นายกรัฐมนตรีเผยผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมอธิบายการบริโภคของที่มีคุณภาพและราคาถูก ขณะเดียวกันชี้แจงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะแทรกแซงการทำงานของสถาบันตุลาการ
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
ผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา
สวัสดีครับ ผมไปเยือนต่างประเทศไม่พูดเลยเดี๋ยวเขาจะว่าไม่ให้ความสำคัญ แต่ความจริงพูดไปแล้วก็เหมือนกันทุกครั้งที่ไปครับ คราวนี้ไปราชอาณาจักรกัมพูชา รายการที่ไปส่วนมากเขาจะให้ไปวันเดียว มาจากไทยเลี้ยงกลางวันก็ไปเช้า-เย็นกลับ ถ้าเลี้ยงกลางคืนก็ต้องรุ่งขึ้นกลับ เท่านั้นครับไม่ได้เสียเวลามากนัก นอกจากทางใต้ลงไปมาเลียเซีย สิงคโปร์จะไปติดต่อกัน พม่าไปวันเดียวกลับ เรียกให้ถูกก็เมียนมาร์ครับ ทีนี้พอไปแล้วก็เล่าให้ฟังนิดหนึ่งว่าเราต้องทำขนาดไหนอย่างไร เพื่อประโยชน์ ท่านจะได้รู้ว่าเวลาคนไปทำงานเขาเรียกว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการ และขอย้ำบรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการ ไปแนะนำตัวเป็นธรรมเนียมเท่านั้นเอง ไปเที่ยวพาดหัว ผมเจอพาดหัว เดี๋ยวจะบอกว่าว่าผมว่าอย่างไร คือว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการวิธีการคือว่าลงจากเครื่องบิน เดี๋ยวนี้กัมพูชาเขาทำดีครับ ลงจากเครื่องบินปูพรม เป็นช่องเลย ตรวจพลสวนสนาม ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ 3 กอง มาถึงเราก็คำนับธงเขาแล้วเดินตรวจเสร็จเรียบร้อย ที่กัมพูชาแปลกหน่อยคือว่ามีประชาชนเยอะ ผู้หญิงผู้ชายแต่งตัวเรียบร้อย นุ่งผ้าซิ่น ผู้หญิงข้างผู้ชายข้าง ถือดอกไม้สีสดสวย ดอกไม้ประดิษฐ์ ก็รับ เสร็จแล้วเป็นแถวนักเรียน ดูแล้วประทับใจเพราะว่าธรรมดาปกติไม่มีใครมารับก็ไม่เป็นไร ถูกไหมครับ เพราะว่าอยู่ในสถานที่ หรือไปรับกันที่หน้าสภาก็เป็นแบบหนึ่งที่ไม่ต้องมีใครมา แต่ว่าลงจากเครื่องบินรับเลย มีคนเยอะหน่อย ข้อสังเกตคือได้แลเห็นสีหน้าสีตาของผู้คนในบ้านเมืองนั้น นี่เป็นของสำคัญซึ่งคนจะเอามาเรียงหน้าให้เราเห็นได้อย่างไร นอกจากเราไปหาเขา มายืนเข้าแถว ต้องบอกเลยครับว่า ตอนสงครามเลิกเราคิดว่าน่าเป็นห่วงผู้คนในบ้านเมืองนี้ ปรากฏว่าหน้าตาสดใส เรียบร้อยทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แสดงความเห็นให้ฟังนิดหนึ่งครับว่า เขาเปลี่ยนแปลงเร็วที่บ้านเมืองนี้เปลี่ยนแปลงมาก เปลี่ยนแปลงเร็ว ประชากร 14 ล้านคนเวลานี้
เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี
เมื่อดูแล้วอะไรต่าง ๆ เห็นได้ว่าถนนหนทางใหญ่โตกว้างขวางขึ้นกว่าที่เคยไป ผมไปเมืองกัมพูชาเมื่อ 50 ปีที่แล้วครับ เสร็จแล้วได้ไปคราวนี้ เดินทางไปออกจากสนามบินเสร็จก็ต้องไปที่วางพวงมาลาสำหรับอนุสรณ์ทหารนิรนามของเขา เสร็จจากนั้นได้พัก 15 นาทีแล้วกลับโรงแรมมีขบวนมารับ บางขบวนไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร บอกว่าให้เกียรติยศ เราก็ต้องด้วยเกียรติยศเขา มอเตอร์ไซค์ 2 ข้าง ก็ไปเฝ้าพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ก็ 50 ปีก่อนเคยไปยืนอยู่ที่หน้าพระราชวัง แล้วบัดนี้ได้เป็นคนเดินเข้าไปมีกองทหารต้อนรับ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับใกล้พระทวารเลย ทรงรับใกล้พระทวาร และทรงเดินนำไปด้วย ก็ได้เฝ้าอยู่ 40 นาที ใช้ภาษาไทยกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ คนแปลก็แปล ถึงได้รู้ว่าไทยกับกัมพูชาใกล้เคียงกัน ของเขาเก็บภาษาโบราณไว้เยอะ เราฟังออกเลยครับ
เรียกร้องธนาคารไทยในกัมพูชาเอื้อเฟื้อการลงทุนให้คนไทยในกัมพูชา
พอเสร็จเรียบร้อยก็ออกมา ทางสถานทูตเลี้ยงข้าวกลางวัน สถานทูตเขาปรับปรุงใหม่ เขาทำเรียบร้อย ใหญ่มาก 11 ไร่กว่า ข้างหน้าเป็นงานบริการ มีห้องประชุมมีอะไรต่าง ๆ แล้วข้างหลังเป็นสถานทูต เวลามีงานเลี้ยงอะไรไม่ต้องไปโรงแรม ของเราใช้ได้เองเลย เป็นสถานที่ที่เขาบอกว่าเป็นตัวอย่างของสถานทูตทั่วโลกเขาจะทำแบบนี้ ถัดไป ยังกินข้าวไม่ทันหมดเพราะกินไปคุยไป มาตามแล้ว บอกว่าคณะทีมไทยแลนด์พร้อมแล้ว ต้องขึ้นไปบนตึกเดินขึ้นไปคุยกับทีมไทยแลนด์ ทีมไทยแลนด์คือคนที่ดูแลงานทั้งหมด สมัยนี้ทีมไทยแลนด์ใกล้บ้านก็จะมีนักธุรกิจเข้ามาร่วมคุยด้วย ทำอะไรอย่างไร ที่เป็นข่าวมานั่นละครับ เขาบอกว่าเขาอยากได้ เอ็ม เค สุกี้ เอ็ม เค ก็ไม่สนใจจะไป คงคิดว่าบ้านเมืองเขาอย่างไรไม่น่าไป ไปได้ถึงโตเกียวไปได้ อยู่กัมพูชาข้างบ้าน ผมบอกว่าผมจะรับมาบอกความให้
ถัดมาก็ลงมาพบชุมชนชาวไทย คนก็บ่นอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็บ่นไปให้แล้ว บ่นต่อไปแล้ว คือธนาคารไทยไม่เอื้อเฟื้อคนไทยที่ไปลงทุนที่นั่น จะทำอะไรอย่างไรต้องกู้เงินจากทางนี้ การค้ำประกันเป็นอย่างนี้ เงินค้ำประกันที่ดินอยู่ทางนี้ ไม่น่าเชื่อ ที่ต้องเอามานินทากันคือว่าธนาคารต่างประเทศเขามาลงทุน จีนลงทุนที่หนึ่ง เกาหลีลงทุนที่สอง มีธนาคารประกบมาเลย ช่วยดูแลหมดเลยทำอะไรต่าง ๆ ธนาคารไทยเปิดกันหราเลย แต่ว่าไม่เอื้อเฟื้อคนไทยลงทุน ต้องบอกันตรง ๆ ที่น่าเจ็บใจคือเขาบอกขอออกหนังสือค้ำประกันหน่อย บอกให้เอาเงิน 110 เปอร์เซ็นต์ไปวาง แล้วจะค้ำประกันให้ 100 เปอร์เซ็นต์ ฟังแล้วบอกหมดท่าเลย หมดท่าจริง ๆ ครับความคิดอ่านของคนทำงานธนาคาร ผมบอกทุกธนาคารเลย ลองไปดูสิสาขาคุณเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำไมถึงร้ายกาจกันอย่างนี้ละครับ ทำไมไม่ส่งเสริมคนไทยด้วยกัน การค้ำประกัน คนไปทำธุรกิจไม่มีเครดิตอะไรเลย เอาเงิน 110 ไปวาง แล้วค้ำประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ยังยักไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ ค่าอะไรก็ไม่ทราบได้ ประหลาดจริง ๆ
เข้าเยี่ยมคารวะประธานวุฒิสภา ประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี กัมพูชา
เสร็จเรียบร้อยก็คุย พอกินข้าวเสร็จหมดเวลา ต้องไปเยี่ยมเยี่ยมคำนับท่านสมเด็จฯเจีย ซิม ประธานวุฒิสภา ชื่อท่านยาวข้างหน้า ก็บอกว่าใช้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ยังใช้อยู่ พอเสร็จแล้วไปเยี่ยมท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านสมเด็จฯ เฮง สัมริน สองท่านนี้อาวุโสทั้งคู่ ท่านหนึ่ง 76 ปี ท่านหนึ่ง 74 ปี คุยกันล่ามก็แปลดีครับ ถูกอัธยาศัย ลุกขึ้นมาเสร็จท่านสมเด็จฯเจีย ซิม ก็มากอดผม ผมก็ตกใจ ว่าท่านก็แสดงไมตรี เพราะว่าพูดจาแสดงให้เห็นว่าเรารู้จักชื่อเสียงของท่าน ตั้งแต่สมัยสงครามต่อสู้กันมาจนกระทั่งบัดนี้บ้านเมืองเขาเข้าที่มั่นคงแข็งแรง ทุกสถาบัน ตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ของเขา การสถาปนาขึ้นมาเรียบร้อย มั่นคง และวุฒิสภา รัฐสภา คุยกันเสร็จเรียบร้อย คุยกับท่านสนทนา ไปมาตรฐานก็ต้องการไปพบกับนายกรัฐมนตรี คุยกัน 1 ชั่วโมงแต่ว่ายืดเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่านนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชื่อเต็ม ๆ ของท่านคือ อัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน คุยกันดี อัธยาศัยท่านดี ท่านพูดจาดี ท่านก็ต่อสู้มาเหมือนกัน ต่อสู้กันมาเหมือนกัน สุดท้ายก็มา เชื่อไหมครับเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 27 ปี แล้วท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 23 ปีครับ ดูแลบ้านเมืองนี้มาตลอด คุยเรื่องอะไรกันต่าง ๆ ผมก็เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าเราก็ช่วยเขาพอสมควร แต่ในขณะเดียวกันผมต้องบอกไปด้วยว่าการที่เราช่วยเขานี้ เขาก็เท่ากับช่วยเรา
การลงทุนพัฒนาเส้นทางคมนาคมท่องเที่ยวระหว่างไทย — กัมพูชา
ส่วนที่ไปช่วยคือทำถนนสี่สาย ให้เงินกู้เท่านั้นเงินกู้เท่านี้ดอกเบี้ยผ่อนปรน สุดท้ายเราให้เงินกู้ 1,400 ล้าน ดอกเบี้ยผ่อนปรน ทำทางจากช่องจอมลงไป ผลประโยชน์เราพูดกันในที่ประชุมเลย บอกเป็นประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย เราช่วยกัมพูชาก็เท่ากับช่วยไทยด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องทางการทูตนะ พูดอย่างจริงใจเลย เพราะนักท่องเที่ยว หัวใจของการท่องเที่ยวอยู่ที่นครวัด นครธม ที่เขาทำอยู่เดิมเขาต้องทำให้คนไปลงที่เมืองหลวงพนมเปญ แล้วบินไป บัดนี้เจรจากับเกาหลีถูกใจกันอย่างไรไม่ทราบ เกาหลีบินจากโซล เข้าไปเลยครับ เข้าไปที่เสียมเรียบได้เลย ของเราการบินไทยยังไม่เลือก ก็ให้ทางนั้นไปก่อน บางกอกแอร์เวย์บินเข้าไปที่นั่น ทีนี้นักท่องเที่ยวยิ่งมาเครื่องบินจำนวนมันนับถ้วน เราอยากจะได้ที่ว่า ความคิดแบบผม หน้าหนาว ๆ ยุโรปหนาว ๆ อเมริกา เปิดบินชาร์เตอร์ไฟลท์มาลงที่อู่ตะเภา อย่างนี้พอมาถึงลงวันหนึ่ง เที่ยวกรุงเทพฯ 1 วัน อยู่พัทยา 1 วัน แล้วไปกัมพูชาที่นครวัด นครธม 1 วัน ตรงนั้นถนนของเราดี จากพัทยาออกไปชายแดน 2 ชั่วโมง ที่ต้องพูดกันนี้คือว่าชายแดนไทยทางเสียมเรียบ คือชายแดนไปศรีโสภณ 46 กิโลเมตร ศรีโสภณไปเสียมเรียบ 115 กิโลเมตร ทาง 160 กว่ากิโลเมตร วิ่งกระโดกกระเดกก็ 4 — 5 ชั่วโมงครับ ไหวไหม แล้วต้องการวิ่ง 2 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการลงทุนเรื่องถนนหนทางของเราจะช่วยให้นักท่องเที่ยวของเรา ถ้าตกลงกันได้ ที่เจรจานั้นเราขอเขา เขาขอเราบ้าง เราก็จะขอเขาว่ารถบัสของเราไม่ต้องเปลี่ยนคัน เอารถบัสเข้าไปเลย ถึงโน่นเลย ออกจากพัทยา 6 โมงเช้า 8 โมงถึงอรัญประเทศ เข้าไปอีก 2 ชั่วโมงถึงนครธม ดูนครธมก่อน 2 ชั่วโมง กินข้าวกลางวัน 1 ชั่วโมง เดินดูนครวัดอีก 3 ชั่วโมง แบบดูจำกัดนะครับ ก็ได้ทั้งนครวัด นครธม 4 โมงเย็นขึ้นรถกลับ 6 โมงเย็นถึงชายแดนเรา 2 ทุ่มถึงพัทยากินข้าว อย่างนี้ มา 1 วันมาเที่ยวกรุงเทพฯ เมืองหลวง มาอีกวันหนึ่งไปกัมพูชากลับมาแล้วอยู่ที่พัทยาดู scuba ดำน้ำ ดำผุด อย่างนี้ก็ดีไหมครับ ยุโรปหนาวตั้ง 5 - 6 เดือน มาเมืองไทยก็สบายมาอย่างนี้ โปรแกรมอย่างนี้ ได้เที่ยวทั้งนครหลวงของเรา ได้เที่ยวทั้งเมืองที่ตากอากาศ และได้ไปสิ่งสำคัญ 1 ใน 7 ของโลก
50 ปีก่อนหนังสือก็พิมพ์ออกมามากมาย ตลอดครึ่งศตวรรษหนังสือเกี่ยวกับนครวัด นครธม ออกไปทั่วโลก คนทั่วโลกอยากมาดู คนไทยก็อยากดู สถิติคนไทยไปปีละ 20,000 — 30,000 คน ปีละ 20,000 — 30,000 คน เท่านั้นละครับ แต่นักท่องเที่ยวมาปีละ 2 ล้านคน และจะมากขึ้นต่อไปอีก เห็นไหมครับ เราช่วยเขา เขาช่วยเรา ไม่ได้ดัดจริตครับ สำนวนที่จะต้องลงท้ายคือว่า ไปประชุมที่ลาว ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของไทย ฉะนั้นก็ต้องพูดว่าความมั่นคงของกัมพูชาคือความมั่นคงของไทย เพราะอะไรครับ เราไปเพาะไปปลูก ไปทำปาล์มน้ำมัน ทางนี้ก็นักธุรกิจใหญ่มหึมา จะไปทำ เอาที่เท่าไร 100,000 เฮกตาร์ เฮกตาร์คือ 100 เมตร คูณ 100 เมตร คือ 1 เฮกตาร์ 100,000 เฮกตาร์จะปลูกอ้อย ปลูกอ้อยทำโรงน้ำตาล แต่ก่อนนี้ปลูกปาล์มน้ำมัน ที่จะมาทำไบโอดีเซลต่าง ๆ และไปลงทุนกันมากมายก่ายกองที่นั่น ฉะนั้นก็บอกให้ฟังได้ว่า เมืองเขาถูกต้อง สงครามเขาเลิก เขาเพิ่งยุติ แต่ว่าเขากอบกู้บ้านเมืองของเขา ต้องพูดได้ว่ามั่นคง
ชื่นชมความละเมียดละไมในนาฏศิลป์ของกัมพูชา
ผมไปกัมพูชาเมื่อ 50 ปีก่อน แล้วเคยไปประชุมเมื่อ 5 ปีก่อน ไปประชุมแล้วก็กลับ คราวนี้ได้อยู่ได้ตะเวนดูนั่งรถชม ได้แลเห็น ไปตลาดเช้า ๆ ประชุมเสร็จเย็นกลับมาเดี๋ยวเดียวต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ก็กินข้าว อยากจะบอกนิดหนึ่งครับว่าถ้าใครได้สัมผัสนาฏศิลป์ของกัมพูชาแล้ว ต้องดูไม่ออกว่ากัมพูชาหรือว่าไทยกันแน่ ละเอียดลออเรียบร้อย ของเราเอาไปรำ รำอัปสรรำเอาของเขามา เขาแบบไทยแท้เลย พูดอย่างนี้ละกัน ใครลอกใครก็ แต่ของเราไปตอนรัชกาลที่ 3 เขาเก็บของเขาไว้ได้ละเมียดละไมเรียบร้อยเลย แล้วเวลาสุดท้ายเล่นตีเถิดเทิง จังหวะจะโคนที่ตีเหมือนกันอย่างกับ คือดูแล้วมีความหมายในการมาแสดงให้ดูเพราะว่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นสองประเทศนี้ความเหมือนกัน ภาษาก็มีพื้นฐานคล้ายคลึงกัน และศิลปวัฒนธรรม สำคัญที่สุดคือว่า ไมตรีจิตที่คนสองประเทศมีต่อกันนั้นผมแน่ใจว่าระดับรัฐบาลกับรัฐบาล แน่นอนไม่มีปัญหา หน้าที่ของผม ไปแนะนำตัวก็ต้องบอกให้ฟัง แล้วมาเล่าให้ท่านเจ้าของประเทศฟัง ต่อไปจะไปเมียนมาร์ และจะไปมาเลเซีย สิงคโปร์ พูดกับนักข่าวเขาบอกว่าเหลืออีก 7 จะต้องเดินทาง เป็นหน้าที่
เลขาธิการราชบัณฑิตยสถานเข้าเยี่ยมคารวะ
อาทิตย์ที่แล้วมีคณะมาเยี่ยม เขาบอกราชบัณฑิตยสถานจะมาพบ 13.30 น. เราก็ดีใจจะได้พบราชบัณฑิต เข้าใจผิดครับ เจ้าหน้าที่ราชบัณฑิตยสถานมากัน 10 คน ท่านสุภาพสตรีเป็นหัวหน้า เป็นเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน (นางจินตนา พันธุฟัก) ก็เลยได้นั่งฟัง ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังครับ ใครอยากจะเป็นราชบัณฑิต ท่านต้องไปเป็นสมาชิกก่อน แล้วเขาจะพิจารณา ถามว่าราชบัณฑิตเป็นอย่างไร ต้องเขียนหนังสือ ผมก็ดีใจ เขียนหนังสือขนาดไหน ต้องเขียนหนังสือทางวิชาการ กี่เล่มไม่ทราบหรอกครับ แต่ต้องเป็นหนังสือวิชาการ ผมบอกว่าผมหมดสิทธิเป็นราชบัณฑิต ผมเขียนหนังสือมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เขียนมา 51 ปี บทความนับชิ้นไม่ถ้วน วิพากษ์วิจารณ์การบ้านการเมือง มากมายก่ายกอง ปรากฏว่าไม่มีทางเป็นราชบัณฑิตเพราะว่าไม่เข้าเกณฑ์ ต้องจำไว้ครับ คนเขียนบทความทั้งหลาย วิพากษ์วิจารณ์อะไรให้เขียนดีอย่างไรก็ตามแต่ ราชบัณฑิตจะต้องมีผลงานซึ่งเขียนเป็นหนังสือวิชาการ แล้วผู้คนใช้วิชาการ เอาที่เข้าใจ ราชบัณฑิตมี 86 ท่าน เสียชีวิตไป 1 ท่าน ยังไม่ได้แต่งตั้งอีก 1 ท่าน มี 85 แต่ว่าวันนั้นนึกว่าจะได้พบราชบัณฑิต ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ราชบัณฑิตยสถานแวะมาเยี่ยม ก็คุยกันเรื่องหนังสือหน่อย ผมลืมสนิท หนังสือพจนานุกรมครับ เล่มใหญ่มหึมาเลย พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานที่อ้างกันเสมอ พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2542 คราวนี้ออกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา เล่มเบ้อเริ่มเลยครับ ใหญ่ อย่าลืมนะครับพิมพ์เรื่องอย่างนี้เขาจะต้องมีล็อก 12 ปี คือเขาพิมพ์ตามโอกาสสำคัญ ที่ชำระกันไปแล้วพิมพ์ออกมาที ต่อไปนี้จะต้องอ้างพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน 2550 ปีเดียวกับรัฐธรรมนูญนี่ละครับ เล่มใหญ่มากเลย ผมชอบ ไม่มีอะไรทำนั่งอ่านหนังสือ สนุกครับ แต่ละคำ ๆ
ได้คุยกับท่านเลขาธิการฯ ก็คุยกันเรื่องรายการ ท่านถามว่าผมดูหรือเปล่า บอกว่าดูแล้ววิจารณ์แล้ว และเอาไปใช้ด้วย 07.18 น. — 07.20 น. ทุกวัน ต้องบอกว่าคำอะไรต่าง ๆ เมื่อเช้านี้ หยก ๆ มานี่ “ถึงพริกถึงขิง” ก็มีตัวอย่างให้ดูว่าอะไรเป็นอะไร ผมบอกให้ท่านดู บอกว่า คำที่เฝ้ารอดูยังไม่ออกมาคือ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ทำไม ต้องการคำอธิบาย ก็คุยกันสนุกครับ คุยกันไปยาวหน่อย คุยกันแบบชนิดว่าผมบอกท่านเลขาธิการราชบัณฑิตยสถานว่า ผมเป็นตัวแทนของนกแก้วนกขุนทอง เพราะว่าก็ท่องได้ครับ ท่องมาตั้งแต่อายุยังไม่ 10 ขวบ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสหัสนัยน์ตรัยตรึงศา ทิพยอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา... เล่าให้ฟังเลย จะเอาเท่าไหนบอกมาสิ นี่ตัวแทนนกแก้วนกขุนทอง ที่ต้องพูดเพราะอะไรรู้ไหมครับ นักวิชาการสมัยใหม่ เขาว่านักเรียนไทยสมัยเก่าท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่มีความเจริญก้าวหน้า ไม่รู้เรียนกันแบบไหน
อธิบายวิธีการผสมคำของภาษาไทย
ผมเลยปาฐกถาเรื่องภาษาไทยให้ท่านเลขาธิการราชบัณฑิตยสถานฟัง อธิบายเลยว่าผมมีหน้าที่จะต้องอธิบายให้ชาวต่างชาติ ให้ใครที่จะเรียนภาษาไทยเขาได้รู้ว่าของเราเริ่มต้นที่อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ มีอักษร 44 มีสระเท่าไร และมาใช้กันอย่างไร ผสมกันอย่างไร อักขรวิธี กอ - อะ - กะ / กอ — อา - กา / กอ — อิ - กิ / กอ- อี - กี อย่างนี้ วจีวิภาค ภาษาฝรั่งเรียกว่า phrase เป็นท่อน ๆ เขาเรียกว่าคนโบราณรู้ประมาณการกุศล เจริญมงคล ณ ตำบลต้นตาลหมู่ ควรเรียนรู้เป็นสำคัญเกิดปัญญา อันนี้แบบเรียนเร็ว เล่ม 1 — 2 — 3 พอเสร็จแล้วเขาก็ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ เอามาเรียงเป็นประโยค ประโยคสมัยตอนเรียนประถม 1 แบบเรียนเร็วเล่มหนึ่งตอนต้น ตอนกลาง ตอนปลาย มาถึงว่า อักขรวิธีคืออักษรและผสม ต่อไปเป็นประโยค เขาเรียกว่า วลี 3 คำ 4 คำ ฝรั่งเรียก phrase เป็นคำเป็นท่อน ๆ สุดท้ายก็วากยสัมพันธ์ เอาท่อน ๆ มาต่อกัน ก็ป้ากับปู่ ป้ากับปู่กู้อีจู้ ป้าดูปู่กู้อีจู้ ป้าจ๋า ตาอี่ ตีกระบี่ดี ตาอู๋ ตาอู๋ดูตา ตาอี่ นี่ละครับเลยคุยกันแล้วก็นินทากระทรวงศึกษาธิการนิดหน่อย คัดไทยอีกอันไหม เขียนไทยตัวเป็นถั่วงอก ไม่คัดไทย เขียนไทยเป็นอย่างไร เขาบอกเรียงความก็ไม่เรียง ย่อความก็ย่อไม่เป็น ตกลงภาษาไทยเราก็แย่
ผมก็เลยคุยกัน คุยกันสนุกครับ คุยกันยาวเลยเรียบร้อยเลย ผมบอกว่าภาษาไทยของเรา 800 ปี เกือบ ๆ 800 ปี ภาษาจีน 4,000 ปี ผมบอก 800 ปีกับ 4,000 ปีลองมาเทียบสิ เอาคนไทยคนหนึ่ง เอาคนจีนคนหนึ่งให้มานั่งเขียน เขียนว่า คึกฤทธิ์ ให้จีนอีกคนมาอ่าน อ่านว่า ขื่อหลี ให้เขียนคึกฤทธิ์อ่านได้ว่าขื่อหลี บอกว่าให้เขียนสมัครสิ อีกคนมาอ่านบอก สะมา ได้ขนาดนี้ นั่น 4,000 นะ ของเรา 700 — 800 ปี เราเขียนได้มีหมด ภาษาไทยของเรามีเสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำ มี 24 มี 11 มี 9 เสร็จแล้วยังมีวรรณยุกต์อีก มีไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี ไม้จัตวา ยังแถมไม้ไต่คู้อีก มี 5 เสียงกำกับ เพราะฉะนั้นบอกคนไทย บอกไหนคุณเขียนสิ มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ คนนี้เขียน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ อีกคนมาอ่านสิ มาร์กาเร็ต แธ็ชเชอร์ คนเขียนยังถามเลย มาร์กาเร็ตจะเอา ท ทหาร หรือเอา ธ ธง เชอร์ จะเอา ฌ กะเฌอ ไหม ให้เก๋ไปอีกหน่อย เห็นไหมครับ ก็บอกเลย เขียน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ อีกคนมาอ่าน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ เขียน สมัคร ก็มาอ่านสมัคร อย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ว่าคุยกับเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน ก็เก็บเอามาเล่าให้ฟังไว้เท่านั้นครับ จะได้รู้ด้วย เพราะว่าท่านที่ฟังบอกว่า มีอะไรไปฟังอะไรมา เล่าให้ฟังหน่อย วันนี้ถ้าเล่าให้ฟังที่คุยกับเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน รายการจบเลย คุยกันเรื่องนี้เพราะว่าสนุก ชอบภาษาไทยด้วยกันทั้งคู่
เกิดวงจรสะดุดทำให้มีปัญหาหมูราคาแพง
ถัดไปเรื่องหมู ๆ ที่ไม่หมู ต้องทำความเข้าใจหน่อยนะครับ ท่านรองนายกฯ (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ท่านก็พยายามทำ ทำแล้วทำอีกอะไรต่าง ๆ ผมอธิบายให้ฟังครับ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มันเกิดแพงขึ้นมาเฉย ๆ คำอธิบายเขาบอกว่ามันเกิดที่เขาเรียกกันว่าวงจรสะดุด คือจะต้องสะดุด 2 — 3 เดือน ต้องสะดุด พอสะดุดปั๊บก็เข้าหลักอุปสงค์อุปทาน หลัก supply - demand จะมีของออกมาน้อย พอมาน้อยก็ขึ้นราคา อย่างนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริง อธิบายความให้ฟังว่าเกิดตรงนี้ เขาขอเวลา 2 — 3 เดือน คุณมิ่งขวัญฯ ก็เก่ง ไปเจรจาความ คนเลี้ยงหมูจนกระทั่งถึงสุดท้าย เอาหมูมาชำแหละ เขาขายกิโลกรัมละ 58 บาท ตรงนี้ถ้าเราไปแตะต้อง ปั่นป่วนหมด ไม่ได้เลยครับ คนจะให้ไปแตะต้องตรงนี้ จะไปดูอาหารสัตว์อะไรตรงนี้ คุณมิ่งขวัญฯ บอกว่า จากตรงนี้ไปถึงตลอดจนถึงผู้บริโภค มี 2 ล็อก ล็อกจากคนเลี้ยงไปถึงซากหมู และจากซากหมูไปถึงผู้บริโภค เขาไปดูตรงนี้ครับ ว่าใครเอาอะไรมากกันเกินไป ตรงนี้ไม่กระทบกระเทือน ได้มากได้น้อยไม่กระทบกระเทือน จึงเจรจากับคนที่ขายเป็นหลัก ๆ แต่ก่อนนี้ก็ธงฟ้า เดี๋ยวนี้มาอีก 4 ธง มีพวกคาร์ฟูร์ โลตัส บิ๊กซี เขามีมาช่วย เขาบอกเอาละเขาจะจัดการ คือพูดง่าย ๆ ว่าตัดรอนเรื่องค่า marketing ทั้งหลายออกไป แทนที่จะขาย 120 เขาจะขาย 98 ความจริง 100 ก็ไม่น่าเกลียด เดิมก็ขายกันอยู่ 100 นี่คุณมิ่งขวัญฯ อยากเอาราคาบาจา ที่จริง 99 ก็ยังดีราคาบาจา ก็ราคาไม่ถึง 100 เลข 2 ตัว
อธิบายความให้ฟัง แล้วก็บอกเลยว่า คนพวกหนึ่ง นี่หมายถึงว่ารัฐบาลนี้ไม่บังคับใครนะ ช่วยไหม เขาจะช่วย พวกหนึ่งช่วยอีกพวกหนึ่งไม่ช่วย ไม่ว่า แต่ผมก็บอกเลย บอกไม่เป็นไร ผมก็ออกความเห็นไปว่าทำไมถ้าหมูมันแพง เนื้อไก่กับเนื้อหมู เนื้อล้วน ๆ ครับ เอาเนื้อกับเนื้อมาด้วยกันเลย เนื้อไก่ล้วน ๆ 65 บาท เนื้อหมูล้วน ๆ 120 ถามว่าหมูแพงกินไก่ได้ไหม นายเทวดาไทออกมาเลย หาว่าผมเป็นศรีธนญชัย จะเอากำปั้นทุบดิน ไม่ใช่ครับ ผมจะถามสิว่าถ้าเป็นรัฐบาลพรรคคุณเป็นคนบริหารอยู่เวลานี้คุณเอาอย่างไร แนะนำมาสิ ลองบอกมาสิทำอย่างไร ใครมาก็ต้องอย่างนี้ พูดความจริงว่าเขาบอกว่ามันเกิดอาการวงจรสะดุด 2 — 3 เดือนหมูจะขาดตลาด เท่านั้นปั๊บ ที่ออกมาน้อยก็ขายแพง เราก็บอกว่าถ้ามันแพง คือถ้าในโลกมีแต่หมูอย่างเดียว แล้วผมไม่ให้กิน ไอ้บ้าอะไรที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้ค่อยมาว่ากัน นี่เนื้อไก่ดี ๆ ผมถามนักข่าว ผัดกะเพรา หมูผัดกะเพรากับไก่ผัดกะเพราชอบอย่างไหน ส่วนใหญ่ก็ชอบไก่ แล้วอย่างไร แล้วหมูมันแพงกินไก่สักพักไม่ได้หรือ ผมบอกพวกที่เขาไม่ร่วมมือ บอกไม่เป็นไร วันไหนที่ผู้คนเขาพร้อมใจกัน คุณจะเอา 120 ผมไม่กินหรอก เหลือไปใส่ตู้เย็นไว้เลย เท่าไรก็ขายไม่ได้ ไม่กิน ถ้าไม่ขาย 100 ไม่กิน เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่าทอนเอากำไรกันน้อยหน่อย นี่พอรู้ว่าน้อย เอาเปรียบ แต่ของพรรค์นี้มีมาตั้งแต่สร้างโลกแล้วครับ
เมื่อก่อนนี้ ก่อนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เขาจะทำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่ก่อนนี้ เห็ด ออกตามฤดูกาล เวลาเห็ดถูก ๆ กิโลกรัมละ 30 บาท เห็ดไม่มี กิโลกรัมละ 300 บาท อย่างนี้ก็จะกินเห็ด แล้วก็บอกเห็ดแพง ได้อย่างไรครับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีคำนี้แล้ว เพราะระบบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชื่ออาจารย์ท่านนี้ คนนี้ต้องได้เหรียญเลย ต้องได้อะไรของบ้านเมืองเลย เพราะทำเรื่องเห็ด ชมรมเห็ด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมเฝ้าตามเรื่องเห็ดตั้งแต่เด็กจนโต ก็ยังดูเรื่องเห็ด เดี๋ยวนี้ระบบเห็ดเมืองไทยทันสมัย แม้กระทั่งเห็ดหอม ซึ่งแต่ก่อนต้องรอเมืองจีน ต้องกินแต่เห็ดหอมแห้ง ๆ เดี๋ยวนี้เมืองไทยกินเห็ดหอมสด เห็ดโคนซึ่งเป็นเห็ดฤดูกาล ต้องเอาจอมปลวก เดี๋ยวนี้ปลูกเห็ดโคนได้ เห็ดโคนหลวง ทำกันได้หมด แล้วเห็ดอย่างไรครับ ราคามาตรฐาน เวลาธรรมดา 60 บาทต่อกิโลกรัมตลาดบางกะปิ ครึ่งกิโล 30 บาท ทั้งปีเป็นอย่างนี้มีกินตลอดหมดทุกอย่าง ดอกโต ดอกเล็ก สุดจะเลือกเอา นี่ระบบเห็ดของเมืองไทย เข้าที่เข้าทางไม่มีใครสู้ก็แล้วกันครับ เห็ดนางรม เห็ดอะไรต่าง ๆ ยังสู้กันเรื่องโปรตีน เห็ดฟางกิโลกรัมละ 60 บาท มีโปรตีน 3.6 เห็ดนางฟ้า คนรังเกียจมาใหม่ เอาโคนไปกินแล้วตัดโคนทิ้ง เห็ดนางฟ้ากิโลกรัมละ 20 บาท ถูกกว่ากันนะครับ เห็ดนางฟ้า 20 บาท เห็ดฟาง 60 บาท ก็เลือกกินได้ไหม ปรากฏว่าเห็ดนางฟ้ามีโปรตีน 4.6 เห็ดโคนมีโปรตีน 3.6 อย่างนี้ครับ ผมแส่ไปใช่ไหม ต้องเอามาพูดจาเพราะว่าผมสนับสนุนให้กินของถูกกว่า ถามว่าถูกแล้วดีมีไหม เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม นี่ไง คุณภาพดี แต่ว่าเรากินเห็ดฟางกันมาก็ไม่ว่า ใครอยากกินเห็ดโคนก็กินเห็ดโคนสิครับ เห็ดโคนออกมาตามฤดูกาล เห็ดโคนออกมาวางขาย กิโลกรัมละ 500 บาท กิโลหนึ่งก็เยอะแยะ ที่ร้านทำเมนูขายผัดเห็ดโคนจานเดียว 300 บาท ผมเห็นเมนู ผมบอกนี่เกินเหตุ
นี่คือความที่ว่าเราเทียบเคียงให้ดูได้เลยว่า คนจนก็กินเห็ดฟาง คนรวยกินเห็ดโคน เห็นไหมครับเรื่องอย่างนี้ ต้องทำความเข้าใจ มีแต่ปากพูดจาแดกดัน เป็นกำปั้นทุบดิน เป็นศรีธนญชัย ว่าไปเถอะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ เพราะทางแพทย์เขายืนยันแล้วว่า มันสมองของคนขนาดไม่เท่ากัน เวลานี้ผมว่าเพียงเท่านี้ แต่เวลาผมว่าแรง ๆ ไม่ใช่เรื่องนี้นะครับ ผมว่าใครแรง ๆ แสดงอาการไม่เข้าท่า ผมบอกไอ้นี่มันสมองเท่าหัวแม่เท้า อย่างนี้ล่ะครับ คืออย่างนั้นจริง ๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรจะช่วยกัน เอาแต่ว่า ๆ ก็แสดงไปเถอะครับ ประชาชนทั้งประเทศจะนั่งดูอยู่ว่าใครแสดงความคิดเห็นอย่างไร ผมยินดีชื่นชม ได้มาช่วยกันคิดเรื่องปักษ์ใต้ คิดเรื่องเศรษฐกิจ แต่ว่าระมัดระวังหน่อยแล้วกัน ระมัดระวังหน่อยในทางการเมือง เวลาใครไปตั้งแก๊งตั้งเหล่าเล่นอะไรกันเข้า ไม่ควรจะเล่น ก็ไม่ขายหน้านะครับ ท่านบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว โอเคไม่มีปัญหา เรื่องส่วนตัวนะครับ คือเป็น ส.ส. อยู่ในสภาฯ แต่ไปเล่นข้างถนน แต่เป็นส่วนตัวไม่ว่ากัน ทีหลังอย่ามานั่นก็แล้วกัน เหมือนกันครับ ทุกคนทำดีหลายคน แต่บางคนบอกว่า ว่าคนโน้นว่าคนนี้ โอ้โหทำเป็นตัวกระทบกระแทก ไม่เป็นไรครับ ผมรับได้ไม่เป็นปัญหา อย่างเรื่องคาสิโนเดี๋ยวจะคุยตอนท้าย ผมตอบคำถามในสภาฯ
ทีนี้จะเล่าให้ฟังให้จบประเด็นเสียหน่อย ก็ปรากฏว่าเมื่อเวลาที่ของแพง มันแพงบ้าเลือดไหม มันแพงโง่เง่า เมื่อไม่นานมานี้เอง น้ำมันดิบบาร์เรลละ 9 เหรียญ 20 เหรียญ 30 เหรียญ ขึ้นมาจนบอกจะ 100 เหรียญ มันประหลาดไหมครับ ขึ้นมา 10 เท่ากว่าที่เคยขายเมื่อก่อนนี้ ก็ต้องทนกันมา แล้วไม่มีใครว่าคนขึ้นราคาเลย น้ำมันจะถึง 100 เหรียญ บัดนี้เกิน 100 เหรียญ ขึ้นไป 110 เหรียญ ลงมา 104 เหรียญ นี่บ้าไหมครับ วันนี้พาดหัวอีกแล้วบอกจะถึง 120 เหรียญ ถึงไม่ถึงไม่ทราบ แต่ผมประหลาดใจจริง ๆ พวกรวมหัวกันขึ้นราคา ไม่มีใครด่าคนพวกนี้ เลย แต่ว่ารัฐบาลทั่วโลกโดนด่าหมด นี่มันเวรกรรมของใครในบ้านเมืองนี้นะครับ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องเจออย่างเดียวกัน ระดับพรรคการเมืองอย่างชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เก่งกาจสามารถ ถ้าท่านเป็นรัฐบาล ท่านจะต้องเจอ 104 เหรียญ ผมเข้ามาไม่ค่อยเก่งเท่าไร ผมก็เจอ 104 เหรียญ แล้วทำอย่างไรครับ
รมว.พลังงานเจรจาขอปรับขึ้นค่า ft อยู่ที่ 2.75 สต.
ผมบอกว่ารัฐบาลขี้ริ้วหน่อย ปรากฏว่าท่านรัฐมนตรีคนนี้ขี้ริ้วไม่ขี้ริ้ว ท่านส่งจดหมายมาถึงผม ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) คิดอย่างไรรู้ไหมครับ คิดให้ฟังเลย คิดมาข้อ 1 ท่านบอกค่า ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) จะปรับปรุง ประชุมเลย ค่า ft ถ้าไม่มีใครอยู่ เขาบอกจะเอา 6 สตางค์ ถัดไปทุก ๆ 4 เดือนปรับ รัฐมนตรีพูนภิรมย์จัดการเจรจาความเลย ท่านบอก 2.75 สตางค์ เห็นไหมครับว่าเรามีรัฐมนตรีที่เป็นสุภาพสตรี แต่มีความสามารถ ไม่สนใจเขาเอา 6 สตางค์ ขึ้นไปปั๊บทุกคนก็หมด ทั้งประเทศโดนเข้าไปเท่าไรรู้ไหมถ้าเอา 6 สตางค์ แต่ท่านไปเจรจา 2.75 สตางค์ เหมือนคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำ ตกลงได้ ทุ่นไปรวมกันปีละ 1,200 ล้าน ท่านคิดตัวเลขมาให้ฟัง ค่า ft รัฐมนตรีสุ่มสี่สุ่มห้า เก่งจากไหน ชื่อดังมานั่ง แต่เขาบอกเอา 6 สตางค์ ก็ยอม 6 สตางค์ แต่นี่ท่านรัฐมนตรีไม่ค่อยเก่งเท่าไรหรอกครับ เจรจาเหลือ 2.75 สตางค์ ก็สำเร็จเรียบร้อย เห็นไหมครับว่ารัฐบาลขี้ริ้วหน่อย แต่รัฐมนตรีก็ค่อนข้างจะจัดการได้นะครับ ทีนี้ถัดไปท่านบอกว่าก๊าซหุงต้ม ประกาศลอยตัว ดูตัวเลข ผมจะไม่อ้างหรอกครับ ตกลงเรื่องก๊าซหุงต้มก็จะดำเนินการ คือพูดง่าย ๆ ว่า เราฝังใจว่า ก๊าซ CNG จะได้ใช้กันในวันข้างหน้ามาก ต้องการเวลาสัก 6 เดือนเพื่อการนี้ เลยจัดการดึงราคาไว้นิดหน่อย ไม่เสียหายนะครับ แปลว่าไม่ขึ้นและยังปรับราคาลงมาได้ด้วย น้ำมันมีราคาสูง ท่านก็จัดการลงมาสักบาทหนึ่งต่อลิตร เอาดีเซล ประกันไหมครับ ไม่หรอกครับ ดึงโน่นดึงนี่มานิดหนึ่งต้องการเวลาหน่อย นี่ไม่ใช่ delay tactic อย่างที่ชอบภาษาฝรั่งกัน เป็นเรื่องแก้ปัญหาว่า ถ้าหากว่าไม่บ้าขึ้นไป หรือลงมาเหลือ 90 กว่าเหรียญ สถานการณ์ที่ทำแบบนี้ก็จะใช้ได้ คือตรึงดีเซลไว้ เบนซินคนพอมีจับจ่ายของตัวเองได้ ดีเซลกระทบกระเทือนอะไรมาก เห็นไหมครับเขาเป็นรัฐมนตรีที่มีความคิด และคิดถูกต้อง และรายงานมาให้ ส่วนประมง น้ำมันม่วง น้ำมันอะไรก็จัดการแก้ไข น้ำมันม่วงอยู่ตรงนี้ น้ำมันเขียวอยู่ตรงนี้ อธิบายความมาเสร็จ และซื้อตรงนั้นถูกกว่า ตรงนี้ถูกกว่า ทุกคนได้รับผิดชอบหมด ก๊าซ NGV ก็เหมือนกันอีก 5-6 เดือนจะเสร็จ เพราะฉะนั้น ก็รอถ่วงเวลาหน่อย
ประชาชน 2 หมื่นคนเข้าชื่อถอดถอนนักการเมืองได้
ทั้งหมดนี้ ฟังความดูแล้วก็แปลว่ารัฐมนตรีไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ส่งมาเป็นรัฐมนตรี และให้ครบ ๆ ไป ไม่ใช่ เขาทำงานนะครับ และผมก็มีหน้าที่ที่จะเอางานของรัฐมนตรีมาอธิบายชี้แจง รัฐมนตรีทำอะไรขาดตกบกพร่อง ก็เป็นหน้าที่ของผมอีก ผมต้องมาตั้งออกรับแทนว่ามันคืออะไรอย่างไร อย่างรัฐมนตรีไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่จบครับ ยังอะไรกันอยู่ อ่านข่าวเช้าวันนี้บอกอะไร รองอธิบดี 2 คน เซ็นชื่อถอดถอนรัฐมนตรีด้วย นี่เพราะอะไรครับ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 แต่ก่อน 50,000 คนถึงจะถอดถอนได้ เดี๋ยวนี้ 20,000 ถอดถอนได้ ผมเองเผลอ ๆ ไปก็จะโดนเหมือนกัน ถ้าไม่ถูกใจยังไงเข้า คนไม่ชอบหน้ารวมกัน 20,000 คน ถ้าเซ็นมาครบถ้วน ถอดครับ แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรครับ เป็นไม่เป็นก็ต้องทนเป็นมาแล้วนี่ครับ แต่จะบอกให้ฟังครับ ข้าราชการ ทั้งรองอธิบดี 2 คน เซ็นชื่อตื่นเต้นเป็นข่าว เซ็นชื่อถอดรัฐมนตรี แล้วมันจะขบกันไหมครับ รัฐธรรมนูญเป็นใหญ่บอกให้มาถอดได้ แต่ว่าทางนี้เป็นข้าราชการเล่นงานผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ก็ฝากให้นักคิดทั้งหลายช่วยกันคิดหน่อยแล้วกัน
ทำความเข้าใจกรณีถูกวิจารณ์รัฐบาลจะแทรกแซงสถาบันตุลาการ
ถัดไปคือว่า ผมจะพูดเรื่องที่ผมตั้งใจจะพูดเสียหน่อย เรื่องอื่นขอติดเอาไว้ก่อน มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ไปนั่งตั้งอภิปรายกัน คนดัง ๆ อภิปรายกัน แล้วคนดัง ๆ อภิปรายก็เตือน เตือนยังไง เตือนรัฐบาลนี้บอกว่าไม่ให้แทรกแซง เตือนว่าไม่ให้แทรกแซงตุลาการ ท่านเตือนไม่ให้รัฐบาลนี้แทรกแซงตุลาการ ผมฟังแล้วบอกว่า ท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ท่านเตือนช้าไป 16 เดือนหรือเปล่า คนอย่างผม หัวหน้ารัฐบาลนี้ล่ะครับจะไปกล้าแทรกแซงตุลาการ อย่างผมนี่หรือครับจะกล้าแทรกแซงตุลาการ เป็นจำเลยอยู่ในคดีความตุลาการ ท่านจะชี้ต้นตายปลายเป็นอย่างไร จะไปแทรกแซงตุลาการ ชีวิตผม ผมเรียนกฎหมาย ผมรู้ระบอบประชาธิปไตย ผมรู้ว่า 3 อำนาจนี้คานกันอยู่ และผมก็รู้ด้วยว่าอำนาจศาลเป็นอำนาจที่มั่นคง เพราะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเราไม่ได้เลือกตั้งศาล แต่เราเลือกตั้งสภาฯ เปลี่ยนครับสภาฯ เราเลือกตั้งเอาสภาฯ แบ่งมาเป็นรัฐบาล ก็เปลี่ยนแปลงเข้า ๆ ออก ๆ 2 สถาบันนี้ที่สู้กัน แต่ว่าที่คานกันคือศาล และบัดนี้ท่านที่มาจากสถาบันนั้น มาออกปากเตือนว่าอย่าไปแทรกแซงสถาบันตุลาการ ขอบพระคุณครับที่เตือน แต่ต้องบอกหน่อยว่า ท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ผมย้ำนะครับว่าท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ท่านเตือนช้าไป 16 เดือนหรือเปล่า ผมพูดเท่านี้ครับ ทั้งหมดก็รู้เห็นเช่นกันดี และในสถาบันตุลาการ ท่านก็รู้กันดีว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร แน่นอนครับ ผมต้องพูด เพราะหากว่าประชาชนนั่งฟังทั้งบ้านทั้งเมือง รัฐบาลนี้จะมาเรื่องนายกฯ ทักษิณนี่ล่ะครับ จะไม่โน่นไม่นี่ เดี๋ยวคณะนี้ออกมาจะปฏิวัติตัวเอง จะยึดอำนาจตัวเอง จะไม่ยอมเข้าระบบ ก็เขามาขึ้นศาล ให้ศาลพิจารณาวันที่ 12 มีนาคมนี้ก็ขึ้นศาล ปรากฏว่ามีคนมาเตือนว่าอย่าแทรกแซงสถาบันตุลาการ เจ้าประคุณ คนพูดน่ะคิดหรือเปล่าครับตอนพูด คิดหน่อยสิครับ พูดอย่างนี้ประชาชนฟังก็นึกว่าคณะผมจะแทรกแซงตุลาการ ผมไม่กล้าหรอกครับ ไม่บังอาจด้วย แต่ถ้าใครคนอื่นได้เคยทำ ได้เคยบังอาจ คิดกันเองก็แล้วกันครับ ผมต้องพูดอย่างนี้ครับ นี่ล่ะพูดจาประสาสมัคร ไม่ได้คิดจะมาต่อปากต่อคำกับใคร แต่ว่าจำเป็นต้องพูด
อธิบายเรื่องอบายมุขกับคนไทย
ผมจะใช้เวลาอีกสัก 4-5 นาทีจะพูดจากันเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาพูด ผมเขียนไว้ว่า “เสวนาปรับทุกข์ เรื่องอบายมุขกับคนไทย” เวลานี้ไม่ค่อยมีใครใช้ คนที่อยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ค่อยสนใจ เวลาผมเขียน ผมบอกว่า เรื่องน่าคิดระหว่างผู้ผลิตถึงผู้บริโภค เป็นชื่อหัวสารคดึ อย่างคราวที่แล้วผมก็บอกว่า เป็นทุกข์เรื่องหนี้ และวิธีปรับทุกข์ คราวนี้ผมบอกว่า เสวนาปรับทุกข์ เรื่องอบายมุขกับคนไทย ผมจะพูดเรื่องอะไรครับ ผมจะพูดเรื่องว่าผมมาตอบคำถามตรงนี้ คำถามเดียว เขาถามจะทำคาสิโนได้หรือไม่ ผมบอกทำได้ไม่น่าจะเป็นปัญหา เท่านั้น ถ้าไม่มีใครเอาไปต่อ ก็จบตรงแค่นี้เอง ต่อความยาวสาวความยืด ผมไปเมืองนอกกลับมา ต้องมาต่อความยาวกับเขาด้วย เพราะเขาวิพากษ์วิจารณ์ไว้ เลยมาอธิบาลความ ไป ๆ มา ๆ คำอธิบายความของผม กลายเป็นว่าผมจะทำ จะทำให้เสร็จภายในกี่ปี ๆ เหลวไหลทั้งเพ ผมเลยตอบคำถามนายเทวดาประจำสภา ผมก็ตอบคำถามชัดเจน เขาก็ถามมา ผมบอกผมตอบคำถามในรายการนี้ แล้วเป็นอย่างไร ตอบคำถามรายการนี้เขาบอกทำได้ไหม ก็บอกทำได้ ออกเป็นข่าวเอิกเกริกใหญ่โตมโหฬาร สุดท้ายบานปลายกันแบบจะไม่หุบเลยครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะ ผมตอบไปเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว งานนี้เขาทำรายงานไว้ในสภาผู้แทนราษฎร มีพิมพ์เป็นเล่ม รายงานไว้ทั้งหมด ใครอยากจะทำก็เอารายงานนั้นไปดำเนินการ รัฐบาลไม่เริ่มทำหรอกครับ แต่ภาคเอกชนอยากทำก็ดำเนินการได้ ใครคิดจะทำก็ดำเนินการได้ สิ่งที่พูดไว้เป็นสิ่งที่ง่ายแล้ว มีอยู่แล้ว และรวบรัด เจตนาจริง ๆ ถ้าจะคิดคือ การพนันทั้งหลายทั้งปวง พวกที่ตั้งวงเล่นกัน วงไฮโซ ไฮซ้อทั้งหลาย บ่อนบนดิน ใต้ดิน ลอยน้ำ ที่ผมว่าจะได้เข้าไปอยู่เป็นที่เป็นทาง พระสงฆ์องคเจ้าที่ตำหนิติเตียนผม ก็ไม่ว่าล่ะครับ แต่ผมบอกว่าผมทำและผมคิดอย่างนี้ ที่ช่วยคิดให้ฟัง ตอบคำถามว่าทำได้ เพื่อจะเอาไอ้รุงรังพันเตทั้งหลายไปไว้ที่เดียวกัน เด็กก็เข้าไปไม่ได้ครับ อายุยังไม่ 21 ปี สมมติว่าค่าตั๋วสักแสนหนึ่ง พ่อแม่คนไหนครับจะให้เงินแสนให้ลูกไปซื้อตั๋วเข้าไป อายุ 21 ปีแล้ว เด็ก ๆ นักเรียนก็ไม่มีโอกาส ฉะนั้น ก็ไม่มีโอกาสเข้าไปรู้เข้าไปเห็น และจะไปนั่นอย่างไรกัน แต่คนที่ถูกจับยังอยู่ตลอด หากินกัน ตำรวจคุมบ่อน ว่าตำรวจอยู่นี่ ตำรวจจะได้เลิกถูกว่าเสียที เท่านั้นแหละครับ
แล้วผมจะบอกให้ฟังว่าเรื่องนี้ที่บอกอบายมุขกับคนไทย ผมเกิดมาก็เจอแล้วครับ คนไหนไม่รู้จัก ที่สามยอด แต่ก่อนมีรถรางหน้าห้างเซ่งจง ก่อนถึงประตูสามยอด เขาเรียกว่า โรงหวย รถรางถึงตรงนั้นก็บอกว่าโรงหวย ๆ สามยอด โรงหวยอะไร ก็มีโรงหวยอยู่ที่นั่น ออกหวยที่นั่น และคนไทยตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็เล่นหวยกันมา หวยนี่ล่ะครับ อักษรไทยมี 44 ตัว แต่หวยเขาใช้ 36 ตัวเท่านั้นครับ แล้วเขาก็มีของเขาเสร็จหมดเรียบร้อยว่าอย่างไร ออกหวยเช้า 11.00 น. ออกหวยค่ำ 22.00 น. เขาเล่นกันมา แต่ก่อนเขาเล่นหวยกันอย่างนั้น นั่นแหละครับ หวยอยู่กันมา มีกลอนมีอะไรต่ออะไร มีตัวคู่ตัวอะไรอีก ก คู่กับ บ ท คู่กับ ค ม คู่กับ ฆ ทำไมผมจำได้ครับ ก็หวยมันอยู่ที่คนเขาเล่นกันอย่างนั้น คนแทงกันตั้งแต่เศษสตางค์กันมา เสร็จแล้วหวยก็มาพัฒนา มีลอตเตอรี่ขึ้นมาก็เอาเบอร์เลขท้ายลอตเตอรี่มาเป็นหวยใต้ดิน รัฐบาลก็คิดดีเอามาไว้บนดิน แทนที่จะให้จบเรียบร้อยอะไรต่าง ๆ เกือบจะติดตารางทั้งคณะ ไป ๆ มา ๆ ออกกฎหมายมาออกได้อีกแล้ว ตกลงจะติดตารางทั้งคณะ จะติดหรือไม่ติดยังไม่ทราบได้ แต่ว่ามีกฎหมายผ่านออกมาว่าทำได้ นี่กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะผ่านไม่ผ่านอย่างไร แต่ว่าถ้าไม่ผ่านอันนี้ต้องยกเลิก ลอตเตอรี่ก็ต้องเลิก เล่นไม่ได้หรอกครับ ผิดกฎหมายกันอย่างนี้ ลอตเตอรี่ที่ออกกัน 40 ล้านฉบับต้องเลิกครับ
ก็ปรากฏว่าเขาทำอย่างนี้เพราะนิสัยคนไทยเราชอบเล่นการพนัน ไม่ทำอะไร นั่งอยู่ รถมาก็ทายท้ารถ ทายเบอร์แบงก์ มันเป็นนิสัย จะทำอย่างไรครับ ไม่ถึงกับชาติล่มจมหรอกครับ แต่เป็นนิสัยอย่างนี้ แทงหวยหน่อย แทงโน่นหน่อย แทงนิด ๆ หน่อย ก็สุดแท้แต่ สรุปแล้วเขาบอกนิสัยพรรค์อย่างนี้กลายเป็นว่า เป็นภาษีที่คนอยากเสีย คือเวลาเขาออกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นถูกกฎหมาย เขาก็บอกปลอบใจคนที่จะเสียสตางค์พวกนี้ว่า เป็นภาษีที่คุณเต็มใจเสีย เอาไปทำอะไร การศึกษาเยาวชน พัฒนาทหารบาดเจ็บ จะใช้อะไรก็สุดแท้แต่ ออกความเห็นไปก็เพื่อประโยชน์อย่างนี้เท่านั้นเองครับ ใครอยากจะทำก็ไปเอารายงานของสภาผู้แทนราษฎรทำ ผมไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ ผมคิดอย่างคนไทยธรรมดา และอย่าให้มากเรื่อง บอกว่าจะทำได้ไหม บอกว่าน่าจะทำได้ เท่านั้นแหละครับ เป็นข่าวกัน จะเป็นจะตาย แบ่งฝ่ายรบกันเองทันที คนนั้นเอา คนนี้ไม่เอา คนนั้นสนับสนุน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ก็ไม่ทราบบ้านเมืองของเรา อะไรก็ไม่ได้ นิดหนึ่งก็ไม่ได้ หน่อยก็ไม่ได้ แต่เวลาด่ากัน ว่ากล่าวกัน ว่ากันโครม ๆ ไม่คิดเลย ผมเชื่อว่าคนรายงานข่าวก็ไม่คิด คนที่มาบอกว่าให้รัฐบาลนี้ระวังอย่าลำพอง อย่าเหลิงอำนาจ อย่าไปแทรกแซงตุลาการ ขอย้ำนะครับ คนที่พูดนั้นคิดหน่อยสิครับ หัวหน้ารัฐบาลนี้และทั้งรัฐบาลไม่มีวันกล้าแทรกแซงตุลาการหรอกครับ แต่ว่าในอดีตนั้น ใครครับที่ทำ ท่านพูดสอนผิดคนแล้วครับ และท่านก็พูดผิดเวลาด้วย เพราะว่าพูดช้าไป 16 เดือน
ตอบจดหมายประชาชน
ต่อไปนี้จะตอบคำถาม วางตรงนี้มากมายก่ายกอง อย่างนี้ต่อเวลาถึงเที่ยงยังตอบไม่หมดเลย ตอบคำถามต้องระมัดระวังนะต่อไปนี้ เพราะว่าพูดผิดเดี๋ยวเกิดเรื่องอีก มานั่งจ้องกันไม่ทำอะไรหรอกครับ ดูสิว่าจะพลาดพลั้งตรงไหน เวลาผมเดินลงบันได ไม่มองคนอื่น มองที่ขั้นบันได ลงให้ถูกขั้นเพราะไม่ต้องการหกล้ม เขาหัวเราะเยาะทั้งบ้านทั้งเมือง ความระมัดระวังอันนี้ ดูท่าทีการเดินอะไร ไม่ได้มองตาคน และต้องระมัดระวัง
คำถาม ขอร้องเรียนอยากให้ท่านพูดถึงเรื่องบาร์ เธค เนื่องจากมีลูกอายุ 16 ปี สามารถเข้าบาร์ได้ 18 ปีเข้าได้ อยากให้รัฐบาลปราบอย่างมากเรื่องยาบ้า
นายกรัฐมนตรี ยาบ้าปราบแน่นอนจะประชุมกัน 2-3 วันนี้ เรื่องเธค เป็นปัญหาสังคมลมโชย วันหลังจะขอพระพะยอมให้ท่านเทศน์เรื่องนี้โดยเฉพาะ
คำถาม ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อประสบปัญหา ไม่มีเงินส่งธนาคารขอให้ช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างนี้เหรอครับ เขาบอกนะครับมีคนอยู่พวกหนึ่งที่เกิดเรื่องตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ปี 2540 ทำมาหากินธุรกิจดี แต่ถูกที่เขาเรียกว่า NPL ในครั้งนั้น แล้วถูกลงโทษลงทัณฑ์ กำลังให้เขาดูอยู่ มีหนังสือร้องทุกข์มา เขาร้องทุกข์มาว่า คือปลดอะไรต่ออะไรได้ ถ้าปลดหนี้พวกนี้ได้นักธุรกิจพวกนี้จะได้ลืมตาอ้าปาก แต่นี่ฟาร์มไก่เลี้ยงประสบปัญหาไม่มีเงินส่งธนาคาร ขอให้ช่วยเหลือ ต้องส่งจดหมายมาหน่อยครับ ว่าทำไม เลี้ยงอย่างไร ไก่กินอย่างเดียวแล้วไม่ไข่หรือไง หรือว่าเลี้ยงไปแล้วผอม ขายแล้วไม่มีเงินส่งเขา ต้องบอกเหตุผลหน่อยครับ เพราะที่เขาเลี้ยงแล้วกำไร ก็มีครับ
คำถาม ให้มี ธ.ก.ส. กับ ออมสินแบบเดิม หวยบนดินมาเร็ว ๆ หน่อย
นายกรัฐมนตรี ธ.ก.ส. กับ ออมสิน ผมรู้แล้ว เขาเอาไปรวมออกทีเดียวกัน ให้สับสน เรื่องนี้เป็นความสับสนก็ดีเหมือนกัน แต่ไม่พอใจอย่างไรช่วยเขียนจดหมายถึงผมหน่อยว่า การออกหวยที่แยกกันเป็นวัน ดีอย่างไร แล้วถ้ารวมกันเสียอย่างไร ถ้าเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนต้องบอกมาด้วยว่าไม่รู้จะให้คนแทงอย่างไหน ยุ่งยากใช่ไหม
คำถาม ปรับโครงสร้างตำรวจแล้วทำไมไม่ปรับโครงสร้างทหารบ้าง ข้าราชการชั้นผู้น้อยของทหารทำไมยศไม่เปลี่ยน ไม่ลื่นไหลเหมือนตำรวจ ทำไมยังไม่ปรับเป็นจ่าเหมือนตำรวจ
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผมเลย ผมต้องไปดูให้เลย ทำไมตำรวจลื่นไหลปรับเป็นจ่าได้ แต่ทหารไม่ปรับ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถามถูกคนเลย เดี๋ยวจะไปดูให้ว่าทำไม
คำถาม เต็นท์ที่ทหารตั้งไว้บริเวณสี่แยกเทเวศร์ในช่วงปฏิวัติทำไม่ไม่รื้อ และมีทหารประจำอยู่
นายกรัฐมนตรี เดี๋ยวออกจากที่นี่จะไปดูเลย เต็นท์ที่ทหารตั้งไว้บริเวณสี่แยกเทเวศร์ มีหรือครับสี่แยกเทเวศร์ มีเชิงสะพานเทเวศร์ ไม่มีครับ ตรงนั้นป้อมตำรวจ ไม่มีทางจะเอาเต็นท์ไปตั้งได้ เดี๋ยวไปดู ไม่มีเหตุผลครับ แล้วบอกว่ามีทหารประจำอยู่ นี่สี่เสาเทเวศร์หรือเปล่า เดี๋ยวผมต้องไปดูก่อน ไปเรียกสี่แยกเทเวศร์
คำถาม ศูนย์ประสานบริการ 1111 ที่มี 4 ช่องทางติดต่อได้ร้องทุกข์ไปแล้ว มีหลักฐานชัดเจน เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการใด ๆ เลย
นายกรัฐมนตรี 1111 ส่งไปตัวจริง แต่ส่งสำเนาถึงนายกรัฐมนตรี ส่งทำเนียบรัฐบาลเดี๋ยวมีคนยักจดหมายไปอีก ส่งที่บ้านผมดีกว่า ถ้ามีความเดือดร้อนจริง ต้องหาที่อยู่ผมได้ ประกาศตรงนี้เดี๋ยวมาเป็นฟ่อนหมดเลย ถ้าจำเป็นไปหาที่อยู่ ส่งที่บ้านผม สำเนานะครับ ตัวจริงส่ง 1111 ผมจัดการให้ จะดูสิ ผมอ่านแล้วผมจะดูว่าใช่ไม่ใช่อย่างไร คือร้องเรียนมาไม่เข้าท่า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันนะครับ
คำถาม อยากให้ช่วยอนุโลมการยื่นบัญชีทรัพย์สินของชาวไทยที่แต่งงานกับต่างด้าว
นายกรัฐมนตรี แต่งงานกับต่างด้าวยื่นทรัพย์สิน ผมไม่เคยทราบเลยว่าแต่งงานกับต่างด้าวต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่งงานกับต่างด้าวเสียสิทธิ์ในการจะซื้อหาพาใจอะไร ไม่ใช่อย่างนั้นหรือครับ เขียนให้ชัดหน่อยนะครับ แต่งงานกับต่างด้าวต้องยื่นทรัพย์สิน ผมไม่เคยทราบเลยเรื่องนี้ ต้องอธิบายความหน่อย
คำถาม คลื่นวิทยุลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมรบกวนคลื่น 92 คลื่น 97 ทำไมรับฟังไม่ได้
นายกรัฐมนตรี อันนี้แน่นอนเลยครับ คลื่น 97 คลื่นของกรมประชาสัมพันธ์ ดี ๆ แท้ ๆ มีคลื่นอะไรไม่รู้ แซงเสียจนกระทั่ง ผมจะฟังนะครับ วันเสาร์ วันอาทิตย์ ก็เปิดฟังคุณอนุรัชนี ได้ประโยชน์ครับ เขาคุยกัน คนโบราณเนี่ย อาจารย์ปรัชญา คุณหมอพูนพิศ เขาคุยกันดี ๆ คลื่น 97 เจอกวนแทรกแซง ปรากฏว่าคลื่นหลักรับไม่ได้ แต่ว่าคลื่นรองแซงเอา ๆ เปิดเพลงบ้าบอ กรมประชาสัมพันธ์อยู่ใกล้ ๆ พอดี ช่วยฝากดูหน่อย ประหลาดจริง ๆ คลื่นหลักไม่แรง แต่คลื่นรองมันแรง ต้องเอาเรื่องกันให้ได้ เขาให้รัศมี 30 กิโลเมตร ไม่รู้อยู่ข้าง ๆ บ้านผมหรือเปล่า แซงจนกระทั่งผมฟังไม่ได้เลย วันอาทิตย์แต่ก่อนนี้เป็นลูกค้าของคลื่นอะไร ซอยละลายทรัพย์
คำถาม ปัจจุบันมีทางลับผ่านจุดผ่านแดนถาวรบริเวณบ้านแหลมผักกาด-โป่งน้ำร้อน เพื่อใช้ขนยาเสพติด
นายกรัฐมนตรี ผมก็ปากไว ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นอย่างนี้ต้องให้พับครึ่ง ผมจะได้ไปแอบอ่านก่อน แล้วผมจะดู อย่างนี้ก็รู้หมดเลยว่าจะทำอย่างไร ผมเอาไปเลย มีมือที่เขากำลังอยากทำงานเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวเอาไป
วันก่อนนี้ไปต่างจังหวัด ไม่น่าเชื่อ เมื่อวานนี้ไปประจวบคีรีขันธ์ ได้รู้กับข้าวราคาประจวบฯ เมืองประจวบ อาหารการกินสมบูรณ์นะครับ ราคาก็ยุติธรรม แต่ว่าร้องทุกข์ แล่นรถใต้ทางรถไฟก็มี ก็ไม่เป็นปัญหา แต่แม่ค้าร้องทุกข์น่าสงสารครับ สรรพากรประจวบฯ เขาบอกเขาขายข้าวต้ม ประเมินเขาเดือนละ 1,000 กว่าบาท ปีหนึ่ง 12,000 บาท เขาบอกว่าแล้วไปทำมาหากินอะไร ขายก็ขายถูก ประเมินปีละ 12,000 บาท แล้วไปทำมาหากินอะไร ขายก็ขายถูก แล้วถ้าหากว่าขายดี มาประเมินเพิ่ม แต่ว่าถ้าขายไม่ได้ ไม่ลดที่ประเมิน สำคัญสุดแม่ค้าบอกทนไม่ได้แล้ว เลิกขายแล้ว เลิกขายวันที่ 15 มกราคม ประกาศเลิกขายแล้ว ก็ยังไม่ยอมเลิกประเมินภาษี ผมว่านี่เป็นเรื่องชอบกล ร้องทุกข์กลางตลาดเลย กำลังจ่ายกับข้าวอยู่ มาร้องทุกข์เลย บอกอย่างนี้รับปาก และสัญญาไว้ด้วยว่าเช้าวันนี้จะบอกเลย สรรพากรจังหวัดประจวบฯ เรื่องประเมินสรรพากรเป็นอย่างนี้ เขาดูคนเยอะก็คิดไว้เยอะ พอเขาขายไม่ได้ ไม่มาลดราคาให้เขา ก็ยังไม่ทราบจะทำอย่างไร แต่ทว่าเขาประกาศเลิกขายเพราะสรรพากรนี่แหละครับ เลิกขาย แล้วยังไม่เลิกเก็บภาษีเขา ข้อมูลดิบ ๆ มาเมื่อวานนี้ ผมก็เอามาให้ดูตรงนี้ กรุณาตอบคำถามหน่อยครับ ตอบคำถามไปที่ทำเนียบรัฐบาลก็ได้ ผมจะได้ส่งไปให้เขาว่าที่เขาร้องทุกข์นั้น ได้ผลอย่างไร ส่วนคนร้องทุกข์ลอดใต้ทางรถไฟ ผมต้องไปดูให้ก่อน ผมรับรู้เรื่องนี้แล้ว
คำถาม ตอนนี้ปิดเทอม เด็กไปอยู่ร้านเกม อยากให้จัดระเบียบ เพราะตีหนึ่งแล้วยังเปิดอยู่ บ้านอยู่ตรงข้ามร้านเกม คลอง 3 คลองหลวง หมู่บ้านพฤกษา 11 เป็นที่มั่วสุม
นายกรัฐมนตรี ผมก็เพิ่งทราบว่าร้านเกมมีเวลาเปิด-ปิดหรือเปล่า คือถ้าไม่มีเวลาก็ต้องควรจะมีเวลาแล้วแบบนี้ แต่ว่าเด็กชอบกลอยู่ถึงตีหนึ่ง มันอะไรกันนักหนา ไม่ทราบได้ เรื่องนี้ขอดูรายละเอียดหน่อย เขาจะสั่งปิดสั่งเปิดอย่างไร
คำถาม มีอาชีพขายเสื้อผ้าแถวตลาดโบ๊เบ๊ช่วงตีสาม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พลับพลาชัย มาเรียกเก็บเงินแม่ค้าตามฟุตบาท 500-1,000 บาทต่อวัน
นายกรัฐมนตรี จ่ายไป 1,000 บาท ขายได้กำไรขนาดนั้นหรือครับ เอาล่ะครับตำรวจพลับพลาชัย ผมจะต้องถามแน่นอน ว่าเกิดอะไรอย่างไรขึ้น คือถ้าไม่มีสิทธิ์ขายจะจับก็จับไปเลย ถ้ามีสิทธิ์ขายแล้วจะไปรีดไถอย่างนี้ น่าเกลียดจริง ๆ เรื่องของท่านขึ้นอยู่ในนี้แล้ว และผมจะต้องติดตามให้ ใบนี้ต้องพับเอาไปหน่อย ใบนี้ต้องไปตามดูแน่นอน มาไถกันวันละ 500 วันละ 1,000 ถ้าไถทุกวันเท่าไรครับ เดือนละ 30,000 บาท ไหวไหมครับ แล้วคนไถไม่รู้สึกหรอกครับว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับคนที่ไปถอดนอตเสาไฟแรงสูง ถอดนอต จับตัวได้ ขายได้ 1,400 แต่เสาไฟล้ม ราคามูลค่าซ่อมตั้งแต่ 7 ล้านถึง 8 ล้านบาท นี่บอกให้รู้เลยนะว่าใครจะประพฤติอย่างนี้ ถ้าหากจะอ้างว่าอดอยากยากแค้นอย่างไร ต้องแจ้งรัฐบาลก่อนครับ ว่าอดอยากจะเป็นจะตายอย่างไร แล้วบอกก่อนเลยว่า ถ้าไม่นั่นผมจะไปถอดนอตเสาไฟ ให้รู้หน่อย เขาจะได้หาทางช่วยแก้ไขบรรเทาให้ นี่อ้างอดอยากแล้วถอดนอต ดูสิครับขายได้ 1,400 ปรากฏว่าต้องซ่อม 7-8 ล้าน
บ้านเมืองเราเป็นอะไรครับ ขอบอกเลยนะครับ ใครจะอดอยากอย่างไร ส่งจดหมายมาบอกหน่วยงานที่เขาเกี่ยวข้องหน่อย ส่งมา 1111 ฟังแล้วน่าอเนจอนาถ ถอดนอตสะพานธรรมดายังไม่เป็นไร นี่เสาไฟแรงสูง เขายกป้ายหมดเวลาแล้วครับ อาทิตย์หน้ายังมีครับ ใครที่ฝากรายการมาหลายอัน ผมก็ทำหน้าที่ของผมครับ
แล้วข้อสำคัญที่สุดวันนี้ถ้าพูดจาอย่างไร ขอยืนยันนะครับ ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด และท่านทั้งหลายทั่วประเทศต้องรู้ว่าผมพูดความจริง ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีวันรุกล้ำสถาบันศาล ผมกลัวศาลด้วย แต่มีคนอื่นที่เขาไม่ได้คิดแบบผม ขอย้ำว่าคนที่เตือนคิดหรือเปล่าว่าเตือนผิดคน และคิดหรือเปล่าว่าเตือนช้าไป 16 เดือน สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รายการ “สนทนาประสาสมัคร”
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11
และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์
วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2551 เวลา 08.30-09.30 น.
------------------------------------------
ผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา
สวัสดีครับ ผมไปเยือนต่างประเทศไม่พูดเลยเดี๋ยวเขาจะว่าไม่ให้ความสำคัญ แต่ความจริงพูดไปแล้วก็เหมือนกันทุกครั้งที่ไปครับ คราวนี้ไปราชอาณาจักรกัมพูชา รายการที่ไปส่วนมากเขาจะให้ไปวันเดียว มาจากไทยเลี้ยงกลางวันก็ไปเช้า-เย็นกลับ ถ้าเลี้ยงกลางคืนก็ต้องรุ่งขึ้นกลับ เท่านั้นครับไม่ได้เสียเวลามากนัก นอกจากทางใต้ลงไปมาเลียเซีย สิงคโปร์จะไปติดต่อกัน พม่าไปวันเดียวกลับ เรียกให้ถูกก็เมียนมาร์ครับ ทีนี้พอไปแล้วก็เล่าให้ฟังนิดหนึ่งว่าเราต้องทำขนาดไหนอย่างไร เพื่อประโยชน์ ท่านจะได้รู้ว่าเวลาคนไปทำงานเขาเรียกว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการ และขอย้ำบรรดาสื่อสารมวลชนทั้งหลายว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการ ไปแนะนำตัวเป็นธรรมเนียมเท่านั้นเอง ไปเที่ยวพาดหัว ผมเจอพาดหัว เดี๋ยวจะบอกว่าว่าผมว่าอย่างไร คือว่าไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการวิธีการคือว่าลงจากเครื่องบิน เดี๋ยวนี้กัมพูชาเขาทำดีครับ ลงจากเครื่องบินปูพรม เป็นช่องเลย ตรวจพลสวนสนาม ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ 3 กอง มาถึงเราก็คำนับธงเขาแล้วเดินตรวจเสร็จเรียบร้อย ที่กัมพูชาแปลกหน่อยคือว่ามีประชาชนเยอะ ผู้หญิงผู้ชายแต่งตัวเรียบร้อย นุ่งผ้าซิ่น ผู้หญิงข้างผู้ชายข้าง ถือดอกไม้สีสดสวย ดอกไม้ประดิษฐ์ ก็รับ เสร็จแล้วเป็นแถวนักเรียน ดูแล้วประทับใจเพราะว่าธรรมดาปกติไม่มีใครมารับก็ไม่เป็นไร ถูกไหมครับ เพราะว่าอยู่ในสถานที่ หรือไปรับกันที่หน้าสภาก็เป็นแบบหนึ่งที่ไม่ต้องมีใครมา แต่ว่าลงจากเครื่องบินรับเลย มีคนเยอะหน่อย ข้อสังเกตคือได้แลเห็นสีหน้าสีตาของผู้คนในบ้านเมืองนั้น นี่เป็นของสำคัญซึ่งคนจะเอามาเรียงหน้าให้เราเห็นได้อย่างไร นอกจากเราไปหาเขา มายืนเข้าแถว ต้องบอกเลยครับว่า ตอนสงครามเลิกเราคิดว่าน่าเป็นห่วงผู้คนในบ้านเมืองนี้ ปรากฏว่าหน้าตาสดใส เรียบร้อยทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ แสดงความเห็นให้ฟังนิดหนึ่งครับว่า เขาเปลี่ยนแปลงเร็วที่บ้านเมืองนี้เปลี่ยนแปลงมาก เปลี่ยนแปลงเร็ว ประชากร 14 ล้านคนเวลานี้
เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี
เมื่อดูแล้วอะไรต่าง ๆ เห็นได้ว่าถนนหนทางใหญ่โตกว้างขวางขึ้นกว่าที่เคยไป ผมไปเมืองกัมพูชาเมื่อ 50 ปีที่แล้วครับ เสร็จแล้วได้ไปคราวนี้ เดินทางไปออกจากสนามบินเสร็จก็ต้องไปที่วางพวงมาลาสำหรับอนุสรณ์ทหารนิรนามของเขา เสร็จจากนั้นได้พัก 15 นาทีแล้วกลับโรงแรมมีขบวนมารับ บางขบวนไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร บอกว่าให้เกียรติยศ เราก็ต้องด้วยเกียรติยศเขา มอเตอร์ไซค์ 2 ข้าง ก็ไปเฝ้าพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ก็ 50 ปีก่อนเคยไปยืนอยู่ที่หน้าพระราชวัง แล้วบัดนี้ได้เป็นคนเดินเข้าไปมีกองทหารต้อนรับ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับใกล้พระทวารเลย ทรงรับใกล้พระทวาร และทรงเดินนำไปด้วย ก็ได้เฝ้าอยู่ 40 นาที ใช้ภาษาไทยกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ คนแปลก็แปล ถึงได้รู้ว่าไทยกับกัมพูชาใกล้เคียงกัน ของเขาเก็บภาษาโบราณไว้เยอะ เราฟังออกเลยครับ
เรียกร้องธนาคารไทยในกัมพูชาเอื้อเฟื้อการลงทุนให้คนไทยในกัมพูชา
พอเสร็จเรียบร้อยก็ออกมา ทางสถานทูตเลี้ยงข้าวกลางวัน สถานทูตเขาปรับปรุงใหม่ เขาทำเรียบร้อย ใหญ่มาก 11 ไร่กว่า ข้างหน้าเป็นงานบริการ มีห้องประชุมมีอะไรต่าง ๆ แล้วข้างหลังเป็นสถานทูต เวลามีงานเลี้ยงอะไรไม่ต้องไปโรงแรม ของเราใช้ได้เองเลย เป็นสถานที่ที่เขาบอกว่าเป็นตัวอย่างของสถานทูตทั่วโลกเขาจะทำแบบนี้ ถัดไป ยังกินข้าวไม่ทันหมดเพราะกินไปคุยไป มาตามแล้ว บอกว่าคณะทีมไทยแลนด์พร้อมแล้ว ต้องขึ้นไปบนตึกเดินขึ้นไปคุยกับทีมไทยแลนด์ ทีมไทยแลนด์คือคนที่ดูแลงานทั้งหมด สมัยนี้ทีมไทยแลนด์ใกล้บ้านก็จะมีนักธุรกิจเข้ามาร่วมคุยด้วย ทำอะไรอย่างไร ที่เป็นข่าวมานั่นละครับ เขาบอกว่าเขาอยากได้ เอ็ม เค สุกี้ เอ็ม เค ก็ไม่สนใจจะไป คงคิดว่าบ้านเมืองเขาอย่างไรไม่น่าไป ไปได้ถึงโตเกียวไปได้ อยู่กัมพูชาข้างบ้าน ผมบอกว่าผมจะรับมาบอกความให้
ถัดมาก็ลงมาพบชุมชนชาวไทย คนก็บ่นอย่างโน้นอย่างนี้ ผมก็บ่นไปให้แล้ว บ่นต่อไปแล้ว คือธนาคารไทยไม่เอื้อเฟื้อคนไทยที่ไปลงทุนที่นั่น จะทำอะไรอย่างไรต้องกู้เงินจากทางนี้ การค้ำประกันเป็นอย่างนี้ เงินค้ำประกันที่ดินอยู่ทางนี้ ไม่น่าเชื่อ ที่ต้องเอามานินทากันคือว่าธนาคารต่างประเทศเขามาลงทุน จีนลงทุนที่หนึ่ง เกาหลีลงทุนที่สอง มีธนาคารประกบมาเลย ช่วยดูแลหมดเลยทำอะไรต่าง ๆ ธนาคารไทยเปิดกันหราเลย แต่ว่าไม่เอื้อเฟื้อคนไทยลงทุน ต้องบอกันตรง ๆ ที่น่าเจ็บใจคือเขาบอกขอออกหนังสือค้ำประกันหน่อย บอกให้เอาเงิน 110 เปอร์เซ็นต์ไปวาง แล้วจะค้ำประกันให้ 100 เปอร์เซ็นต์ ฟังแล้วบอกหมดท่าเลย หมดท่าจริง ๆ ครับความคิดอ่านของคนทำงานธนาคาร ผมบอกทุกธนาคารเลย ลองไปดูสิสาขาคุณเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ทำไมถึงร้ายกาจกันอย่างนี้ละครับ ทำไมไม่ส่งเสริมคนไทยด้วยกัน การค้ำประกัน คนไปทำธุรกิจไม่มีเครดิตอะไรเลย เอาเงิน 110 ไปวาง แล้วค้ำประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ยังยักไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ ค่าอะไรก็ไม่ทราบได้ ประหลาดจริง ๆ
เข้าเยี่ยมคารวะประธานวุฒิสภา ประธานสภาฯ นายกรัฐมนตรี กัมพูชา
เสร็จเรียบร้อยก็คุย พอกินข้าวเสร็จหมดเวลา ต้องไปเยี่ยมเยี่ยมคำนับท่านสมเด็จฯเจีย ซิม ประธานวุฒิสภา ชื่อท่านยาวข้างหน้า ก็บอกว่าใช้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ยังใช้อยู่ พอเสร็จแล้วไปเยี่ยมท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ท่านสมเด็จฯ เฮง สัมริน สองท่านนี้อาวุโสทั้งคู่ ท่านหนึ่ง 76 ปี ท่านหนึ่ง 74 ปี คุยกันล่ามก็แปลดีครับ ถูกอัธยาศัย ลุกขึ้นมาเสร็จท่านสมเด็จฯเจีย ซิม ก็มากอดผม ผมก็ตกใจ ว่าท่านก็แสดงไมตรี เพราะว่าพูดจาแสดงให้เห็นว่าเรารู้จักชื่อเสียงของท่าน ตั้งแต่สมัยสงครามต่อสู้กันมาจนกระทั่งบัดนี้บ้านเมืองเขาเข้าที่มั่นคงแข็งแรง ทุกสถาบัน ตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ของเขา การสถาปนาขึ้นมาเรียบร้อย มั่นคง และวุฒิสภา รัฐสภา คุยกันเสร็จเรียบร้อย คุยกับท่านสนทนา ไปมาตรฐานก็ต้องการไปพบกับนายกรัฐมนตรี คุยกัน 1 ชั่วโมงแต่ว่ายืดเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่านนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ชื่อเต็ม ๆ ของท่านคือ อัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน คุยกันดี อัธยาศัยท่านดี ท่านพูดจาดี ท่านก็ต่อสู้มาเหมือนกัน ต่อสู้กันมาเหมือนกัน สุดท้ายก็มา เชื่อไหมครับเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 27 ปี แล้วท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 23 ปีครับ ดูแลบ้านเมืองนี้มาตลอด คุยเรื่องอะไรกันต่าง ๆ ผมก็เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าเราก็ช่วยเขาพอสมควร แต่ในขณะเดียวกันผมต้องบอกไปด้วยว่าการที่เราช่วยเขานี้ เขาก็เท่ากับช่วยเรา
การลงทุนพัฒนาเส้นทางคมนาคมท่องเที่ยวระหว่างไทย — กัมพูชา
ส่วนที่ไปช่วยคือทำถนนสี่สาย ให้เงินกู้เท่านั้นเงินกู้เท่านี้ดอกเบี้ยผ่อนปรน สุดท้ายเราให้เงินกู้ 1,400 ล้าน ดอกเบี้ยผ่อนปรน ทำทางจากช่องจอมลงไป ผลประโยชน์เราพูดกันในที่ประชุมเลย บอกเป็นประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย เราช่วยกัมพูชาก็เท่ากับช่วยไทยด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องทางการทูตนะ พูดอย่างจริงใจเลย เพราะนักท่องเที่ยว หัวใจของการท่องเที่ยวอยู่ที่นครวัด นครธม ที่เขาทำอยู่เดิมเขาต้องทำให้คนไปลงที่เมืองหลวงพนมเปญ แล้วบินไป บัดนี้เจรจากับเกาหลีถูกใจกันอย่างไรไม่ทราบ เกาหลีบินจากโซล เข้าไปเลยครับ เข้าไปที่เสียมเรียบได้เลย ของเราการบินไทยยังไม่เลือก ก็ให้ทางนั้นไปก่อน บางกอกแอร์เวย์บินเข้าไปที่นั่น ทีนี้นักท่องเที่ยวยิ่งมาเครื่องบินจำนวนมันนับถ้วน เราอยากจะได้ที่ว่า ความคิดแบบผม หน้าหนาว ๆ ยุโรปหนาว ๆ อเมริกา เปิดบินชาร์เตอร์ไฟลท์มาลงที่อู่ตะเภา อย่างนี้พอมาถึงลงวันหนึ่ง เที่ยวกรุงเทพฯ 1 วัน อยู่พัทยา 1 วัน แล้วไปกัมพูชาที่นครวัด นครธม 1 วัน ตรงนั้นถนนของเราดี จากพัทยาออกไปชายแดน 2 ชั่วโมง ที่ต้องพูดกันนี้คือว่าชายแดนไทยทางเสียมเรียบ คือชายแดนไปศรีโสภณ 46 กิโลเมตร ศรีโสภณไปเสียมเรียบ 115 กิโลเมตร ทาง 160 กว่ากิโลเมตร วิ่งกระโดกกระเดกก็ 4 — 5 ชั่วโมงครับ ไหวไหม แล้วต้องการวิ่ง 2 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นการลงทุนเรื่องถนนหนทางของเราจะช่วยให้นักท่องเที่ยวของเรา ถ้าตกลงกันได้ ที่เจรจานั้นเราขอเขา เขาขอเราบ้าง เราก็จะขอเขาว่ารถบัสของเราไม่ต้องเปลี่ยนคัน เอารถบัสเข้าไปเลย ถึงโน่นเลย ออกจากพัทยา 6 โมงเช้า 8 โมงถึงอรัญประเทศ เข้าไปอีก 2 ชั่วโมงถึงนครธม ดูนครธมก่อน 2 ชั่วโมง กินข้าวกลางวัน 1 ชั่วโมง เดินดูนครวัดอีก 3 ชั่วโมง แบบดูจำกัดนะครับ ก็ได้ทั้งนครวัด นครธม 4 โมงเย็นขึ้นรถกลับ 6 โมงเย็นถึงชายแดนเรา 2 ทุ่มถึงพัทยากินข้าว อย่างนี้ มา 1 วันมาเที่ยวกรุงเทพฯ เมืองหลวง มาอีกวันหนึ่งไปกัมพูชากลับมาแล้วอยู่ที่พัทยาดู scuba ดำน้ำ ดำผุด อย่างนี้ก็ดีไหมครับ ยุโรปหนาวตั้ง 5 - 6 เดือน มาเมืองไทยก็สบายมาอย่างนี้ โปรแกรมอย่างนี้ ได้เที่ยวทั้งนครหลวงของเรา ได้เที่ยวทั้งเมืองที่ตากอากาศ และได้ไปสิ่งสำคัญ 1 ใน 7 ของโลก
50 ปีก่อนหนังสือก็พิมพ์ออกมามากมาย ตลอดครึ่งศตวรรษหนังสือเกี่ยวกับนครวัด นครธม ออกไปทั่วโลก คนทั่วโลกอยากมาดู คนไทยก็อยากดู สถิติคนไทยไปปีละ 20,000 — 30,000 คน ปีละ 20,000 — 30,000 คน เท่านั้นละครับ แต่นักท่องเที่ยวมาปีละ 2 ล้านคน และจะมากขึ้นต่อไปอีก เห็นไหมครับ เราช่วยเขา เขาช่วยเรา ไม่ได้ดัดจริตครับ สำนวนที่จะต้องลงท้ายคือว่า ไปประชุมที่ลาว ความมั่นคงของลาวคือความมั่นคงของไทย ฉะนั้นก็ต้องพูดว่าความมั่นคงของกัมพูชาคือความมั่นคงของไทย เพราะอะไรครับ เราไปเพาะไปปลูก ไปทำปาล์มน้ำมัน ทางนี้ก็นักธุรกิจใหญ่มหึมา จะไปทำ เอาที่เท่าไร 100,000 เฮกตาร์ เฮกตาร์คือ 100 เมตร คูณ 100 เมตร คือ 1 เฮกตาร์ 100,000 เฮกตาร์จะปลูกอ้อย ปลูกอ้อยทำโรงน้ำตาล แต่ก่อนนี้ปลูกปาล์มน้ำมัน ที่จะมาทำไบโอดีเซลต่าง ๆ และไปลงทุนกันมากมายก่ายกองที่นั่น ฉะนั้นก็บอกให้ฟังได้ว่า เมืองเขาถูกต้อง สงครามเขาเลิก เขาเพิ่งยุติ แต่ว่าเขากอบกู้บ้านเมืองของเขา ต้องพูดได้ว่ามั่นคง
ชื่นชมความละเมียดละไมในนาฏศิลป์ของกัมพูชา
ผมไปกัมพูชาเมื่อ 50 ปีก่อน แล้วเคยไปประชุมเมื่อ 5 ปีก่อน ไปประชุมแล้วก็กลับ คราวนี้ได้อยู่ได้ตะเวนดูนั่งรถชม ได้แลเห็น ไปตลาดเช้า ๆ ประชุมเสร็จเย็นกลับมาเดี๋ยวเดียวต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ก็กินข้าว อยากจะบอกนิดหนึ่งครับว่าถ้าใครได้สัมผัสนาฏศิลป์ของกัมพูชาแล้ว ต้องดูไม่ออกว่ากัมพูชาหรือว่าไทยกันแน่ ละเอียดลออเรียบร้อย ของเราเอาไปรำ รำอัปสรรำเอาของเขามา เขาแบบไทยแท้เลย พูดอย่างนี้ละกัน ใครลอกใครก็ แต่ของเราไปตอนรัชกาลที่ 3 เขาเก็บของเขาไว้ได้ละเมียดละไมเรียบร้อยเลย แล้วเวลาสุดท้ายเล่นตีเถิดเทิง จังหวะจะโคนที่ตีเหมือนกันอย่างกับ คือดูแล้วมีความหมายในการมาแสดงให้ดูเพราะว่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นสองประเทศนี้ความเหมือนกัน ภาษาก็มีพื้นฐานคล้ายคลึงกัน และศิลปวัฒนธรรม สำคัญที่สุดคือว่า ไมตรีจิตที่คนสองประเทศมีต่อกันนั้นผมแน่ใจว่าระดับรัฐบาลกับรัฐบาล แน่นอนไม่มีปัญหา หน้าที่ของผม ไปแนะนำตัวก็ต้องบอกให้ฟัง แล้วมาเล่าให้ท่านเจ้าของประเทศฟัง ต่อไปจะไปเมียนมาร์ และจะไปมาเลเซีย สิงคโปร์ พูดกับนักข่าวเขาบอกว่าเหลืออีก 7 จะต้องเดินทาง เป็นหน้าที่
เลขาธิการราชบัณฑิตยสถานเข้าเยี่ยมคารวะ
อาทิตย์ที่แล้วมีคณะมาเยี่ยม เขาบอกราชบัณฑิตยสถานจะมาพบ 13.30 น. เราก็ดีใจจะได้พบราชบัณฑิต เข้าใจผิดครับ เจ้าหน้าที่ราชบัณฑิตยสถานมากัน 10 คน ท่านสุภาพสตรีเป็นหัวหน้า เป็นเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน (นางจินตนา พันธุฟัก) ก็เลยได้นั่งฟัง ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังครับ ใครอยากจะเป็นราชบัณฑิต ท่านต้องไปเป็นสมาชิกก่อน แล้วเขาจะพิจารณา ถามว่าราชบัณฑิตเป็นอย่างไร ต้องเขียนหนังสือ ผมก็ดีใจ เขียนหนังสือขนาดไหน ต้องเขียนหนังสือทางวิชาการ กี่เล่มไม่ทราบหรอกครับ แต่ต้องเป็นหนังสือวิชาการ ผมบอกว่าผมหมดสิทธิเป็นราชบัณฑิต ผมเขียนหนังสือมาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เขียนมา 51 ปี บทความนับชิ้นไม่ถ้วน วิพากษ์วิจารณ์การบ้านการเมือง มากมายก่ายกอง ปรากฏว่าไม่มีทางเป็นราชบัณฑิตเพราะว่าไม่เข้าเกณฑ์ ต้องจำไว้ครับ คนเขียนบทความทั้งหลาย วิพากษ์วิจารณ์อะไรให้เขียนดีอย่างไรก็ตามแต่ ราชบัณฑิตจะต้องมีผลงานซึ่งเขียนเป็นหนังสือวิชาการ แล้วผู้คนใช้วิชาการ เอาที่เข้าใจ ราชบัณฑิตมี 86 ท่าน เสียชีวิตไป 1 ท่าน ยังไม่ได้แต่งตั้งอีก 1 ท่าน มี 85 แต่ว่าวันนั้นนึกว่าจะได้พบราชบัณฑิต ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ราชบัณฑิตยสถานแวะมาเยี่ยม ก็คุยกันเรื่องหนังสือหน่อย ผมลืมสนิท หนังสือพจนานุกรมครับ เล่มใหญ่มหึมาเลย พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานที่อ้างกันเสมอ พ.ศ. 2525 พ.ศ. 2542 คราวนี้ออกเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา เล่มเบ้อเริ่มเลยครับ ใหญ่ อย่าลืมนะครับพิมพ์เรื่องอย่างนี้เขาจะต้องมีล็อก 12 ปี คือเขาพิมพ์ตามโอกาสสำคัญ ที่ชำระกันไปแล้วพิมพ์ออกมาที ต่อไปนี้จะต้องอ้างพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน 2550 ปีเดียวกับรัฐธรรมนูญนี่ละครับ เล่มใหญ่มากเลย ผมชอบ ไม่มีอะไรทำนั่งอ่านหนังสือ สนุกครับ แต่ละคำ ๆ
ได้คุยกับท่านเลขาธิการฯ ก็คุยกันเรื่องรายการ ท่านถามว่าผมดูหรือเปล่า บอกว่าดูแล้ววิจารณ์แล้ว และเอาไปใช้ด้วย 07.18 น. — 07.20 น. ทุกวัน ต้องบอกว่าคำอะไรต่าง ๆ เมื่อเช้านี้ หยก ๆ มานี่ “ถึงพริกถึงขิง” ก็มีตัวอย่างให้ดูว่าอะไรเป็นอะไร ผมบอกให้ท่านดู บอกว่า คำที่เฝ้ารอดูยังไม่ออกมาคือ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ทำไม ต้องการคำอธิบาย ก็คุยกันสนุกครับ คุยกันไปยาวหน่อย คุยกันแบบชนิดว่าผมบอกท่านเลขาธิการราชบัณฑิตยสถานว่า ผมเป็นตัวแทนของนกแก้วนกขุนทอง เพราะว่าก็ท่องได้ครับ ท่องมาตั้งแต่อายุยังไม่ 10 ขวบ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสหัสนัยน์ตรัยตรึงศา ทิพยอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา... เล่าให้ฟังเลย จะเอาเท่าไหนบอกมาสิ นี่ตัวแทนนกแก้วนกขุนทอง ที่ต้องพูดเพราะอะไรรู้ไหมครับ นักวิชาการสมัยใหม่ เขาว่านักเรียนไทยสมัยเก่าท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ไม่มีความเจริญก้าวหน้า ไม่รู้เรียนกันแบบไหน
อธิบายวิธีการผสมคำของภาษาไทย
ผมเลยปาฐกถาเรื่องภาษาไทยให้ท่านเลขาธิการราชบัณฑิตยสถานฟัง อธิบายเลยว่าผมมีหน้าที่จะต้องอธิบายให้ชาวต่างชาติ ให้ใครที่จะเรียนภาษาไทยเขาได้รู้ว่าของเราเริ่มต้นที่อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์ มีอักษร 44 มีสระเท่าไร และมาใช้กันอย่างไร ผสมกันอย่างไร อักขรวิธี กอ - อะ - กะ / กอ — อา - กา / กอ — อิ - กิ / กอ- อี - กี อย่างนี้ วจีวิภาค ภาษาฝรั่งเรียกว่า phrase เป็นท่อน ๆ เขาเรียกว่าคนโบราณรู้ประมาณการกุศล เจริญมงคล ณ ตำบลต้นตาลหมู่ ควรเรียนรู้เป็นสำคัญเกิดปัญญา อันนี้แบบเรียนเร็ว เล่ม 1 — 2 — 3 พอเสร็จแล้วเขาก็ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ เอามาเรียงเป็นประโยค ประโยคสมัยตอนเรียนประถม 1 แบบเรียนเร็วเล่มหนึ่งตอนต้น ตอนกลาง ตอนปลาย มาถึงว่า อักขรวิธีคืออักษรและผสม ต่อไปเป็นประโยค เขาเรียกว่า วลี 3 คำ 4 คำ ฝรั่งเรียก phrase เป็นคำเป็นท่อน ๆ สุดท้ายก็วากยสัมพันธ์ เอาท่อน ๆ มาต่อกัน ก็ป้ากับปู่ ป้ากับปู่กู้อีจู้ ป้าดูปู่กู้อีจู้ ป้าจ๋า ตาอี่ ตีกระบี่ดี ตาอู๋ ตาอู๋ดูตา ตาอี่ นี่ละครับเลยคุยกันแล้วก็นินทากระทรวงศึกษาธิการนิดหน่อย คัดไทยอีกอันไหม เขียนไทยตัวเป็นถั่วงอก ไม่คัดไทย เขียนไทยเป็นอย่างไร เขาบอกเรียงความก็ไม่เรียง ย่อความก็ย่อไม่เป็น ตกลงภาษาไทยเราก็แย่
ผมก็เลยคุยกัน คุยกันสนุกครับ คุยกันยาวเลยเรียบร้อยเลย ผมบอกว่าภาษาไทยของเรา 800 ปี เกือบ ๆ 800 ปี ภาษาจีน 4,000 ปี ผมบอก 800 ปีกับ 4,000 ปีลองมาเทียบสิ เอาคนไทยคนหนึ่ง เอาคนจีนคนหนึ่งให้มานั่งเขียน เขียนว่า คึกฤทธิ์ ให้จีนอีกคนมาอ่าน อ่านว่า ขื่อหลี ให้เขียนคึกฤทธิ์อ่านได้ว่าขื่อหลี บอกว่าให้เขียนสมัครสิ อีกคนมาอ่านบอก สะมา ได้ขนาดนี้ นั่น 4,000 นะ ของเรา 700 — 800 ปี เราเขียนได้มีหมด ภาษาไทยของเรามีเสียงสูง เสียงกลาง เสียงต่ำ มี 24 มี 11 มี 9 เสร็จแล้วยังมีวรรณยุกต์อีก มีไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี ไม้จัตวา ยังแถมไม้ไต่คู้อีก มี 5 เสียงกำกับ เพราะฉะนั้นบอกคนไทย บอกไหนคุณเขียนสิ มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ คนนี้เขียน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ อีกคนมาอ่านสิ มาร์กาเร็ต แธ็ชเชอร์ คนเขียนยังถามเลย มาร์กาเร็ตจะเอา ท ทหาร หรือเอา ธ ธง เชอร์ จะเอา ฌ กะเฌอ ไหม ให้เก๋ไปอีกหน่อย เห็นไหมครับ ก็บอกเลย เขียน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ อีกคนมาอ่าน มาร์กาเร็ต แท็ชเชอร์ เขียน สมัคร ก็มาอ่านสมัคร อย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ว่าคุยกับเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน ก็เก็บเอามาเล่าให้ฟังไว้เท่านั้นครับ จะได้รู้ด้วย เพราะว่าท่านที่ฟังบอกว่า มีอะไรไปฟังอะไรมา เล่าให้ฟังหน่อย วันนี้ถ้าเล่าให้ฟังที่คุยกับเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน รายการจบเลย คุยกันเรื่องนี้เพราะว่าสนุก ชอบภาษาไทยด้วยกันทั้งคู่
เกิดวงจรสะดุดทำให้มีปัญหาหมูราคาแพง
ถัดไปเรื่องหมู ๆ ที่ไม่หมู ต้องทำความเข้าใจหน่อยนะครับ ท่านรองนายกฯ (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ท่านก็พยายามทำ ทำแล้วทำอีกอะไรต่าง ๆ ผมอธิบายให้ฟังครับ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มันเกิดแพงขึ้นมาเฉย ๆ คำอธิบายเขาบอกว่ามันเกิดที่เขาเรียกกันว่าวงจรสะดุด คือจะต้องสะดุด 2 — 3 เดือน ต้องสะดุด พอสะดุดปั๊บก็เข้าหลักอุปสงค์อุปทาน หลัก supply - demand จะมีของออกมาน้อย พอมาน้อยก็ขึ้นราคา อย่างนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริง อธิบายความให้ฟังว่าเกิดตรงนี้ เขาขอเวลา 2 — 3 เดือน คุณมิ่งขวัญฯ ก็เก่ง ไปเจรจาความ คนเลี้ยงหมูจนกระทั่งถึงสุดท้าย เอาหมูมาชำแหละ เขาขายกิโลกรัมละ 58 บาท ตรงนี้ถ้าเราไปแตะต้อง ปั่นป่วนหมด ไม่ได้เลยครับ คนจะให้ไปแตะต้องตรงนี้ จะไปดูอาหารสัตว์อะไรตรงนี้ คุณมิ่งขวัญฯ บอกว่า จากตรงนี้ไปถึงตลอดจนถึงผู้บริโภค มี 2 ล็อก ล็อกจากคนเลี้ยงไปถึงซากหมู และจากซากหมูไปถึงผู้บริโภค เขาไปดูตรงนี้ครับ ว่าใครเอาอะไรมากกันเกินไป ตรงนี้ไม่กระทบกระเทือน ได้มากได้น้อยไม่กระทบกระเทือน จึงเจรจากับคนที่ขายเป็นหลัก ๆ แต่ก่อนนี้ก็ธงฟ้า เดี๋ยวนี้มาอีก 4 ธง มีพวกคาร์ฟูร์ โลตัส บิ๊กซี เขามีมาช่วย เขาบอกเอาละเขาจะจัดการ คือพูดง่าย ๆ ว่าตัดรอนเรื่องค่า marketing ทั้งหลายออกไป แทนที่จะขาย 120 เขาจะขาย 98 ความจริง 100 ก็ไม่น่าเกลียด เดิมก็ขายกันอยู่ 100 นี่คุณมิ่งขวัญฯ อยากเอาราคาบาจา ที่จริง 99 ก็ยังดีราคาบาจา ก็ราคาไม่ถึง 100 เลข 2 ตัว
อธิบายความให้ฟัง แล้วก็บอกเลยว่า คนพวกหนึ่ง นี่หมายถึงว่ารัฐบาลนี้ไม่บังคับใครนะ ช่วยไหม เขาจะช่วย พวกหนึ่งช่วยอีกพวกหนึ่งไม่ช่วย ไม่ว่า แต่ผมก็บอกเลย บอกไม่เป็นไร ผมก็ออกความเห็นไปว่าทำไมถ้าหมูมันแพง เนื้อไก่กับเนื้อหมู เนื้อล้วน ๆ ครับ เอาเนื้อกับเนื้อมาด้วยกันเลย เนื้อไก่ล้วน ๆ 65 บาท เนื้อหมูล้วน ๆ 120 ถามว่าหมูแพงกินไก่ได้ไหม นายเทวดาไทออกมาเลย หาว่าผมเป็นศรีธนญชัย จะเอากำปั้นทุบดิน ไม่ใช่ครับ ผมจะถามสิว่าถ้าเป็นรัฐบาลพรรคคุณเป็นคนบริหารอยู่เวลานี้คุณเอาอย่างไร แนะนำมาสิ ลองบอกมาสิทำอย่างไร ใครมาก็ต้องอย่างนี้ พูดความจริงว่าเขาบอกว่ามันเกิดอาการวงจรสะดุด 2 — 3 เดือนหมูจะขาดตลาด เท่านั้นปั๊บ ที่ออกมาน้อยก็ขายแพง เราก็บอกว่าถ้ามันแพง คือถ้าในโลกมีแต่หมูอย่างเดียว แล้วผมไม่ให้กิน ไอ้บ้าอะไรที่ไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้ค่อยมาว่ากัน นี่เนื้อไก่ดี ๆ ผมถามนักข่าว ผัดกะเพรา หมูผัดกะเพรากับไก่ผัดกะเพราชอบอย่างไหน ส่วนใหญ่ก็ชอบไก่ แล้วอย่างไร แล้วหมูมันแพงกินไก่สักพักไม่ได้หรือ ผมบอกพวกที่เขาไม่ร่วมมือ บอกไม่เป็นไร วันไหนที่ผู้คนเขาพร้อมใจกัน คุณจะเอา 120 ผมไม่กินหรอก เหลือไปใส่ตู้เย็นไว้เลย เท่าไรก็ขายไม่ได้ ไม่กิน ถ้าไม่ขาย 100 ไม่กิน เพราะเขาพิสูจน์แล้วว่าทอนเอากำไรกันน้อยหน่อย นี่พอรู้ว่าน้อย เอาเปรียบ แต่ของพรรค์นี้มีมาตั้งแต่สร้างโลกแล้วครับ
เมื่อก่อนนี้ ก่อนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เขาจะทำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่ก่อนนี้ เห็ด ออกตามฤดูกาล เวลาเห็ดถูก ๆ กิโลกรัมละ 30 บาท เห็ดไม่มี กิโลกรัมละ 300 บาท อย่างนี้ก็จะกินเห็ด แล้วก็บอกเห็ดแพง ได้อย่างไรครับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีคำนี้แล้ว เพราะระบบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชื่ออาจารย์ท่านนี้ คนนี้ต้องได้เหรียญเลย ต้องได้อะไรของบ้านเมืองเลย เพราะทำเรื่องเห็ด ชมรมเห็ด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมเฝ้าตามเรื่องเห็ดตั้งแต่เด็กจนโต ก็ยังดูเรื่องเห็ด เดี๋ยวนี้ระบบเห็ดเมืองไทยทันสมัย แม้กระทั่งเห็ดหอม ซึ่งแต่ก่อนต้องรอเมืองจีน ต้องกินแต่เห็ดหอมแห้ง ๆ เดี๋ยวนี้เมืองไทยกินเห็ดหอมสด เห็ดโคนซึ่งเป็นเห็ดฤดูกาล ต้องเอาจอมปลวก เดี๋ยวนี้ปลูกเห็ดโคนได้ เห็ดโคนหลวง ทำกันได้หมด แล้วเห็ดอย่างไรครับ ราคามาตรฐาน เวลาธรรมดา 60 บาทต่อกิโลกรัมตลาดบางกะปิ ครึ่งกิโล 30 บาท ทั้งปีเป็นอย่างนี้มีกินตลอดหมดทุกอย่าง ดอกโต ดอกเล็ก สุดจะเลือกเอา นี่ระบบเห็ดของเมืองไทย เข้าที่เข้าทางไม่มีใครสู้ก็แล้วกันครับ เห็ดนางรม เห็ดอะไรต่าง ๆ ยังสู้กันเรื่องโปรตีน เห็ดฟางกิโลกรัมละ 60 บาท มีโปรตีน 3.6 เห็ดนางฟ้า คนรังเกียจมาใหม่ เอาโคนไปกินแล้วตัดโคนทิ้ง เห็ดนางฟ้ากิโลกรัมละ 20 บาท ถูกกว่ากันนะครับ เห็ดนางฟ้า 20 บาท เห็ดฟาง 60 บาท ก็เลือกกินได้ไหม ปรากฏว่าเห็ดนางฟ้ามีโปรตีน 4.6 เห็ดโคนมีโปรตีน 3.6 อย่างนี้ครับ ผมแส่ไปใช่ไหม ต้องเอามาพูดจาเพราะว่าผมสนับสนุนให้กินของถูกกว่า ถามว่าถูกแล้วดีมีไหม เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม นี่ไง คุณภาพดี แต่ว่าเรากินเห็ดฟางกันมาก็ไม่ว่า ใครอยากกินเห็ดโคนก็กินเห็ดโคนสิครับ เห็ดโคนออกมาตามฤดูกาล เห็ดโคนออกมาวางขาย กิโลกรัมละ 500 บาท กิโลหนึ่งก็เยอะแยะ ที่ร้านทำเมนูขายผัดเห็ดโคนจานเดียว 300 บาท ผมเห็นเมนู ผมบอกนี่เกินเหตุ
นี่คือความที่ว่าเราเทียบเคียงให้ดูได้เลยว่า คนจนก็กินเห็ดฟาง คนรวยกินเห็ดโคน เห็นไหมครับเรื่องอย่างนี้ ต้องทำความเข้าใจ มีแต่ปากพูดจาแดกดัน เป็นกำปั้นทุบดิน เป็นศรีธนญชัย ว่าไปเถอะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ เพราะทางแพทย์เขายืนยันแล้วว่า มันสมองของคนขนาดไม่เท่ากัน เวลานี้ผมว่าเพียงเท่านี้ แต่เวลาผมว่าแรง ๆ ไม่ใช่เรื่องนี้นะครับ ผมว่าใครแรง ๆ แสดงอาการไม่เข้าท่า ผมบอกไอ้นี่มันสมองเท่าหัวแม่เท้า อย่างนี้ล่ะครับ คืออย่างนั้นจริง ๆ ครับ ไม่ได้มีอะไรจะช่วยกัน เอาแต่ว่า ๆ ก็แสดงไปเถอะครับ ประชาชนทั้งประเทศจะนั่งดูอยู่ว่าใครแสดงความคิดเห็นอย่างไร ผมยินดีชื่นชม ได้มาช่วยกันคิดเรื่องปักษ์ใต้ คิดเรื่องเศรษฐกิจ แต่ว่าระมัดระวังหน่อยแล้วกัน ระมัดระวังหน่อยในทางการเมือง เวลาใครไปตั้งแก๊งตั้งเหล่าเล่นอะไรกันเข้า ไม่ควรจะเล่น ก็ไม่ขายหน้านะครับ ท่านบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว โอเคไม่มีปัญหา เรื่องส่วนตัวนะครับ คือเป็น ส.ส. อยู่ในสภาฯ แต่ไปเล่นข้างถนน แต่เป็นส่วนตัวไม่ว่ากัน ทีหลังอย่ามานั่นก็แล้วกัน เหมือนกันครับ ทุกคนทำดีหลายคน แต่บางคนบอกว่า ว่าคนโน้นว่าคนนี้ โอ้โหทำเป็นตัวกระทบกระแทก ไม่เป็นไรครับ ผมรับได้ไม่เป็นปัญหา อย่างเรื่องคาสิโนเดี๋ยวจะคุยตอนท้าย ผมตอบคำถามในสภาฯ
ทีนี้จะเล่าให้ฟังให้จบประเด็นเสียหน่อย ก็ปรากฏว่าเมื่อเวลาที่ของแพง มันแพงบ้าเลือดไหม มันแพงโง่เง่า เมื่อไม่นานมานี้เอง น้ำมันดิบบาร์เรลละ 9 เหรียญ 20 เหรียญ 30 เหรียญ ขึ้นมาจนบอกจะ 100 เหรียญ มันประหลาดไหมครับ ขึ้นมา 10 เท่ากว่าที่เคยขายเมื่อก่อนนี้ ก็ต้องทนกันมา แล้วไม่มีใครว่าคนขึ้นราคาเลย น้ำมันจะถึง 100 เหรียญ บัดนี้เกิน 100 เหรียญ ขึ้นไป 110 เหรียญ ลงมา 104 เหรียญ นี่บ้าไหมครับ วันนี้พาดหัวอีกแล้วบอกจะถึง 120 เหรียญ ถึงไม่ถึงไม่ทราบ แต่ผมประหลาดใจจริง ๆ พวกรวมหัวกันขึ้นราคา ไม่มีใครด่าคนพวกนี้ เลย แต่ว่ารัฐบาลทั่วโลกโดนด่าหมด นี่มันเวรกรรมของใครในบ้านเมืองนี้นะครับ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องเจออย่างเดียวกัน ระดับพรรคการเมืองอย่างชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เก่งกาจสามารถ ถ้าท่านเป็นรัฐบาล ท่านจะต้องเจอ 104 เหรียญ ผมเข้ามาไม่ค่อยเก่งเท่าไร ผมก็เจอ 104 เหรียญ แล้วทำอย่างไรครับ
รมว.พลังงานเจรจาขอปรับขึ้นค่า ft อยู่ที่ 2.75 สต.
ผมบอกว่ารัฐบาลขี้ริ้วหน่อย ปรากฏว่าท่านรัฐมนตรีคนนี้ขี้ริ้วไม่ขี้ริ้ว ท่านส่งจดหมายมาถึงผม ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ) คิดอย่างไรรู้ไหมครับ คิดให้ฟังเลย คิดมาข้อ 1 ท่านบอกค่า ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) จะปรับปรุง ประชุมเลย ค่า ft ถ้าไม่มีใครอยู่ เขาบอกจะเอา 6 สตางค์ ถัดไปทุก ๆ 4 เดือนปรับ รัฐมนตรีพูนภิรมย์จัดการเจรจาความเลย ท่านบอก 2.75 สตางค์ เห็นไหมครับว่าเรามีรัฐมนตรีที่เป็นสุภาพสตรี แต่มีความสามารถ ไม่สนใจเขาเอา 6 สตางค์ ขึ้นไปปั๊บทุกคนก็หมด ทั้งประเทศโดนเข้าไปเท่าไรรู้ไหมถ้าเอา 6 สตางค์ แต่ท่านไปเจรจา 2.75 สตางค์ เหมือนคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำ ตกลงได้ ทุ่นไปรวมกันปีละ 1,200 ล้าน ท่านคิดตัวเลขมาให้ฟัง ค่า ft รัฐมนตรีสุ่มสี่สุ่มห้า เก่งจากไหน ชื่อดังมานั่ง แต่เขาบอกเอา 6 สตางค์ ก็ยอม 6 สตางค์ แต่นี่ท่านรัฐมนตรีไม่ค่อยเก่งเท่าไรหรอกครับ เจรจาเหลือ 2.75 สตางค์ ก็สำเร็จเรียบร้อย เห็นไหมครับว่ารัฐบาลขี้ริ้วหน่อย แต่รัฐมนตรีก็ค่อนข้างจะจัดการได้นะครับ ทีนี้ถัดไปท่านบอกว่าก๊าซหุงต้ม ประกาศลอยตัว ดูตัวเลข ผมจะไม่อ้างหรอกครับ ตกลงเรื่องก๊าซหุงต้มก็จะดำเนินการ คือพูดง่าย ๆ ว่า เราฝังใจว่า ก๊าซ CNG จะได้ใช้กันในวันข้างหน้ามาก ต้องการเวลาสัก 6 เดือนเพื่อการนี้ เลยจัดการดึงราคาไว้นิดหน่อย ไม่เสียหายนะครับ แปลว่าไม่ขึ้นและยังปรับราคาลงมาได้ด้วย น้ำมันมีราคาสูง ท่านก็จัดการลงมาสักบาทหนึ่งต่อลิตร เอาดีเซล ประกันไหมครับ ไม่หรอกครับ ดึงโน่นดึงนี่มานิดหนึ่งต้องการเวลาหน่อย นี่ไม่ใช่ delay tactic อย่างที่ชอบภาษาฝรั่งกัน เป็นเรื่องแก้ปัญหาว่า ถ้าหากว่าไม่บ้าขึ้นไป หรือลงมาเหลือ 90 กว่าเหรียญ สถานการณ์ที่ทำแบบนี้ก็จะใช้ได้ คือตรึงดีเซลไว้ เบนซินคนพอมีจับจ่ายของตัวเองได้ ดีเซลกระทบกระเทือนอะไรมาก เห็นไหมครับเขาเป็นรัฐมนตรีที่มีความคิด และคิดถูกต้อง และรายงานมาให้ ส่วนประมง น้ำมันม่วง น้ำมันอะไรก็จัดการแก้ไข น้ำมันม่วงอยู่ตรงนี้ น้ำมันเขียวอยู่ตรงนี้ อธิบายความมาเสร็จ และซื้อตรงนั้นถูกกว่า ตรงนี้ถูกกว่า ทุกคนได้รับผิดชอบหมด ก๊าซ NGV ก็เหมือนกันอีก 5-6 เดือนจะเสร็จ เพราะฉะนั้น ก็รอถ่วงเวลาหน่อย
ประชาชน 2 หมื่นคนเข้าชื่อถอดถอนนักการเมืองได้
ทั้งหมดนี้ ฟังความดูแล้วก็แปลว่ารัฐมนตรีไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ส่งมาเป็นรัฐมนตรี และให้ครบ ๆ ไป ไม่ใช่ เขาทำงานนะครับ และผมก็มีหน้าที่ที่จะเอางานของรัฐมนตรีมาอธิบายชี้แจง รัฐมนตรีทำอะไรขาดตกบกพร่อง ก็เป็นหน้าที่ของผมอีก ผมต้องมาตั้งออกรับแทนว่ามันคืออะไรอย่างไร อย่างรัฐมนตรีไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่จบครับ ยังอะไรกันอยู่ อ่านข่าวเช้าวันนี้บอกอะไร รองอธิบดี 2 คน เซ็นชื่อถอดถอนรัฐมนตรีด้วย นี่เพราะอะไรครับ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 แต่ก่อน 50,000 คนถึงจะถอดถอนได้ เดี๋ยวนี้ 20,000 ถอดถอนได้ ผมเองเผลอ ๆ ไปก็จะโดนเหมือนกัน ถ้าไม่ถูกใจยังไงเข้า คนไม่ชอบหน้ารวมกัน 20,000 คน ถ้าเซ็นมาครบถ้วน ถอดครับ แล้วบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรครับ เป็นไม่เป็นก็ต้องทนเป็นมาแล้วนี่ครับ แต่จะบอกให้ฟังครับ ข้าราชการ ทั้งรองอธิบดี 2 คน เซ็นชื่อตื่นเต้นเป็นข่าว เซ็นชื่อถอดรัฐมนตรี แล้วมันจะขบกันไหมครับ รัฐธรรมนูญเป็นใหญ่บอกให้มาถอดได้ แต่ว่าทางนี้เป็นข้าราชการเล่นงานผู้บังคับบัญชา เรื่องนี้ก็ฝากให้นักคิดทั้งหลายช่วยกันคิดหน่อยแล้วกัน
ทำความเข้าใจกรณีถูกวิจารณ์รัฐบาลจะแทรกแซงสถาบันตุลาการ
ถัดไปคือว่า ผมจะพูดเรื่องที่ผมตั้งใจจะพูดเสียหน่อย เรื่องอื่นขอติดเอาไว้ก่อน มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ไปนั่งตั้งอภิปรายกัน คนดัง ๆ อภิปรายกัน แล้วคนดัง ๆ อภิปรายก็เตือน เตือนยังไง เตือนรัฐบาลนี้บอกว่าไม่ให้แทรกแซง เตือนว่าไม่ให้แทรกแซงตุลาการ ท่านเตือนไม่ให้รัฐบาลนี้แทรกแซงตุลาการ ผมฟังแล้วบอกว่า ท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ท่านเตือนช้าไป 16 เดือนหรือเปล่า คนอย่างผม หัวหน้ารัฐบาลนี้ล่ะครับจะไปกล้าแทรกแซงตุลาการ อย่างผมนี่หรือครับจะกล้าแทรกแซงตุลาการ เป็นจำเลยอยู่ในคดีความตุลาการ ท่านจะชี้ต้นตายปลายเป็นอย่างไร จะไปแทรกแซงตุลาการ ชีวิตผม ผมเรียนกฎหมาย ผมรู้ระบอบประชาธิปไตย ผมรู้ว่า 3 อำนาจนี้คานกันอยู่ และผมก็รู้ด้วยว่าอำนาจศาลเป็นอำนาจที่มั่นคง เพราะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเราไม่ได้เลือกตั้งศาล แต่เราเลือกตั้งสภาฯ เปลี่ยนครับสภาฯ เราเลือกตั้งเอาสภาฯ แบ่งมาเป็นรัฐบาล ก็เปลี่ยนแปลงเข้า ๆ ออก ๆ 2 สถาบันนี้ที่สู้กัน แต่ว่าที่คานกันคือศาล และบัดนี้ท่านที่มาจากสถาบันนั้น มาออกปากเตือนว่าอย่าไปแทรกแซงสถาบันตุลาการ ขอบพระคุณครับที่เตือน แต่ต้องบอกหน่อยว่า ท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ผมย้ำนะครับว่าท่านเตือนผิดคนหรือเปล่า ท่านเตือนช้าไป 16 เดือนหรือเปล่า ผมพูดเท่านี้ครับ ทั้งหมดก็รู้เห็นเช่นกันดี และในสถาบันตุลาการ ท่านก็รู้กันดีว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร แน่นอนครับ ผมต้องพูด เพราะหากว่าประชาชนนั่งฟังทั้งบ้านทั้งเมือง รัฐบาลนี้จะมาเรื่องนายกฯ ทักษิณนี่ล่ะครับ จะไม่โน่นไม่นี่ เดี๋ยวคณะนี้ออกมาจะปฏิวัติตัวเอง จะยึดอำนาจตัวเอง จะไม่ยอมเข้าระบบ ก็เขามาขึ้นศาล ให้ศาลพิจารณาวันที่ 12 มีนาคมนี้ก็ขึ้นศาล ปรากฏว่ามีคนมาเตือนว่าอย่าแทรกแซงสถาบันตุลาการ เจ้าประคุณ คนพูดน่ะคิดหรือเปล่าครับตอนพูด คิดหน่อยสิครับ พูดอย่างนี้ประชาชนฟังก็นึกว่าคณะผมจะแทรกแซงตุลาการ ผมไม่กล้าหรอกครับ ไม่บังอาจด้วย แต่ถ้าใครคนอื่นได้เคยทำ ได้เคยบังอาจ คิดกันเองก็แล้วกันครับ ผมต้องพูดอย่างนี้ครับ นี่ล่ะพูดจาประสาสมัคร ไม่ได้คิดจะมาต่อปากต่อคำกับใคร แต่ว่าจำเป็นต้องพูด
อธิบายเรื่องอบายมุขกับคนไทย
ผมจะใช้เวลาอีกสัก 4-5 นาทีจะพูดจากันเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาพูด ผมเขียนไว้ว่า “เสวนาปรับทุกข์ เรื่องอบายมุขกับคนไทย” เวลานี้ไม่ค่อยมีใครใช้ คนที่อยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ค่อยสนใจ เวลาผมเขียน ผมบอกว่า เรื่องน่าคิดระหว่างผู้ผลิตถึงผู้บริโภค เป็นชื่อหัวสารคดึ อย่างคราวที่แล้วผมก็บอกว่า เป็นทุกข์เรื่องหนี้ และวิธีปรับทุกข์ คราวนี้ผมบอกว่า เสวนาปรับทุกข์ เรื่องอบายมุขกับคนไทย ผมจะพูดเรื่องอะไรครับ ผมจะพูดเรื่องว่าผมมาตอบคำถามตรงนี้ คำถามเดียว เขาถามจะทำคาสิโนได้หรือไม่ ผมบอกทำได้ไม่น่าจะเป็นปัญหา เท่านั้น ถ้าไม่มีใครเอาไปต่อ ก็จบตรงแค่นี้เอง ต่อความยาวสาวความยืด ผมไปเมืองนอกกลับมา ต้องมาต่อความยาวกับเขาด้วย เพราะเขาวิพากษ์วิจารณ์ไว้ เลยมาอธิบาลความ ไป ๆ มา ๆ คำอธิบายความของผม กลายเป็นว่าผมจะทำ จะทำให้เสร็จภายในกี่ปี ๆ เหลวไหลทั้งเพ ผมเลยตอบคำถามนายเทวดาประจำสภา ผมก็ตอบคำถามชัดเจน เขาก็ถามมา ผมบอกผมตอบคำถามในรายการนี้ แล้วเป็นอย่างไร ตอบคำถามรายการนี้เขาบอกทำได้ไหม ก็บอกทำได้ ออกเป็นข่าวเอิกเกริกใหญ่โตมโหฬาร สุดท้ายบานปลายกันแบบจะไม่หุบเลยครับ
ผมจะบอกให้ฟังนะ ผมตอบไปเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว งานนี้เขาทำรายงานไว้ในสภาผู้แทนราษฎร มีพิมพ์เป็นเล่ม รายงานไว้ทั้งหมด ใครอยากจะทำก็เอารายงานนั้นไปดำเนินการ รัฐบาลไม่เริ่มทำหรอกครับ แต่ภาคเอกชนอยากทำก็ดำเนินการได้ ใครคิดจะทำก็ดำเนินการได้ สิ่งที่พูดไว้เป็นสิ่งที่ง่ายแล้ว มีอยู่แล้ว และรวบรัด เจตนาจริง ๆ ถ้าจะคิดคือ การพนันทั้งหลายทั้งปวง พวกที่ตั้งวงเล่นกัน วงไฮโซ ไฮซ้อทั้งหลาย บ่อนบนดิน ใต้ดิน ลอยน้ำ ที่ผมว่าจะได้เข้าไปอยู่เป็นที่เป็นทาง พระสงฆ์องคเจ้าที่ตำหนิติเตียนผม ก็ไม่ว่าล่ะครับ แต่ผมบอกว่าผมทำและผมคิดอย่างนี้ ที่ช่วยคิดให้ฟัง ตอบคำถามว่าทำได้ เพื่อจะเอาไอ้รุงรังพันเตทั้งหลายไปไว้ที่เดียวกัน เด็กก็เข้าไปไม่ได้ครับ อายุยังไม่ 21 ปี สมมติว่าค่าตั๋วสักแสนหนึ่ง พ่อแม่คนไหนครับจะให้เงินแสนให้ลูกไปซื้อตั๋วเข้าไป อายุ 21 ปีแล้ว เด็ก ๆ นักเรียนก็ไม่มีโอกาส ฉะนั้น ก็ไม่มีโอกาสเข้าไปรู้เข้าไปเห็น และจะไปนั่นอย่างไรกัน แต่คนที่ถูกจับยังอยู่ตลอด หากินกัน ตำรวจคุมบ่อน ว่าตำรวจอยู่นี่ ตำรวจจะได้เลิกถูกว่าเสียที เท่านั้นแหละครับ
แล้วผมจะบอกให้ฟังว่าเรื่องนี้ที่บอกอบายมุขกับคนไทย ผมเกิดมาก็เจอแล้วครับ คนไหนไม่รู้จัก ที่สามยอด แต่ก่อนมีรถรางหน้าห้างเซ่งจง ก่อนถึงประตูสามยอด เขาเรียกว่า โรงหวย รถรางถึงตรงนั้นก็บอกว่าโรงหวย ๆ สามยอด โรงหวยอะไร ก็มีโรงหวยอยู่ที่นั่น ออกหวยที่นั่น และคนไทยตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็เล่นหวยกันมา หวยนี่ล่ะครับ อักษรไทยมี 44 ตัว แต่หวยเขาใช้ 36 ตัวเท่านั้นครับ แล้วเขาก็มีของเขาเสร็จหมดเรียบร้อยว่าอย่างไร ออกหวยเช้า 11.00 น. ออกหวยค่ำ 22.00 น. เขาเล่นกันมา แต่ก่อนเขาเล่นหวยกันอย่างนั้น นั่นแหละครับ หวยอยู่กันมา มีกลอนมีอะไรต่ออะไร มีตัวคู่ตัวอะไรอีก ก คู่กับ บ ท คู่กับ ค ม คู่กับ ฆ ทำไมผมจำได้ครับ ก็หวยมันอยู่ที่คนเขาเล่นกันอย่างนั้น คนแทงกันตั้งแต่เศษสตางค์กันมา เสร็จแล้วหวยก็มาพัฒนา มีลอตเตอรี่ขึ้นมาก็เอาเบอร์เลขท้ายลอตเตอรี่มาเป็นหวยใต้ดิน รัฐบาลก็คิดดีเอามาไว้บนดิน แทนที่จะให้จบเรียบร้อยอะไรต่าง ๆ เกือบจะติดตารางทั้งคณะ ไป ๆ มา ๆ ออกกฎหมายมาออกได้อีกแล้ว ตกลงจะติดตารางทั้งคณะ จะติดหรือไม่ติดยังไม่ทราบได้ แต่ว่ามีกฎหมายผ่านออกมาว่าทำได้ นี่กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะผ่านไม่ผ่านอย่างไร แต่ว่าถ้าไม่ผ่านอันนี้ต้องยกเลิก ลอตเตอรี่ก็ต้องเลิก เล่นไม่ได้หรอกครับ ผิดกฎหมายกันอย่างนี้ ลอตเตอรี่ที่ออกกัน 40 ล้านฉบับต้องเลิกครับ
ก็ปรากฏว่าเขาทำอย่างนี้เพราะนิสัยคนไทยเราชอบเล่นการพนัน ไม่ทำอะไร นั่งอยู่ รถมาก็ทายท้ารถ ทายเบอร์แบงก์ มันเป็นนิสัย จะทำอย่างไรครับ ไม่ถึงกับชาติล่มจมหรอกครับ แต่เป็นนิสัยอย่างนี้ แทงหวยหน่อย แทงโน่นหน่อย แทงนิด ๆ หน่อย ก็สุดแท้แต่ สรุปแล้วเขาบอกนิสัยพรรค์อย่างนี้กลายเป็นว่า เป็นภาษีที่คนอยากเสีย คือเวลาเขาออกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นถูกกฎหมาย เขาก็บอกปลอบใจคนที่จะเสียสตางค์พวกนี้ว่า เป็นภาษีที่คุณเต็มใจเสีย เอาไปทำอะไร การศึกษาเยาวชน พัฒนาทหารบาดเจ็บ จะใช้อะไรก็สุดแท้แต่ ออกความเห็นไปก็เพื่อประโยชน์อย่างนี้เท่านั้นเองครับ ใครอยากจะทำก็ไปเอารายงานของสภาผู้แทนราษฎรทำ ผมไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ ผมคิดอย่างคนไทยธรรมดา และอย่าให้มากเรื่อง บอกว่าจะทำได้ไหม บอกว่าน่าจะทำได้ เท่านั้นแหละครับ เป็นข่าวกัน จะเป็นจะตาย แบ่งฝ่ายรบกันเองทันที คนนั้นเอา คนนี้ไม่เอา คนนั้นสนับสนุน ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ก็ไม่ทราบบ้านเมืองของเรา อะไรก็ไม่ได้ นิดหนึ่งก็ไม่ได้ หน่อยก็ไม่ได้ แต่เวลาด่ากัน ว่ากล่าวกัน ว่ากันโครม ๆ ไม่คิดเลย ผมเชื่อว่าคนรายงานข่าวก็ไม่คิด คนที่มาบอกว่าให้รัฐบาลนี้ระวังอย่าลำพอง อย่าเหลิงอำนาจ อย่าไปแทรกแซงตุลาการ ขอย้ำนะครับ คนที่พูดนั้นคิดหน่อยสิครับ หัวหน้ารัฐบาลนี้และทั้งรัฐบาลไม่มีวันกล้าแทรกแซงตุลาการหรอกครับ แต่ว่าในอดีตนั้น ใครครับที่ทำ ท่านพูดสอนผิดคนแล้วครับ และท่านก็พูดผิดเวลาด้วย เพราะว่าพูดช้าไป 16 เดือน
ตอบจดหมายประชาชน
ต่อไปนี้จะตอบคำถาม วางตรงนี้มากมายก่ายกอง อย่างนี้ต่อเวลาถึงเที่ยงยังตอบไม่หมดเลย ตอบคำถามต้องระมัดระวังนะต่อไปนี้ เพราะว่าพูดผิดเดี๋ยวเกิดเรื่องอีก มานั่งจ้องกันไม่ทำอะไรหรอกครับ ดูสิว่าจะพลาดพลั้งตรงไหน เวลาผมเดินลงบันได ไม่มองคนอื่น มองที่ขั้นบันได ลงให้ถูกขั้นเพราะไม่ต้องการหกล้ม เขาหัวเราะเยาะทั้งบ้านทั้งเมือง ความระมัดระวังอันนี้ ดูท่าทีการเดินอะไร ไม่ได้มองตาคน และต้องระมัดระวัง
คำถาม ขอร้องเรียนอยากให้ท่านพูดถึงเรื่องบาร์ เธค เนื่องจากมีลูกอายุ 16 ปี สามารถเข้าบาร์ได้ 18 ปีเข้าได้ อยากให้รัฐบาลปราบอย่างมากเรื่องยาบ้า
นายกรัฐมนตรี ยาบ้าปราบแน่นอนจะประชุมกัน 2-3 วันนี้ เรื่องเธค เป็นปัญหาสังคมลมโชย วันหลังจะขอพระพะยอมให้ท่านเทศน์เรื่องนี้โดยเฉพาะ
คำถาม ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อประสบปัญหา ไม่มีเงินส่งธนาคารขอให้ช่วยเหลือ
นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างนี้เหรอครับ เขาบอกนะครับมีคนอยู่พวกหนึ่งที่เกิดเรื่องตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ปี 2540 ทำมาหากินธุรกิจดี แต่ถูกที่เขาเรียกว่า NPL ในครั้งนั้น แล้วถูกลงโทษลงทัณฑ์ กำลังให้เขาดูอยู่ มีหนังสือร้องทุกข์มา เขาร้องทุกข์มาว่า คือปลดอะไรต่ออะไรได้ ถ้าปลดหนี้พวกนี้ได้นักธุรกิจพวกนี้จะได้ลืมตาอ้าปาก แต่นี่ฟาร์มไก่เลี้ยงประสบปัญหาไม่มีเงินส่งธนาคาร ขอให้ช่วยเหลือ ต้องส่งจดหมายมาหน่อยครับ ว่าทำไม เลี้ยงอย่างไร ไก่กินอย่างเดียวแล้วไม่ไข่หรือไง หรือว่าเลี้ยงไปแล้วผอม ขายแล้วไม่มีเงินส่งเขา ต้องบอกเหตุผลหน่อยครับ เพราะที่เขาเลี้ยงแล้วกำไร ก็มีครับ
คำถาม ให้มี ธ.ก.ส. กับ ออมสินแบบเดิม หวยบนดินมาเร็ว ๆ หน่อย
นายกรัฐมนตรี ธ.ก.ส. กับ ออมสิน ผมรู้แล้ว เขาเอาไปรวมออกทีเดียวกัน ให้สับสน เรื่องนี้เป็นความสับสนก็ดีเหมือนกัน แต่ไม่พอใจอย่างไรช่วยเขียนจดหมายถึงผมหน่อยว่า การออกหวยที่แยกกันเป็นวัน ดีอย่างไร แล้วถ้ารวมกันเสียอย่างไร ถ้าเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนต้องบอกมาด้วยว่าไม่รู้จะให้คนแทงอย่างไหน ยุ่งยากใช่ไหม
คำถาม ปรับโครงสร้างตำรวจแล้วทำไมไม่ปรับโครงสร้างทหารบ้าง ข้าราชการชั้นผู้น้อยของทหารทำไมยศไม่เปลี่ยน ไม่ลื่นไหลเหมือนตำรวจ ทำไมยังไม่ปรับเป็นจ่าเหมือนตำรวจ
นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผมเลย ผมต้องไปดูให้เลย ทำไมตำรวจลื่นไหลปรับเป็นจ่าได้ แต่ทหารไม่ปรับ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถามถูกคนเลย เดี๋ยวจะไปดูให้ว่าทำไม
คำถาม เต็นท์ที่ทหารตั้งไว้บริเวณสี่แยกเทเวศร์ในช่วงปฏิวัติทำไม่ไม่รื้อ และมีทหารประจำอยู่
นายกรัฐมนตรี เดี๋ยวออกจากที่นี่จะไปดูเลย เต็นท์ที่ทหารตั้งไว้บริเวณสี่แยกเทเวศร์ มีหรือครับสี่แยกเทเวศร์ มีเชิงสะพานเทเวศร์ ไม่มีครับ ตรงนั้นป้อมตำรวจ ไม่มีทางจะเอาเต็นท์ไปตั้งได้ เดี๋ยวไปดู ไม่มีเหตุผลครับ แล้วบอกว่ามีทหารประจำอยู่ นี่สี่เสาเทเวศร์หรือเปล่า เดี๋ยวผมต้องไปดูก่อน ไปเรียกสี่แยกเทเวศร์
คำถาม ศูนย์ประสานบริการ 1111 ที่มี 4 ช่องทางติดต่อได้ร้องทุกข์ไปแล้ว มีหลักฐานชัดเจน เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการใด ๆ เลย
นายกรัฐมนตรี 1111 ส่งไปตัวจริง แต่ส่งสำเนาถึงนายกรัฐมนตรี ส่งทำเนียบรัฐบาลเดี๋ยวมีคนยักจดหมายไปอีก ส่งที่บ้านผมดีกว่า ถ้ามีความเดือดร้อนจริง ต้องหาที่อยู่ผมได้ ประกาศตรงนี้เดี๋ยวมาเป็นฟ่อนหมดเลย ถ้าจำเป็นไปหาที่อยู่ ส่งที่บ้านผม สำเนานะครับ ตัวจริงส่ง 1111 ผมจัดการให้ จะดูสิ ผมอ่านแล้วผมจะดูว่าใช่ไม่ใช่อย่างไร คือร้องเรียนมาไม่เข้าท่า ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกันนะครับ
คำถาม อยากให้ช่วยอนุโลมการยื่นบัญชีทรัพย์สินของชาวไทยที่แต่งงานกับต่างด้าว
นายกรัฐมนตรี แต่งงานกับต่างด้าวยื่นทรัพย์สิน ผมไม่เคยทราบเลยว่าแต่งงานกับต่างด้าวต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่งงานกับต่างด้าวเสียสิทธิ์ในการจะซื้อหาพาใจอะไร ไม่ใช่อย่างนั้นหรือครับ เขียนให้ชัดหน่อยนะครับ แต่งงานกับต่างด้าวต้องยื่นทรัพย์สิน ผมไม่เคยทราบเลยเรื่องนี้ ต้องอธิบายความหน่อย
คำถาม คลื่นวิทยุลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมรบกวนคลื่น 92 คลื่น 97 ทำไมรับฟังไม่ได้
นายกรัฐมนตรี อันนี้แน่นอนเลยครับ คลื่น 97 คลื่นของกรมประชาสัมพันธ์ ดี ๆ แท้ ๆ มีคลื่นอะไรไม่รู้ แซงเสียจนกระทั่ง ผมจะฟังนะครับ วันเสาร์ วันอาทิตย์ ก็เปิดฟังคุณอนุรัชนี ได้ประโยชน์ครับ เขาคุยกัน คนโบราณเนี่ย อาจารย์ปรัชญา คุณหมอพูนพิศ เขาคุยกันดี ๆ คลื่น 97 เจอกวนแทรกแซง ปรากฏว่าคลื่นหลักรับไม่ได้ แต่ว่าคลื่นรองแซงเอา ๆ เปิดเพลงบ้าบอ กรมประชาสัมพันธ์อยู่ใกล้ ๆ พอดี ช่วยฝากดูหน่อย ประหลาดจริง ๆ คลื่นหลักไม่แรง แต่คลื่นรองมันแรง ต้องเอาเรื่องกันให้ได้ เขาให้รัศมี 30 กิโลเมตร ไม่รู้อยู่ข้าง ๆ บ้านผมหรือเปล่า แซงจนกระทั่งผมฟังไม่ได้เลย วันอาทิตย์แต่ก่อนนี้เป็นลูกค้าของคลื่นอะไร ซอยละลายทรัพย์
คำถาม ปัจจุบันมีทางลับผ่านจุดผ่านแดนถาวรบริเวณบ้านแหลมผักกาด-โป่งน้ำร้อน เพื่อใช้ขนยาเสพติด
นายกรัฐมนตรี ผมก็ปากไว ถ้าเจ้าหน้าที่เห็นอย่างนี้ต้องให้พับครึ่ง ผมจะได้ไปแอบอ่านก่อน แล้วผมจะดู อย่างนี้ก็รู้หมดเลยว่าจะทำอย่างไร ผมเอาไปเลย มีมือที่เขากำลังอยากทำงานเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวเอาไป
วันก่อนนี้ไปต่างจังหวัด ไม่น่าเชื่อ เมื่อวานนี้ไปประจวบคีรีขันธ์ ได้รู้กับข้าวราคาประจวบฯ เมืองประจวบ อาหารการกินสมบูรณ์นะครับ ราคาก็ยุติธรรม แต่ว่าร้องทุกข์ แล่นรถใต้ทางรถไฟก็มี ก็ไม่เป็นปัญหา แต่แม่ค้าร้องทุกข์น่าสงสารครับ สรรพากรประจวบฯ เขาบอกเขาขายข้าวต้ม ประเมินเขาเดือนละ 1,000 กว่าบาท ปีหนึ่ง 12,000 บาท เขาบอกว่าแล้วไปทำมาหากินอะไร ขายก็ขายถูก ประเมินปีละ 12,000 บาท แล้วไปทำมาหากินอะไร ขายก็ขายถูก แล้วถ้าหากว่าขายดี มาประเมินเพิ่ม แต่ว่าถ้าขายไม่ได้ ไม่ลดที่ประเมิน สำคัญสุดแม่ค้าบอกทนไม่ได้แล้ว เลิกขายแล้ว เลิกขายวันที่ 15 มกราคม ประกาศเลิกขายแล้ว ก็ยังไม่ยอมเลิกประเมินภาษี ผมว่านี่เป็นเรื่องชอบกล ร้องทุกข์กลางตลาดเลย กำลังจ่ายกับข้าวอยู่ มาร้องทุกข์เลย บอกอย่างนี้รับปาก และสัญญาไว้ด้วยว่าเช้าวันนี้จะบอกเลย สรรพากรจังหวัดประจวบฯ เรื่องประเมินสรรพากรเป็นอย่างนี้ เขาดูคนเยอะก็คิดไว้เยอะ พอเขาขายไม่ได้ ไม่มาลดราคาให้เขา ก็ยังไม่ทราบจะทำอย่างไร แต่ทว่าเขาประกาศเลิกขายเพราะสรรพากรนี่แหละครับ เลิกขาย แล้วยังไม่เลิกเก็บภาษีเขา ข้อมูลดิบ ๆ มาเมื่อวานนี้ ผมก็เอามาให้ดูตรงนี้ กรุณาตอบคำถามหน่อยครับ ตอบคำถามไปที่ทำเนียบรัฐบาลก็ได้ ผมจะได้ส่งไปให้เขาว่าที่เขาร้องทุกข์นั้น ได้ผลอย่างไร ส่วนคนร้องทุกข์ลอดใต้ทางรถไฟ ผมต้องไปดูให้ก่อน ผมรับรู้เรื่องนี้แล้ว
คำถาม ตอนนี้ปิดเทอม เด็กไปอยู่ร้านเกม อยากให้จัดระเบียบ เพราะตีหนึ่งแล้วยังเปิดอยู่ บ้านอยู่ตรงข้ามร้านเกม คลอง 3 คลองหลวง หมู่บ้านพฤกษา 11 เป็นที่มั่วสุม
นายกรัฐมนตรี ผมก็เพิ่งทราบว่าร้านเกมมีเวลาเปิด-ปิดหรือเปล่า คือถ้าไม่มีเวลาก็ต้องควรจะมีเวลาแล้วแบบนี้ แต่ว่าเด็กชอบกลอยู่ถึงตีหนึ่ง มันอะไรกันนักหนา ไม่ทราบได้ เรื่องนี้ขอดูรายละเอียดหน่อย เขาจะสั่งปิดสั่งเปิดอย่างไร
คำถาม มีอาชีพขายเสื้อผ้าแถวตลาดโบ๊เบ๊ช่วงตีสาม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พลับพลาชัย มาเรียกเก็บเงินแม่ค้าตามฟุตบาท 500-1,000 บาทต่อวัน
นายกรัฐมนตรี จ่ายไป 1,000 บาท ขายได้กำไรขนาดนั้นหรือครับ เอาล่ะครับตำรวจพลับพลาชัย ผมจะต้องถามแน่นอน ว่าเกิดอะไรอย่างไรขึ้น คือถ้าไม่มีสิทธิ์ขายจะจับก็จับไปเลย ถ้ามีสิทธิ์ขายแล้วจะไปรีดไถอย่างนี้ น่าเกลียดจริง ๆ เรื่องของท่านขึ้นอยู่ในนี้แล้ว และผมจะต้องติดตามให้ ใบนี้ต้องพับเอาไปหน่อย ใบนี้ต้องไปตามดูแน่นอน มาไถกันวันละ 500 วันละ 1,000 ถ้าไถทุกวันเท่าไรครับ เดือนละ 30,000 บาท ไหวไหมครับ แล้วคนไถไม่รู้สึกหรอกครับว่าเป็นอย่างไร เหมือนกับคนที่ไปถอดนอตเสาไฟแรงสูง ถอดนอต จับตัวได้ ขายได้ 1,400 แต่เสาไฟล้ม ราคามูลค่าซ่อมตั้งแต่ 7 ล้านถึง 8 ล้านบาท นี่บอกให้รู้เลยนะว่าใครจะประพฤติอย่างนี้ ถ้าหากจะอ้างว่าอดอยากยากแค้นอย่างไร ต้องแจ้งรัฐบาลก่อนครับ ว่าอดอยากจะเป็นจะตายอย่างไร แล้วบอกก่อนเลยว่า ถ้าไม่นั่นผมจะไปถอดนอตเสาไฟ ให้รู้หน่อย เขาจะได้หาทางช่วยแก้ไขบรรเทาให้ นี่อ้างอดอยากแล้วถอดนอต ดูสิครับขายได้ 1,400 ปรากฏว่าต้องซ่อม 7-8 ล้าน
บ้านเมืองเราเป็นอะไรครับ ขอบอกเลยนะครับ ใครจะอดอยากอย่างไร ส่งจดหมายมาบอกหน่วยงานที่เขาเกี่ยวข้องหน่อย ส่งมา 1111 ฟังแล้วน่าอเนจอนาถ ถอดนอตสะพานธรรมดายังไม่เป็นไร นี่เสาไฟแรงสูง เขายกป้ายหมดเวลาแล้วครับ อาทิตย์หน้ายังมีครับ ใครที่ฝากรายการมาหลายอัน ผมก็ทำหน้าที่ของผมครับ
แล้วข้อสำคัญที่สุดวันนี้ถ้าพูดจาอย่างไร ขอยืนยันนะครับ ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมพูด และท่านทั้งหลายทั่วประเทศต้องรู้ว่าผมพูดความจริง ผมขอยืนยันว่าผมไม่มีวันรุกล้ำสถาบันศาล ผมกลัวศาลด้วย แต่มีคนอื่นที่เขาไม่ได้คิดแบบผม ขอย้ำว่าคนที่เตือนคิดหรือเปล่าว่าเตือนผิดคน และคิดหรือเปล่าว่าเตือนช้าไป 16 เดือน สวัสดีครับ
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--