ศบค.ขอความร่วมมือประชาชนสแกน QR Code แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เมื่อเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ย้ำความร่วมมือของทุกคนจะทำให้มีชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุข

ข่าวทั่วไป Thursday May 21, 2020 15:16 —สำนักโฆษก

ศบค.ขอความร่วมมือประชาชนสแกน QR Code แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เมื่อเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ย้ำความร่วมมือของทุกคนจะทำให้มีชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุข

วันนี้ (21 พ.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเชียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. ยืนยันว่าข้อมูลของประชาชนที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” จะถูกรวบรวมไว้ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นเวลา 60 วัน ตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เคยมีการติดเชื้อถึง 4 รุ่น และเมื่อครบกำหนดชุดข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบและไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนสแกน QR Code ผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เมื่อเข้าใช้บริการสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อ หากไม่ใช้วิธีการสแกน QR Code ก็จะต้องลงทะเบียนด้วยการจดบันทึกก่อนเข้าใช้สถานบริการ

โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อายุ 72 ปี เข้าใช้บริการร้านตัดผมย่านประชาชื่น ทีมสอบสวนโรคจึงต้องทำการตรวจหาผู้ป่วยเพิ่มเติมจากชุดข้อมูลของประชาชนคนอื่นที่เข้าใช้บริการร้านตัดผมในวันเดียวกัน ระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ถ้าร้านตัดผมลงทะเบียนแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” และผู้เข้าใช้บริการทุกคนสแกน QR Code ก่อนเข้าใช้บริการ ก็จะทำให้สะดวกต่อการสอบสวนโรคมากยิ่งขึ้น และสามารถนำบุคคลที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เป็นการลดความกังวลของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะสามารถระบุพื้นที่ได้อย่างชัดเจน สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ไวขึ้น โฆษก ศบค. ยืนยันว่าแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการเงินของผู้ประกอบกิจการได้อย่างแน่นอน

โฆษก ศบค. ชี้แจงข้อสงสัยกรณีหากอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วจะสามารถติดเชื้อได้นั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รักษาหายมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงกว่าคนทั่วไป รวมถึงทางการแพทย์จำเป็นต้องใช้พลาสมาจากผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายแล้วเพื่อทำการรักษาผู้ป่วยคนอื่น เพราะได้มีการทดลองฉีดวัคซีนกับผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหาย พบว่าไม่ติดเชื้อซ้ำเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันแล้ว จึงอยากให้ทุกคนสร้างความเข้าใจใหม่ว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายแล้วจะไม่เป็นบุคคลที่แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

โฆษก ศบค. กล่าวชี้แจงกรณีกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวด ที่ได้มีการระบุว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ ว่า ร้านนวดเป็นหนึ่งในกิจการจากหลายกิจการที่รอเปิดให้บริการในระยะต่อไป ไม่ว่าจะระยะที่ 3 หรือระยะอื่น ๆ ที่เหมาะสม โดยในขณะนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมดว่ากิจการต่าง ๆ จัดอยู่ในระยะใดบาง ซึ่งหากจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อคงที่ ไม่เพิ่มขึ้น ก็อาจจะสามารถเปิดให้บริการในระยะต่อไปได้ ขณะเดียวกันถ้าเกิดความประมาททำให้จำนวนตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น ก็จะยังไม่สามารถเปิดให้บริการในระยะต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านนวด หากต้องการอยู่ในระยะที่ 3 ให้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรการหลักทั้ง 5 ข้อ รวมถึงการเพิ่มมาตรการอื่น ๆ เพื่อความปลอดภัยได้ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของกิจการตนเอง ให้มั่นใจได้ว่าหากมีการเปิดให้บริการแล้ว กิจการของตนจะไม่เป็นที่แพร่กระจายของเชื้อได้อย่างแน่นอน

จากกรณีการเปรียบเทียบระหว่างการเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้า ขณะที่สถานศึกษายังไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า สถานศึกษาและห้างสรรพสินค้ามีความแตกต่างกัน โดยห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีกิจการหรือกิจกรรมที่มีมาตรการต่าง ๆ ในการดูแลแนะนำเพื่อความปลอดภัยแก่ผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะที่การศึกษาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แต่มีความต่างกันที่กลุ่มของเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบาง มีความเสี่ยง โดยตามลักษณะของเด็กที่ชอบเล่น สัมผัสกัน รวมทั้งโรคประจำตัวที่อาจจะทำให้ได้รับเชื้อต่าง ๆ ได้โดยง่าย ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวที่เป็นช่วงหน้าฝน เกิดการเปลี่ยนของฤดูกาลอาจจะทำให้เกิดไข้หวัดได้ และซึ่งหากเด็กมีการสัมผัสกันทำให้ได้รับเชื้อต่าง ๆ อาจมีความเสี่ยงนำไปติดผู้สูงอายุที่บ้านทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นมาตรการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น นักวิชาการได้ทำการศึกษากันมาอย่างดี รวมถึงชุดข้อมูลจากต่างประเทศที่เกิดขึ้นจากการศึกษาทั้งหมด ดังนั้น จุดที่มีความเสี่ยงจะต้องชะลอการเปิด เมื่อมั่นใจก็สามารถเปิดได้ ทั้งนี้ การเรียนต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกจุด รวมถึงพัฒนาการของเด็กที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ถึงแม้ว่าจะมีความติดขัดในเรื่องของผู้ปกครองที่ต้องดูแล แต่ขณะนี้มาตรการต่าง ๆ กำลังเริ่มผ่อนคลายและหาทางกลับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเราทุกคนต้องยอมรับ ปรับตัว เพื่อความปลอดภัยและปลอดโรค

ขณะเดียวกันการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) ยังคงเป็นมติของคณะรัฐมนตรี โดยจากการประชุม ศบค. ที่ผ่านมา ผอ. ศบค. ยังยืนยันว่าการปฏิบัติงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างน้อย 50% ขึ้นไป เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งการเหลื่อมเวลาปฏิบัติงานที่จะต้องมีหลายช่วงเวลา ยืนยันมาตรการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างมาก ขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ให้ปฏิบัติต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมาตรการดังกล่าวเป็นชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องอยู่กับเราไปอีกนาน

ในตอนท้าย โฆษก ศบค. กล่าวว่า การร่วมมือของทุกคนจะทำให้เรามีชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุขได้ด้วยกัน ขณะเดียวกันการ์ดอย่าตก พร้อมแนะวิธีสวมใส่หน้ากากที่ถูกต้องให้ครอบคลุมทั้งจมูกและปาก โดยไม่ควรปรับลงมาไว้ใต้คางซึ่งล้วนไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น

....................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ