(23 มีนาคม 2563) ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงนโยบายการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ สำหรับสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ช่วงระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)
จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดดังกล่าว ทางรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตของนักเรียน นักศึกษา ที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดดังกล่าว และเพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนของนักเรียน นักศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการจึงมีประกาศให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษ ตนจึงได้สั่งการให้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ที่มีนักเรียน นักศึกษาได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดสถานศึกษาในครั้งนี้ ดำเนินการเตรียมมาตรการ หรือแนวปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดการศึกษาในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยรวมของประเทศ โดยเป็นการศึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาที่มีระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่พร้อมอนุเคราะห์ให้บริการร่วมใช้ระบบออนไลน์ของโรงเรียนแก่โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนในสังกัดอื่นทั่วประเทศ ได้แก่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนกรุงเทพวิทยาการคอมพิวเตอร์ โรงเรียนมัธยมยานากาวา โรงเรียนวรรัตน์ศึกษา และยังมีการรวบรวมสื่อการสอนเสริมหรือกวดวิชา และการสอนภาษาและอาชีพมาเผยแพร่ด้วย
ทั้งนี้ สช. กำลังทำการสำรวจโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนออนไลน์ของโรงเรียนเอกชนเพิ่มเติม เพื่อนำช่องทางการเรียนออนไลน์มารวบรวมไว้ ให้นักเรียน นักศึกษา รวมถึงผู้สนใจเข้ามาใช้บริการได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เข้าใช้บริการด้วย
หวังว่าการเรียนออนไลน์จะเป็นการสร้างความรู้แก่เด็กและเยาวชนได้อย่างเหมาะสม สามารถเรียนที่บ้านได้อย่างปลอดภัย ให้ความรู้ ยกระดับคุณภาพการศึกษาได้อย่างทั่วถึง และสามารถสร้างโอกาสให้ทุกคนเรียนฟรี เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยวันนี้ผู้เรียนสามารถเข้าไปใช้บริการการเรียนการสอนได้แล้ว
โดยผู้เรียนสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ odlc.opec.go.th ของ สช. แล้วคลิก “เข้าสู่ระบบ” ออนไลน์ สช. จากนั้นกรอกข้อมูลพื้นฐานผู้ใช้บริการ เลือกชมตัวอย่างระบบออนไลน์จากเมนูหลัก จากนั้นสามารถสมัครเข้าใช้ระบบของสถานศึกษาที่ท่านเลือกและนำระบบไปใช้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนหรือส่วนบุคคลต่อไป ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถาม ได้ที่ 02 282 1000
ที่มา: http://www.thaigov.go.th