โฆษก ศบค. ย้ำยังไม่ยกเลิกมาตรการ เนื่องจากหลายประเทศยังมีการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก แจงงบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาทจะถูกนำไปใช้บำบัด รักษา ป้องกันโรค เพื่อกระจายรายได้สู่ประชาชน

ข่าวทั่วไป Wednesday April 22, 2020 15:57 —สำนักโฆษก

โฆษก ศบค. ย้ำยังไม่ยกเลิกมาตรการ เนื่องจากหลายประเทศยังมีการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก แจงงบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาทจะถูกนำไปใช้บำบัด รักษา ป้องกันโรค เพื่อกระจายรายได้สู่ประชาชนให้ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

วันนี้ (22 เม.ย. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. ชี้แจงกรณีประชาชนหลายคนตกอยู่ในภาวะเครียดจากปัญหาว่างงาน ปัญหาหนี้สินว่า ศบค. และรัฐบาลให้ความห่วงใยเกี่ยวกับภาวะเครียด เนื่องจากยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาขยายระยะเวลาพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ รวมทั้งงบประมาณต่าง ๆ ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และมาตรการภาครัฐที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อาจส่งผลให้ประชาชนเกิดภาวะความเครียดได้ ดังนั้น แนวทางแก้ไขคือ ต้องควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้ได้ เพื่อลดการสูญเสีย โดยเฉพาะชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนใกล้ชิด เมื่อลดจำนวนผู้ป่วยได้ ก็สามารถนำงบประมาณที่ใช้ในด้านสาธารณสุขไปดูแลเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ยืนยันว่าสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกันก็พร้อมเยียวยาเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย

โฆษก ศบค. กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ย้ำว่าการใช้งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรงบประมาณ 45,000 ล้านบาท ไม่ใช่ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเดียว เนื่องจากตอนนี้ สถานพยาบาลมีอุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงพอ ซึ่งจะนำงบประมาณบางส่วนมาใช้ในการจ้างงาน การจ่ายค่าชดเชย เยียวยา ค่าเสี่ยงภัยแก่บุคลากร หรือ จัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับการรองรับการบำบัด รักษา ป้องกัน ควบคุมโรค เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ประชาชนในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น ทั้งนี้ บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพในการทำงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับดี เชื่อว่าการใช้งบประมาณจะส่งถึงพี่น้องประชาชนทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลืออยู่เสมอ

โฆษก ศบค. ยังตอบคำถามของสื่อมวลชน กรณีบางจังหวัดเริ่มเตรียมผ่อนปรนมาตรการหรือมีมาตรการผ่อนปรนให้ พ่อค้า แม่ค้ากลับมาขายของที่ตลาดเพื่อมีรายได้ และหากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเหลือเพียงหลักเดียว จะมีการยืดหยุ่นและผ่อนปรนมาตรการมากกว่านี้โดยชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ยืนยัน การผ่อนปรนมาตรการจำเป็นต้องใช้ชุดข้อมูล สถิติจากสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือจากทุกด้านถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ขณะนี้ยังไม่มียกเลิกใช้มาตรการเพียงแต่จะเป็นการผ่อนปรน ถึงแม้ในตอนนี้ประเทศไทยจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ในหลายประเทศรอบไทยยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส-19 ในระดับที่น่าเป็นห่วง ซึ่งกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นกลุ่มประเทศที่มียอดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากประมาท จำนวนผู้ป่วยติดเชื้ออาจกลับมาสูงได้อีก

โฆษก ศบค. กล่าว การควบคุมโรคถือความมั่นคงภายในประเทศ สถานที่ที่จะกลับมาเปิดให้บริการได้นั้นขึ้นอยู่กับสถิติของกรมควบคุมโรคและความจำเป็น เช่น ร้านตัดผม หากเปิดให้บริการ ต้องมีมาตรการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสสู่กันและกัน กรณีบางจังหวัดจะมีทดลองผ่อนปรนมาตรการในบางพื้นที่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละจังหวัดที่จะนำนโยบายหลักไปปฏิบัติให้เหมาะสม หากจังหวัดใดประชาชนให้ความร่วมมือ ดูแลทั่วถึง อาจทดลองผ่อนปรนมาตรการ อย่างไรก็ตามขอให้รอมติของคณะรัฐมนตรี และมติจากทาง ศบค. ในรายละเอียดต่าง ๆ

โฆษก ศบค. กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยรายใหม่ที่มีการติดเชื้อมาจากสถานที่ทำงานว่า บางหน่วยงานที่มีความจำเป็นจะต้องเปิดสถานที่ทำงานเพราะมีความเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก จึงต้องขอให้สร้างมาตรการที่เข้มขึ้นเพื่อควบคุมดูแลไม่ให้เกิดการติดเชื้อ โดย ศบค. จะรวบรวมสถิติ ชุดข้อมูลด้านต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ โดยเป็นการตัดสินด้วยคณะเพื่อให้รอบด้าน สามารถปฏิบัติได้ เกิดความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนที่จะต่อสู้กับโรคนี้ไปให้ได้

โฆษก ศบค. ยังได้กล่าวถึงการจัดการขยะในสถานการณ์ปัจจุบันว่า ได้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ทั้งขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วและขยะประเภทอื่นๆ โดยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ใช้แล้วจะนำไปสู่กระบวนการกำจัดที่เหมาะสม นอกจากนี้ ฝ่ายมั่นคงและสาธารณสุขยังเข้าไปตรวจสอบโรงแรมที่ใช้เป็น State Quarantine ให้มีพื้นที่สำหรับจัดการขยะและแยกประเภทขยะได้เป็นอย่างดี ไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ ซึ่งในพื้นที่ของ State Quarantine จะถูกจัดการกับเรื่องขยะและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่บ้านสามารถให้ความร่วมมือ คัดแยกประเภทของขยะ อาหาร ติดเชื้อ รีไซเคิล เพื่อช่วยในการจัดการขยะได้ในเบื้องต้นอีกด้วย

ในตอนท้าย โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 22 เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก ต้องช่วยกันดูแลโลกให้สะอาด เพราะสิ่งสกปรกจะเป็นตัวเพาะบ่มทำให้เกิดเชื้อโรคได้ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่คนต้องเก็บตัวอยู่บ้าน ทำให้เห็นว่าโลกสะอาดขึ้น ค่า PM2.5 ลดลง ดังนั้น ต้องช่วยกันคุ้มครองและปกป้องโลก จะทำให้โลกเราสดใส สวยงาม เพื่ออีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้

........................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ