ประธาน JETRO กรุงเทพฯ พร้อมกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น

ข่าวทั่วไป Monday February 3, 2020 14:48 —สำนักโฆษก

ประธาน JETRO Bangkok เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2563) เวลา 15.30 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอัตสึชิ ทาเคทานิ (Mr. Atsushi Taketani) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (Japan External Trade Organization: JETRO Bangkok) เข้าเยี่ยมคารวะ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ พร้อมขอบคุณ JETRO ที่รายงานผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย ผลสำรวจความเห็นของสมาชิกหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯ (JCC) ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อรัฐบาลไทยในการกำหนดทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับความต้องการของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่นถือเป็นคู่ค้าและผู้ลงทุนที่สำคัญของไทย และในสถานการณ์ท้าทายที่โลกกำลังเผชิญกับการเตรียมรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ในขณะนี้

ด้านประธาน JETRO กรุงเทพฯ กล่าวขอบคุณที่ให้เข้าพบในวันนี้ และยืนยันความพร้อมที่จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น รวมทั้งมีส่วนช่วยผลักดันและส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่างๆ ซึ่งหอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯ ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มธุรกิจ Startup และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Digital Smart City) ตลอดจนส่งเสริมบุคลากรเพื่อยกระดับการศึกษาของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวว่าผู้อำนวยการสถาบัน KOSEN (โคเซ็น) ประจำประเทศไทย ได้ชื่นชมความสามารถของเด็กนักเรียนไทย และมีแผนที่จะสนับสนุนการฝึกอบรมและฝึกอาชีพเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนไทยได้รับประสบการณ์พร้อมพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมืออย่างรอบด้านและหลากหลาย โดยเฉพาะการบูรณาการความร่วมมือทางการศึกษา โดยกล่าวถึงความสำเร็จในการจัดตั้งสถาบัน KOSEN ในไทย เพื่อผลิตวิศวกรและบุคลากรด้านเทคนิครองรับการลงทุนของเอกชนญี่ปุ่นในไทยอย่างยั่งยืน และหวังให้ญี่ปุ่นสานต่อความร่วมมือในอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะใน EEC และให้โครงการนี้เป็นต้นแบบและศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิคในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต่อไป ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะนำผลสำรวจดังกล่าวไปปรับปรุงแก้ไขให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจภายในประเทศต่อไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ