นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงปัญหาราคาหมูแพง และมีผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลตรึงราคาเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน
วันนี้ เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงปัญหาราคาหมูแพง และมีผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลตรึงราคาเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน ว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ที่เข้าโครงการ ส่วนผู้ที่ไม่เข้าโครงการได้บอกท้าทายไปแล้ว เพราะต่อไปประชาชนจะไม่บริโภคเนื้อหมูที่ราคาแพง และหันไปบริโภคอย่างอื่น แล้วถ้าเสียหายอย่ามาว่ากัน ซึ่งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อธิบายให้ฟังซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ตามดูอยู่ ไม่ได้แตะต้องจากฟาร์ม คนเลี้ยง แต่ตรวจสอบว่าจากสุดท้ายขั้นตอนจะชำแหละซากหมู ตรงไหนที่เอาเปรียบกันมากเกินไป โดยยึดหลักการว่าทุกคนจะต้องอยู่ได้ ตรงไหนที่ค้ากำไรมากเกินไปก็ขอให้น้อยลงหน่อย เมื่อดำเนินการแล้วราคากิโลกรัมละ 98 บาท แต่วันนี้ยังมีพวกที่ต้องการจะเอาชนะกันอยู่ ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิสูจน์ได้ว่าคนที่ทำเป็นระบบธุรกิจ ในรูปบริษัทตกลงกันได้ ซึ่งหมายความว่าจากขั้นตอนราคา 58 บาทถึง 98 บาทเขาสามารถแบ่งปันกำไรกันได้ว่าใครได้มากหรือน้อย เพื่อให้ผู้บริโภคลดภาระลงมาได้ แต่ก็มีคนที่บอกว่าจะเอาราคา 120 บาท เราก็บอกว่ายังไม่อยากให้กระทบกระเทือน หากต้องการ 120 บาทก็ตามใจ แต่ถ้าขายไม่ได้ก็ขอว่าอย่ามางอแง ซึ่งต่อไปนี้จะมีการขายหมูราคากิโลกรัมละ 98 บาทให้ได้มาก จนกระทั่งผู้ที่ขายราคากิโลกรัมละ 120 บาทต้องรู้สึกว่าทำไม่ถูก เราก็เอาคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลก่อน ใครที่ยังไม่ร่วมมือก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่ได้รับความร่วมมือทั้งหมดก็คงเสียใจ แต่ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือครึ่งทาง
ต่อข้อถามว่ามาตรการตรึงราคามักจะไม่ได้ผลดี จะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้ผลเพราะที่ผ่านมาหลับหูหลับตา แต่คราวนี้ลืมตาไปดูแน่นอน อธิบายความให้ฟังแล้วว่าจากคนนี้ถึงตรงนี้ที่จะจัดการ คนตรงนี้ไม่แตะต้อง ถ้าหลับหูหลับตาไปสั่งคงไม่ได้ ให้ไปดูเอง เมื่อพูดจาจนเข้าใจแล้วเขาถึงตกลงราคาที่กิโลกรัมละ 98 บาท เพราะมีช่องทางที่จะดำเนินการได้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปเอื้อเฟื้อให้ประชาชนไปซื้อที่ห้าง แต่เพราะห้างให้ความร่วมมือ แต่พ่อค้าแม่ค้าเขียงหมูในตลาดไม่ให้ความร่วมมือประชาชนจึงไม่ซื้อของในตลาด
“ความจริงเนื้อหน้าอกไก่กิโลกรัมละ 65บาท เนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 120 บาท ทำไมไม่กินเนื้อไก่ มีคุณภาพดีเหมือนกัน บอกว่ากลัวไข้หวัดนก ถ้ากลัวก็อย่ากิน แต่คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่กลัว ถ้าตายก็คงหานายกฯมาแทนใหม่ได้ ไม่เป็นไร ผมอยากจะบอกว่าในฐานะที่เป็นคนทำกับข้าว เนื้ออกไก่ กิโลกรัมละ 65 บาท ทำกับข้าวกินอร่อยด้วย ไม่กิน แต่จะกิน 120 บาท จะให้ผมทำอย่างไร ผมจะถามว่าระหว่างหมูผัดกระเพรากับไก่ผัดกระเพราอะไรอร่อยกว่ากัน ไก่อร่อยกว่า หรือเอาเนื้อหน้าอกไก่มาหั่นต้มกับฟักหรือหน่อไม้ก็อร่อยกว่า ทุกอย่างดีกว่า แต่ก็จะเอาหมูกันให้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯจะฟื้นโครงการโครงไก่ต้มฟักขึ้นมาช่วยชาวบ้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถามอย่างนี้แปลว่าแดกดัน ต่อข้อถามว่ารัฐบาลควรจะรณรงค์บริโภคอาหารอย่างอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขาอธิบายมาให้ฟังแล้วว่ามีขั้นตอนที่เรียกว่าวงจรสะดุด ซึ่งเป็นเรื่องชั่วคราว ขอให้ไปกินไก่ประมาณ 1- 2 เดือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 11 มีนาคมนี้ จะนำรายงานที่เจ้าหน้าที่รายงานสาเหตุวงจรหมูสะดุดมาเล่าให้ฟัง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงปัญหาราคาหมูแพง และมีผู้ประกอบการบางรายไม่เข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลตรึงราคาเป็นการให้ความช่วยเหลือประชาชน ว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ที่เข้าโครงการ ส่วนผู้ที่ไม่เข้าโครงการได้บอกท้าทายไปแล้ว เพราะต่อไปประชาชนจะไม่บริโภคเนื้อหมูที่ราคาแพง และหันไปบริโภคอย่างอื่น แล้วถ้าเสียหายอย่ามาว่ากัน ซึ่งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อธิบายให้ฟังซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ตามดูอยู่ ไม่ได้แตะต้องจากฟาร์ม คนเลี้ยง แต่ตรวจสอบว่าจากสุดท้ายขั้นตอนจะชำแหละซากหมู ตรงไหนที่เอาเปรียบกันมากเกินไป โดยยึดหลักการว่าทุกคนจะต้องอยู่ได้ ตรงไหนที่ค้ากำไรมากเกินไปก็ขอให้น้อยลงหน่อย เมื่อดำเนินการแล้วราคากิโลกรัมละ 98 บาท แต่วันนี้ยังมีพวกที่ต้องการจะเอาชนะกันอยู่ ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิสูจน์ได้ว่าคนที่ทำเป็นระบบธุรกิจ ในรูปบริษัทตกลงกันได้ ซึ่งหมายความว่าจากขั้นตอนราคา 58 บาทถึง 98 บาทเขาสามารถแบ่งปันกำไรกันได้ว่าใครได้มากหรือน้อย เพื่อให้ผู้บริโภคลดภาระลงมาได้ แต่ก็มีคนที่บอกว่าจะเอาราคา 120 บาท เราก็บอกว่ายังไม่อยากให้กระทบกระเทือน หากต้องการ 120 บาทก็ตามใจ แต่ถ้าขายไม่ได้ก็ขอว่าอย่ามางอแง ซึ่งต่อไปนี้จะมีการขายหมูราคากิโลกรัมละ 98 บาทให้ได้มาก จนกระทั่งผู้ที่ขายราคากิโลกรัมละ 120 บาทต้องรู้สึกว่าทำไม่ถูก เราก็เอาคนที่ร่วมมือกับรัฐบาลก่อน ใครที่ยังไม่ร่วมมือก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่ได้รับความร่วมมือทั้งหมดก็คงเสียใจ แต่ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือครึ่งทาง
ต่อข้อถามว่ามาตรการตรึงราคามักจะไม่ได้ผลดี จะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้ผลเพราะที่ผ่านมาหลับหูหลับตา แต่คราวนี้ลืมตาไปดูแน่นอน อธิบายความให้ฟังแล้วว่าจากคนนี้ถึงตรงนี้ที่จะจัดการ คนตรงนี้ไม่แตะต้อง ถ้าหลับหูหลับตาไปสั่งคงไม่ได้ ให้ไปดูเอง เมื่อพูดจาจนเข้าใจแล้วเขาถึงตกลงราคาที่กิโลกรัมละ 98 บาท เพราะมีช่องทางที่จะดำเนินการได้ ไม่ได้หมายความว่าจะไปเอื้อเฟื้อให้ประชาชนไปซื้อที่ห้าง แต่เพราะห้างให้ความร่วมมือ แต่พ่อค้าแม่ค้าเขียงหมูในตลาดไม่ให้ความร่วมมือประชาชนจึงไม่ซื้อของในตลาด
“ความจริงเนื้อหน้าอกไก่กิโลกรัมละ 65บาท เนื้อหมูราคากิโลกรัมละ 120 บาท ทำไมไม่กินเนื้อไก่ มีคุณภาพดีเหมือนกัน บอกว่ากลัวไข้หวัดนก ถ้ากลัวก็อย่ากิน แต่คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่กลัว ถ้าตายก็คงหานายกฯมาแทนใหม่ได้ ไม่เป็นไร ผมอยากจะบอกว่าในฐานะที่เป็นคนทำกับข้าว เนื้ออกไก่ กิโลกรัมละ 65 บาท ทำกับข้าวกินอร่อยด้วย ไม่กิน แต่จะกิน 120 บาท จะให้ผมทำอย่างไร ผมจะถามว่าระหว่างหมูผัดกระเพรากับไก่ผัดกระเพราอะไรอร่อยกว่ากัน ไก่อร่อยกว่า หรือเอาเนื้อหน้าอกไก่มาหั่นต้มกับฟักหรือหน่อไม้ก็อร่อยกว่า ทุกอย่างดีกว่า แต่ก็จะเอาหมูกันให้ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯจะฟื้นโครงการโครงไก่ต้มฟักขึ้นมาช่วยชาวบ้าน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถามอย่างนี้แปลว่าแดกดัน ต่อข้อถามว่ารัฐบาลควรจะรณรงค์บริโภคอาหารอย่างอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เขาอธิบายมาให้ฟังแล้วว่ามีขั้นตอนที่เรียกว่าวงจรสะดุด ซึ่งเป็นเรื่องชั่วคราว ขอให้ไปกินไก่ประมาณ 1- 2 เดือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 11 มีนาคมนี้ จะนำรายงานที่เจ้าหน้าที่รายงานสาเหตุวงจรหมูสะดุดมาเล่าให้ฟัง
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--