วันนี้ (14 ก.ค. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ (14 ก.ค. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงภารกิจเดินสายพบปะสื่อมวลชน พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนักพิมพ์ที่เป็นตัวกลางสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์การทำงานของรัฐบาลเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีการขาดแคลนน้ำในการทำการเกษตร ในพื้นที่ จ.อ่างทองนั้น พบปัญหาเนื่องจากฝนแล้งในฤดูฝนทำให้ไม่มีน้ำในแหล่งกักเก็บน้ำทำให้ขาดแคลนน้ำต้นทุน ซึ่งการทำการเกษตรจำเป็นต้องใช้น้ำจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกรมชลประทานเร่งช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน เร่งหาแหล่งน้ำส่วนอื่นทดแทนทั้งน้ำบนดิน ใต้ดิน รวมทั้งดูแลน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคอย่างทั่วถึงด้วยแล้ว โดยดูแลทั้งในพื้นที่ชลประทานและพื้นที่นอกชลประทานด้วย ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ประเทศจีนนั้น ยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อลุ่มแม่น้ำโขงเนื่องจากเป็นคนละลุ่มน้ำกัน โดยในช่วงบ่ายนี้ นายกรัฐมนตรียังเตรียมหารือทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสครบรอบ 45 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางทูตไทย – จีน โดยจะได้พูดคุยกันในหลายมิติทั้งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและมาตรการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของทั้งสอง ประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรีชี้แจงกรณีโรงเรียนบ้านตาพวนสร้างแซ่ง จ. มหาสารคาม ที่ถูกรื้ออาคารเรียนและถูกระงับการจัดสรรงบประมาณเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 (กมธ.) ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการหาสถานที่เรียนทดแทนไปก่อน สำหรับงบประมาณด้านสาธารณสุขนั้น ได้เตรียมพร้อมไว้เพื่อรองรับหากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ การจัดหาอุปกรณ์เวชภัณฑ์ การวิจัยวัคซีน หากมีงบประมาณเหลือก็จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาล หรือศูนย์สุขภาพต่าง ๆ ตามพื้นที่ในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงจัดลำดับโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนก่อน อาทิ โครงการแก้ไขปัญหาดินจากการขุดลอก บึงสีไฟ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญ รวมทั้งให้กรมเจ้าท่าจัดการบริหารการขนย้ายดินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเช่นโครงการร่วมจ่าย 40/60 และเตรียมมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 เมือง ทั้งความพร้อมสถานประกอบการ ที่พัก หากมีการใช้จ่ายก็จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงเตรียมแผนการจ้างงานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ ที่ต้องผ่านการอบรมก่อนจะลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเน้นย้ำกระทรวงแรงงานและกระทรวงต่าง ๆ ให้นำงบประมาณไปใช้สำหรับการจ้างงานให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ ทั้งขุดลอกบ่อ เข้าไปดูแลบ้าน วัด โรงเรียน ชุมชน รวมทั้งเตรียมพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน แต่ทั้งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ตามแนวคิด “รวมไทยสร้างชาติ”
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การกระจายรายได้ ซึ่งยอมรับว่ารัฐบาลยังต้องทำอีกมากและจะต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ดูแลทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียม ซึ่งรัฐบาลยังร่วมกับรัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ในการทำจิตอาสา CSR ให้ช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบของการจ้างงานด้วย
..............
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th