วันนี้ (28 เม.ย.63) เวลา 12.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,938 ราย หายป่วยแล้วเพิ่มขึ้น 43 ราย รวมผู้ป่วยหายแล้วจำนวน 2,652 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 20 - 29 ปี รองลงมาคืออายุ 30-39 ปี ซึ่งจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมสูงสุดคือกรุงเทพฯและนนทบุรี จำนวน 1,650 ราย ภาคเหนือ จำนวน 94 ราย ภาคกลาง จำนวน 373 ราย ภาคใต้ จำนวน 671 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมเสียชีวิตทั้งหมดเป็น 54 ราย
ผู้เสียชีวิตรายที่ 53 เป็นผู้ป่วยชายไทยอายุ 52 ปี มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากการไปประชุมสัมมนา เริ่มป่วยวันที่ 19 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ปวดเมื่อยตามตัว เข้ารักษา แพทย์เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อโควิด - 19 ยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด – 19 มีอาการแย่ลง ภาวะปอดรั่วแพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตในวันที่ 27 เมษายน 2563 ด้วยระบบหายใจล้มเหลวและภาวะไตวายเฉียบพลัน ผู้เสียชีวิตรายที่ 54 เป็นผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 63 ปี อาชีพค้าขาย มีภาวะอ้วน มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนกันคนในครอบครัว เริ่มป่วยด้วยการไข้มึนศีรษะ เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อผลตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด -19 ผู้ป่วยมีอาการแย่ลง แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตในวันที่ 27 เมษายน 2563 ด้วยภาวะปอดอักเสบติดเชื้อร่วมกับระบบหายใจล้มเหลว
โฆษก ศบค. แสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีประวัติยืนยันในการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ทั้งคู่ ย้ำต้องให้ความสำคัญกับ Social Distancing และการรักษาระยะห่างกับคนในครอบครัวด้วย เน้นปฏิบัติตามวิถีชีวิตวิถีใหม่ต่อเนื่อง เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ทั้งสิ้น
ผู้ป่วยรายใหม่ 7 รายนั้น จำแนกเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา 1 คน กรุงเทพฯ 3 คน และภูเก็ต 3 คน โดยปัจจัยเสี่ยงพบว่าเป็นการสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีการยืนยันก่อนหน้านี้ 5 ราย กลุ่มที่ไปเที่ยวสถานที่ชุมชนแออัด ไปงานแฟร์ เป็นคอนเสิร์ต ตลาดนัด ในกรุงเทพฯ 1 คน และอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรคอีก 1 คน เป็นคนจีนซึ่งกำลังสอบสวนโรคอยู่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว โดยการกระจายตัวผู้ป่วยในจังหวัดต่าง ๆ ในช่วงเวลาเกือบ1 เดือน มี 9 จังหวัด และ 13 จังหวัด ไม่มีรายงานผู้ป่วยเลย โดยกลุ่มดังกล่าวมีทั้งจันทบุรี ราชบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร และร้อยเอ็ด
โฆษก ศบค. รายงานข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขการที่วิเคราะห์สถานการณ์ผู้ป่วยสูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป พบว่า จากข้อมูลของผู้ป่วยทั้งหมด 328 ราย ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็น 11% ของผู้ป่วยทั้งหมด ในกลุ่มนี้มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตไป 21 ราย ถือว่ามีจำนวนมากพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คือ 2.3 ต่อ 1 ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย มีต่างชาติอยู่เพียงร้อยละ 14 ส่วนใหญ่อายุ 60 - 69 ปี ประมาณ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 66 โดย 328 ราย ปัจจัยเสี่ยง คือ การไปร่วมพิธีทางศาสนาพบถึงร้อยละ 24 เกือบ 1 ใน 4 เกี่ยวข้องกับมวยและผู้สัมผัสอีกเกือบ 1 ใน 4 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจจะสะสมรวมกัน รวมทั้งมีสัมผัสผู้ป่วยยืนยันอีกร้อยละ 18 เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศร้อยละ 10 มีอาชีพเสียงไปยังสถานที่ชุมนุมชนแออัดประมาณร้อยละ 7 และชาวไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศร้อยละ 6
ทั้งนี้จังหวัดที่มีอัตราการป่วยของผู้สูงอายุมากที่สุดพบว่ามี 3 จังหวัด คือยะลา ภูเก็ต และปัตตานี ซึ่งเชื่อมโยงกับผู้ประกอบพิธีทางศาสนาในต่างประเทศ ส่วนจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมตามปัจจัยเสี่ยงที่จำแนกตามรายสัปดาห์นั้น กลุ่มใหญ่ที่สุดคือกลุ่มที่สัมผัสกับคนอื่น ๆ ที่เป็นรายยืนยันก่อนหน้านี้ และอีกกลุ่มหนึ่งคือศูนย์กักคนเข้าเมือง ซึ่งไทยให้ความสำคัญในการค้นหาเชิงรุกหรือ Active Case Finding ด้วย
โฆษก ศบค. จึงได้เน้นย้ำให้บุคคลที่เป็นญาติของคนที่เป็นรายยืนยันก่อนหน้าต้องป้องกันตัวเอง 100% ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดต้องดูแลตัวเองและร่างกายอย่างดีและป้องกันได้อย่างดี โดยล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนส่วนตัว
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลกนั้น สหรัฐอเมริกา ยังคงมีผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มถึง 23,196 ราย และรัสเซียมาเป็นอันดับ 2 คือผู้ป่วยรายใหม่อยู่ที่ 6,198 ราย ตามด้วยอังกฤษ ผู้ป่วยรายใหม่ 4,309 ราย สหรัฐอเมริกา เมื่อวานนี้มีจำนวนผู้เสียชีวิตไป 1,384 ราย รองลงมาคือฝรั่งเศส 437 ราย และอังกฤษที่ 360 ราย ทำให้ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมทั้งโลกอยู่ที่ 3,065,374 ราย เสียชีวิตไป 211,606 ราย
สถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของเอเชีย พบว่า สิงคโปร์มีผู้ป่วยรายใหม่ 799 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 14,000 กว่าราย ญี่ปุ่น มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้จำนวน 884 ราย จำนวนยืนยันสะสม 14,000 กว่าราย ซึ่งสถานการณ์ของสิงคโปร์และญี่ปุ่นคล้ายกันที่มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่เกาหลีใต้และไทยผู้ป่วยรายใหม่ลดลง
โฆษก ศบค. กล่าวถึงประเด็นข่าวต่างประเทศที่น่าสนใจว่า สิงคโปร์เร่งผลิตเตียงผู้ป่วยและจัดหาสถานที่ เช่น ศูนย์แสดงสินค้าซางงี เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อขึ้นมาภายในประเทศที่สูงขึ้น โดยสูงเป็นอันอับที่ 1 ของอาเซียนและเป็นอันดับที่ 6 ของเอเชีย ร้อยละ 80 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดเป็นแรงงานต่างชาติ
3. รายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการ
รายงานการมั่วสุมช่วงเวลาเคอร์ฟิวที่ต้องดำเนินคดีถึง 143 ออกนอกเคหะสถานโดยมีเหตุผลไม่สมควรเพิ่มขึ้น 12 คน ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือเพื่อสุขภาพที่ดี และใช้ชีวิตวิถีใหม่ให้คุ้นชิน
การนำคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันนี้ 28 เมษายน 2563 จะมีคนไทยเดินทางกลับจากสเปน 12 คน และอินเดีย จากนิวเดลี 189 คน มุมไบอีก 189 คน ขณะนี้รวมผู้เดินทางกลับมาจาก 21 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 - 27 เมษายน 2563 จำนวน 2,769 คน นอกจากนี้ มีรายงานคนไทยที่จะบินกลับมาจากต่างประเทศเพิ่มเติมอีกหลายประเทศทั้งอินเดีย ฟิลิปปินส์ มัลดีฟ ศรีลังกา สิงคโปร์ กาฐมาณฑุ คาซัคสถาน เนเธอร์แลนด์ สเปน เป็นต้น ที่กำลังจะเข้ามาอีกจำนวนมาก โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดูแลกลุ่มคนดังกล่าว
กรณีคนผ่านแดนวานนี้ มีเข้ามาจากเมียนมาร์ 14 คน มาเลเซีย 303 คน สปป.ลาว 8 คน และกัมพูชา 7 คน ซึ่งทุกคนต้องเข้าสถานกักกันตัวที่เราได้จัดไว้ให้ ทั้งนี้ พบคนที่ไม่ได้ลงทะเบียน 28 คน ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ดูแลสถานกักกันที่รัฐจัดให้อยู่ในพื้นที่ (Local Quarantine) 76 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 799 แห่ง รองรับได้ประมาณ 21,000 คน มีเข้าพักอยู่ขณะนี้ 5,012 คน กลับบ้านแล้ว 1,564 คน รวมสะสมที่ดูแลกันมา 6,576 คน ขณะที่กระทรวงกลาโหม มีการเตรียมห้องพักกว่า 5,400 ห้อง เข้าพักแล้ว 2,272 ห้อง ดูแลไปทั้งสิ้น 3,612 คน ซึ่งได้มีการจัดระบบดูแลคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศอย่างชัดเจน
**********************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th