วันนี้ (1 มิ.ย. 63) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 2503 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการรับฟังข้อเสนอปัญหาที่ตัวแทนกลุ่มก้าวหน้าค้าสลากและเครือข่ายแผงลอยได้รับผลกระทบจากการขยายเวลา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิค-19 ในประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนที่มีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ผู้ค้าประสบปัญหาในเรื่องสถานที่ขายหรือการเช่าพื้นที่ที่มีราคาแพง ซึ่งวันนี้ ได้มีการหารือกันและความพยามยามติดต่อพื้นที่ขายต่าง ๆ ทั้งตลาด ปั๊มน้ำมันและห้างสรรพสินค้า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยได้มีพื้นที่ขาย กรณีกลุ่มเครือข่ายค่าแผงลอยร้องเรียนให้กรุงเทพมหานครผ่อนผันเพิ่มอีก 26 จุด ซึ่งปัจจุบัน กทม. ได้ผ่อนผันเพียง 3 จุด ทำให้ผู้ค้าแผงลอยได้รับความเดือดร้อน โดยผู้ค้าแผงลอยยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามข้อระเบียบของกทม. แล้ว และผู้ค้าแผงลอยต้องการมีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการติดตามเรื่องประชาพิจารณ์ ด้วย นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือกรณีผู้ค้าตลาดบางแคอาจจะถูกให้ย้ายไปอยู่ที่เพชรเกษม 69 ซึ่งห่างออกจากที่เดิม 10 กิโลเมตร โดยประมาณ ซึ่งกทม. ชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นด้านการจราจร ความสะอาดหรืออาจนำพื้นที่แผงลอยเป็นเซ้งต่อ ส่วนการเปิดแผงลอยบริเวณไหนอย่างไร จะมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นมีส่วนร่วมด้วย กรณีผู้ค้าตลาดบางแคนั้น กทม.ได้รับแจ้งจากตำรวจนครบาลว่า พบปัญหาการจราจรจากกรณีมีแผงลอยจำนวนมากอยู่บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบางแค มีรถส่งของจอดอยู่ริมถนน ทำให้จราจรติดขัด
โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบความเดือดร้อนของประชาชนและได้มอบหมายให้ตนมาเป็นประธานในการประชุมทั้งในส่วนของผู้ค้าสลากและผู้ค้าแผงลอยในครั้งนี้ เบื้องต้นได้เสนอแนวทางให้เทศกิจพิจาณานำผู้ค้าแผงลอยเข้ามามีส่วนร่วมในการทำประชาพิจารณ์ โดยอาจเป็นกรรมการหรือเป็นผู้สังเกตการณ์ สำหรับการพิจารณาจุดเปิด/ปิดจุดผ่อนผันนั้น ขอให้กทม.แจ้งให้ผู้ค้าทราบด้วย ซึ่งจะนำผลการหารือวันนี้ กราบเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแนวทางแก้ไขต่อไป
**********************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th