย้ายจริงจะทำอย่างไร การออกข่าวเช่นนี้ต้องการอะไร เป็นการถามดักหน้าเพื่อไม่ให้ย้ายใช่หรือไม่ หรือเจ้าตัวรู้สึกไม่ค่อยดีว่าจะถูกย้ายอย่างนั้นหรือ เรื่องไม่มีอะไร ถ้าสื่อไม่ถามก็ไม่มีอะไร กระทรวงก็ต้องรับผิดชอบในการโยกย้าย เมื่อข่าวออกมาเช่นนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เดือดร้อน ไม่ยุติธรรม และเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต่างๆ อาจส่งผลต่อภาพพจน์ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลขึ้นมาย้ายไปเพียง 4 คน และมีความจำเป็นจะต้องทำหรือไม่ ทุกคนมีเหตุผล ย้ายไป 400 หรือยัง 40 หรือยัง เพิ่งย้ายไป 4 คน ก็รู้สึกเดือดร้อนกันไปหมด และมีคนเดือดร้อนหรือกลัวว่าตนจะทำอะไร กลัวจะปฏิวัติอีกอย่างนั้นหรือ คนที่จะปฏิวัติหรือไม่ ก็นั่งอยู่ตรงนี้ (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) ซึ่งไม่มีเหตุผล และตนรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แล้วกลัวอะไร ย้ายถึง 6 คนจะปฏิวัติหรือ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในหลายกระทรวง โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศนั้นได้พูดต่อหน้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการต่างประเทศ และปลัดกระทรวงการต่างประเทศว่าเรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลชุดนี้ไม่เกี่ยวข้อง เว้นแต่จะมีปัญหาขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลจะฝากบอกไปว่าตรงนั้นตรงนี้มีปัญหาให้ช่วยดูด้วยเท่านั้น แต่จะไม่ไปควักไปล้วง เพราะไม่ใช่หน้าที่ที่รัฐมนตรีพอเข้ามาทำงานแล้วจะไปโยกย้าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนกระทรวงกลาโหมก็ได้หารือกับปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน และเจ้ากรมเสมียนตรา ซึ่งเป็นผู้ดูบัญชีรายชื่อทหารทั้งหมด นั่งกันอยู่ 6 คน ได้พูดจากันชัดเจนว่าให้ทุกหน่วยไปยกร่าง โดยจะให้ผู้เชี่ยวชาญของตนไปนั่งดู และถ้ามีเรื่องทักท้วงก็จะสอบถามว่าอะไรเป็นอะไร และได้ขอต่อหน้าทุกคนว่าให้แต่ละหน่วยส่งให้ปลัดกระทรวงกลาโหมต่อหน้านายกฯ อย่างนี้ก็น่าจะเรียบร้อย ซึ่งปลัดกระทรวงกลาโหมคงคิดว่านายกฯ จะไปทำอะไรๆ กับท่าน แต่ไม่มีอะไร ปลัดกระทรวงกลาโหมก็อยู่ไปถึงเดือนกันยายน ไม่มีปัญหา พูดจากันด้วยดี เรานั่งคุยกันในวันที่มีการประชุมสภากลาโหม ซึ่งตรงกับวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพจะอยู่กันครบถึง 1 กันยายนใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปโยกย้ายใครออกได้อย่างไร เดือนกันยายนถือเป็นการโยกย้ายปลายปี แต่เดือนเมษายนเป็นการโยกย้ายกลางปี อย่าถามข้ามช็อต อย่ารีบร้อน แล้วเดือนสิงหาคม ค่อยมาถามไล่เบี้ยอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การโยกย้ายกลางปีในเดือนเมษายนนี้กำหนดให้มีการส่งบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อใด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้กำหนด แต่ให้กองทัพเป็นคนกำหนด ซึ่งในปีนี้ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็จะเกษียณอายุ หน่วยงานทั้งหมดนี้จะได้ไปพิจารณาว่าใครควรจะขึ้นมาแทนด้วยเหตุผลใด และจะเสนอมาให้ดู ไม่ใช่ว่าจะไปสั่งให้เปลี่ยนเป็นคนนั้นคนนี้ และนักข่าวทั้งหลายจะได้นอนตาหลับ ไม่ต้องวิ่งเต้นหาข่าวว่าปฏิวัติหรือไม่ ไม่ต้องการให้มีการจุดชนวนเรื่องนี้
“ผมมาเพื่อดับชนวน และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้บอกให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพโปรดพิจารณาว่าใครจะสมควรเปลี่ยนอย่างไร ให้เหมาะกับงาน ด้วยเหตุผลอย่างไร ถ้ามีเหตุผลก็ไม่มีปัญหา และจะสอบถามว่าทำไมจึงเปลี่ยนตรงนี้ จะขอฟังรายละเอียด เมื่อท่านเป็นคนเลือกมาให้ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่าอะไรเป็นอย่างไร” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการโยกย้ายปลัดกระทรวงยุติธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าใครเขาจะทำอะไร คงไม่บอกล่วงหน้า อย่าไปคาดคั้นว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างที่มีข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศจะย้ายทูตอังกฤษ กระทรวงการต่างประเทศก็เดือดร้อน ถ้ากระทรวงมีบัญชีย้ายจริงจะทำอย่างไร การออกข่าวเช่นนี้ต้องการอะไร เป็นการถามดักหน้าเพื่อไม่ให้ย้ายใช่หรือไม่ หรือเจ้าตัวรู้สึกไม่ค่อยดีว่าจะถูกย้ายอย่างนั้นหรือ เรื่องไม่มีอะไร ถ้าสื่อไม่ถามก็ไม่มีอะไร กระทรวงก็ต้องรับผิดชอบในการโยกย้าย เมื่อข่าวออกมาเช่นนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เดือดร้อน ไม่ยุติธรรม และเสียหาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต่างๆ อาจส่งผลต่อภาพพจน์ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลขึ้นมาย้ายไปเพียง 4 คน และมีความจำเป็นจะต้องทำหรือไม่ ทุกคนมีเหตุผล ย้ายไป 400 หรือยัง 40 หรือยัง เพิ่งย้ายไป 4 คน ก็รู้สึกเดือดร้อนกันไปหมด และมีคนเดือดร้อนหรือกลัวว่าตนจะทำอะไร กลัวจะปฏิวัติอีกอย่างนั้นหรือ คนที่จะปฏิวัติหรือไม่ ก็นั่งอยู่ตรงนี้ (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก) ซึ่งไม่มีเหตุผล และตนรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ แล้วกลัวอะไร ย้ายถึง 6 คนจะปฏิวัติหรือ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--