นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เผย ตามที่ กรมการจัดหางาน มีนโยบายในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ อย่างมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งส่งเสริมการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศที่มีศักยภาพ มีโอกาสได้รับการพัฒนาทักษะฝีมือ
เพื่อนำกลับมาใช้ในประเทศโดยเฉพาะในสาขาที่มีความจำเป็นต่อการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ขณะนี้ (ตุลาคม 2562-เมษายน 2563) ส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศแล้ว 47,368 คน คิดเป็นร้อยละ 47.37 ของเป้าหมายจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศที่ตั้งไว้ 100,000 คน โดยจัดส่งไปทำงานไต้หวันมากที่สุด 14,071 คน รองลงมาคือ สาธารณรัฐเกาหลี 5,755 คน มาเลเซีย 5,059 คน ญี่ปุ่น 4,481 คน และ อิสราเอล 3,273 คน สร้างรายได้เข้าประเทศ 76,362 ล้านบาท ซึ่งหากประเทศไทยสามารถส่งแรงงานไทยได้ตามเป้าหมาย จะมีรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 140,000 ล้านบาท นับเป็นแนวทางในการส่งเสริมการมีงานทำที่สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้จำนวนมาก
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอาจต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการมากกว่าเดิม และการปฏิบัติงานต่างๆ ของกรมการจัดหางาน ได้ดำเนินการอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรค และประกาศกำหนดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอย้ำให้แรงงานไทยที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน นายสุชาติฯ กล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th