รองนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตรฯ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาน้ำ สั่งการทุกหน่วยงานช่วยกัน ขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้ประชาชนมีน้ำใช้เพียงพอ

ข่าวทั่วไป Wednesday July 22, 2020 14:14 —สำนักโฆษก

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาน้ำ สั่งการทุกหน่วยงานช่วยกันขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคใช้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (22 ก.ค.63) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/2563 โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ เข้าร่วมประชุมด้วย ผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ประชุมได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำปี 2564 ตามร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี พ.ศ. 2564 โดยแยกตามมิติงบประมาณ 3 ด้าน คือ ภารกิจพื้นฐาน (Function) ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ (Agenda) และภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด (Area) ดำเนินการโดย 30 หน่วยงาน 10 กระทรวง มีโครงการด้านน้ำทั้งประเทศรวม 27,275 โครงการ และแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติในการจัดทำแผนงานและจัดทำคำของบประมาณในแต่ละปีได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทน้ำฯ ทั้ง 6 ด้านโดยเร็ว รวมทั้งให้ความเห็นชอบแผนงานโครงการจัดหาน้ำต้นทุนและแผนปฏิบัติการ ปี 2563 - 2566 จังหวัดภูเก็ต โดยแผนระยะสั้นดำเนินการใน 3 โครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่เกิดเป็นประจำทุกปีอย่างเร่งด่วน ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ โครงการบำบัดน้ำเสียมาผลิตน้ำประปา และโครงการระบบสูบผันน้ำ บ้านโคกโตนด – อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ พร้อมเห็นชอบในหลักการแผนบูรณาการอุตุนิยมวิทยาเขตร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์อากาศและภูมิอากาศ ซึ่งจะส่งผลทำให้การพยากรณ์อากาศมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยในระยะสั้นมีความแม่นยำมากกว่า 90% ระยะปานกลางมากกว่า 80% และระยะนานมากกว่า 70% รวมทั้งยังให้ความเห็นชอบการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำทั้งระบบด้วย

อีกทั้งที่ประชุมเห็นชอบทบทวนเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ซึ่งดำเนินการได้ภายในปี 2566 รวม 557 โครงการ โดยมอบหมายให้หน่วยงานนำโครงการที่มีความจำเป็นเป็นกรอบในการจัดทำแผนงานโครงการเข้าสู่กระบวนการขอรับงบประมาณต่อไป รวมทั้งเห็นชอบให้มีการปรับปรุงเร่งรัดแผนงานก่อสร้าง 14 โครงการสำคัญ ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563 - 2580) อาทิ โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล แผนเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2566 โครงการพัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาลสำหรับอุตสาหกรรม แผนเริ่ม ปี 2564 - 2565 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เครือข่ายผันน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำเดิม เป็นต้น โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา EEC ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้านน้ำ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันในการจัดหาน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอ โดยเฉพาะขณะนี้น้ำในอ่างและเขื่อนมีปริมาณน้อย เนื่องจากฝนตกน้อยและไปตกท้ายเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเป็นส่วนมาก ดังนั้นต้องหาวิธีที่จะนำน้ำท้ายเขื่อนมาเก็บไว้ในอ่างและเขื่อนให้ได้ รวมถึงให้เตรียมน้ำสำรองไว้ในการผลิตน้ำประปาให้เพียงพอ ตลอดจนน้ำอุปโภคบริโภค และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในส่วนภาคอุตสาหกรรมก็ต้องมีการจัดหาและเตรียมน้ำไว้ใช้ในอุตสาหกรรมของตนเองด้วย จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันขับเคลื่อนให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเมื่อโครงการใดได้รับงบประมาณแล้วต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแผนและติดตามการดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้ หากโครงการใดติดปัญหาให้เร่งหาสาเหตุและให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนให้ได้อย่าให้ประชาชนต้องรอ หรือได้รับความเดือดร้อนจากการใช้น้ำจนเกิดการแย่งชิงน้ำกันเกิดขึ้นอีก อีกทั้งให้เร่งดำเนินการจัดหาน้ำต้นทุนในพื้นที่ จังหวัดภูเกต โดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ให้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงฤดูฝนนี้ (ส.ค.-ก.ย.) หากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ให้กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแจ้งเตือนประชาชนได้รับทราบ เพื่อจะเร่งช่วยเหลือประชาชนและขนย้ายทรัพย์สินได้ทันเวลา

พร้อมทั้ง รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเกี่ยวกับแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ทั้งระบบทั้งการกักเก็บน้ำใต้ดิน บนดิน น้ำบาดาล น้ำอุปโภคบริโภค ตลอดจนการเตรียมสำรองน้ำไว้สำหรับการผลิตน้ำประปาให้เพียงพอ ทั้งนี้การดำเนินการทุกโครงการของหน่วยงานต่าง ๆ ต้องให้สอดคล้องกับการใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรมและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และรายงานความคืบหน้าให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับทราบต่อเนื่องเพื่อนำเสนอให้รองนายรัฐมนตรีรับทราบต่อไป

------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ