วันนี้ (วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563) เวลา 08.40 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายทาเคทานิ อัทสึชิ (Mr. TAKETANI Atsushi) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO) กรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมคารวะ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสรุปการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งแรกของปี 2563 สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบประธานเจโทรอีกครั้ง พร้อมทั้งขอบคุณเจโทรที่รายงานผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทยทุก ๆ ครึ่งปีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายงานดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลไทยในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับความต้องการของภาคเอกชน โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งเป็นคู่ค้าและนักลงทุนที่สำคัญของไทย ตลอดจนขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่นที่ร่วมบริจาคเงินและสนับสนุนเวชภัณฑ์เป็นส่วนช่วยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และช่วยให้มาตรการในการควบคุมโควิด-19 ของไทยสำเร็จ และสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรที่แน่นแฟ้นแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ประธานเจโทรขอบคุณรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าพบในวันนี้ ชื่นชมการดำเนินมาตรการของไทยในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพได้รับการยอมรับ ซึ่งทำให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่าไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัย โดยเอกชนญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนการดำเนินมาตรการของไทยดังกล่าว นอกจากนี้ จากผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่านักลงทุนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทยและมีแนวโน้มขยายการลงทุนต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนญี่ปุ่นมุ่งหวังว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายต่อสถานการณ์โควิด-19 ของทั้งสองประเทศ ซึ่งไทยชื่นชมข้อริเริ่มของรัฐบาลญี่ปุ่นในการทดลองผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองให้กับนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญจากไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะต้องให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันโรคเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลตั้งใจทำงานเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้ดีที่สุด ให้ความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ที่มา: http://www.thaigov.go.th