ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2562 เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

ข่าวทั่วไป Tuesday January 28, 2020 14:42 —สำนักโฆษก

?ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2562 เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (28 ม.ค. 2563) เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2562 พร้อมคู่สมรส เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2562 จำนวน 2 ราย ได้แก่ (1) สาขาการแพทย์ ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร. ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ (Professor Dr. Ralf F.W. Bartenschlager) (2) สาขาการสาธารณสุข ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ เดวิด เมบี (Professor David Mabey) ซึ่งผลงานของทั้งสองท่านถือเป็นคุณูปการที่สำคัญยิ่งต่อประชากรโลก วงการแพทย์และสาธารณสุขโลก พร้อมเน้นย้ำว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของประชาชน สนับสนุนการวิจัยและพัฒนายารักษาโรค รวมถึงวัคซีน ตลอดจนการเข้าถึงยาและวัคซีนอย่างปลอดภัยตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยเป็นนโยบายด้านสาธารณสุขของไทย และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals - SDGs) นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาระบบสุขภาพของคนในชาติ จะเห็นได้จากนโยบายการปฏิรูปด้านสาธารณสุข และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขระยะยาว

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชม ศาสตราจารย์ ดร. ราล์ฟ เอฟ ดับเบิ้ลยู บาร์เทนชลากเกอร์ จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ที่มีผลงานโดดเด่นเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ซึ่งได้นำไปสู่การพัฒนายาต้านไวรัสตับอักเสบซีได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย รวมถึงการพัฒนายาต้านไวรัสตับอักเสบซีรุ่นใหม่ และศาสตราจารย์นายแพทย์เดวิด เมบี จากสหราชอาณาจักร ที่ค้นพบสาเหตุของภาวะตาบอดจากโรคริดสีดวงตา รวมถึงวิธีการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนจำนวนหลายล้านคนในทวีปเอเชียและแอฟริกา

ซึ่งทั้งสองท่านแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ซึ่งเป็นรางวัลที่มีความหมายต่อวงการสาธารณสุขและการแพทย์ไทยเป็นอย่างมาก พร้อมชื่นชมนโยบายด้านสาธารณสุขของไทยที่ประชาชนสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับทั้งสองประเทศมีอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในด้านความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และเทคโนโลยี ที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญ โดยไทยพร้อมความร่วมมือเพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชนในโลก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ