วันนี้ (24 ก.พ.63) เวลา 18.00 น. ณ อาคารรัฐสภา พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงเกี่ยวกับการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้แก่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ BTSC ว่าหากรอสัมปทานสายหลักหมดอายุ จะเกิดผลกระทบต่อประชาชนและ กทม.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า การออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยกเว้นการบังคับใช้ พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เป็นความจำเป็นในการออกคำสั่งเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เป็นธรรมและเร่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้หลังการออกคำสั่ง คสช. แล้วจะทำให้อายุสัมปทานใหม่ 30 ปีตั้งแต่ปี 2573 ถึง ปี 2602 โดยทาง กทม. จะมีรายได้ และแก้ปัญหาในกรณีที่ กทม. ต้องรับภาระการขาดทุนในช่วงก่อนปี 2572 รวมทั้งได้พิจารณาโดยยึดหลักเกณฑ์ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ประชาชนต้องมีค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่เป็นภาระให้ประชาชน และไม่มีค่าแรกเข้าที่ซ้ำซ้อน 2.กทม. และรัฐบาล ต้องไม่มีภาระหนี้ โดยจะกำหนดเวลาในการดำเนินการให้ชัดเจน 3.ต้องมีขั้นตอนในการปฏิบัติคล้าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งผลการตอบแทนการลงทุนของเอกชนต้องอยู่ในอัตราที่เหมาะสม และ 4.การมีองค์ประกอบของคณะกรรมการต้องมีรูปแบบเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งในส่วนของการเจรจา ทางรัฐบาลได้เคยได้ทำ market sounding เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพบว่า ไม่มีเอกชนเสนอตัวเข้ามาโดยเฉพาะส่วนต่อขยาย อีกทั้งหากทำทั้งหมด รายที่เข้ามาอาจจะมีต้นทุนสูง ทางคณะกรรมการจึงต้องเข้าไปเจรจากับรายเดิมก่อนตามหลักกฎหมาย
โดยในช่วง 10 ปีแรก (2562-2572) ยังคงเป็นตามสัญญาเดิม กทม. ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เอกชนจะเป็นผู้รับภาระแทนตลอด 10 ปี ทั้งนี้จะเริ่มนับสัญญาสัมปทานใหม่หลังสัมปทานเดิมสิ้นสุดลง ซึ่งสัมปทานใหม่จะมีอายุ 30 ปี (2573-2602) และจะมีการแบ่งรายได้ให้ กทม.ด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th