นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนร่วมทำความดี ฟื้นฟูป่า ปลูกป่า ปลูกต้นไม้พร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563

ข่าวทั่วไป Friday July 24, 2020 13:41 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนร่วมทำความดี ฟื้นฟูป่า ปลูกป่า ปลูกต้นไม้พร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563

วันนี้ (24 ก.ค.63) เวลา 09.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ ซึ่ง พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมกว่า 1,000 คน ให้การต้อนรับและเข้าร่วมงาน จัดโดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563

เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงบริเวณงาน ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ “โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า” พร้อมชมวิดีทัศน์สรุปแนวทางการฟื้นฟูป่า รักษาต้นน้ำ และควบคุมไฟป่า จบแล้ว นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ จากนั้น นายกรัฐมนตรีถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี แล้วนายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ความว่า

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่มาชุมนุมพร้อมเพรียงกัน ณ มณฑลพิธีแห่งนี้ ล้วนมีความปลาบปลื้มปีติโสมนัสเป็นล้นพ้นในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ได้เวียนมาบรรจบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 อีกคำรบหนึ่ง

ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ต่างชื่นชมในพระบุญญาบารมีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้อุทิศกำลังพระวรกาย พระปัญญา และพระราชทรัพย์ปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระราชวิริยอุตสาหะและพระปรีชาสามารถ เพื่ออำนวยประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎร์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผองพสกนิกรผู้ยากไร้ให้มีงานอาชีพพึ่งพาตนได้ ทรงส่งเสริมและรักษาภูมิปัญญาไทย ตลอดจนสร้างความตระหนักในหมู่ประชา ให้ร่วมกันพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าไว้ให้ยั่งยืน พระราชหฤทัยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาเป็นที่ประจักษ์ประทับอยู่ในใจของพสกนิกรก่อให้เกิดความสงบสุขร่มเย็น และความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างอเนกอนันต์ ในโอกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำพสกนิกรทั้งหลาย ที่อยู่ในบริเวณมณฑลพิธีแห่งนี้ ถวายพระพรชัยมงคล ดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดอภิบาลและดลบันดาลประทานพร ให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเกษมสำราญ พระราชหฤทัยชื่นบาน มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเกียรติคุณขจรขจายแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตลอดจิรัฐิติกาลเทอญ” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีจอมราชา กับผู้ร่วมงาน จบแล้ว นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวรายงานโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดโครงการฯ สรุปสาระสำคัญว่า การจัดกิจกรรมโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าในวันนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ทุกคนจะได้ร่วมกันแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทรงมีพระปฐมบรมราชโองการแก่ประชาชนชาวไทย “เราจะสืบสาน รักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” สะท้อนถึงพระราชปณิธานและพระราชหฤทัยอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญในเรื่องน้ำและป่า เนื่องจากการสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำเป็นสาเหตุหลักที่แท้จริงของปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยได้พระราชทานแนวพระราชดำริตลอดจนพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว และยั่งยืน จึงมีพระมหากรุณาธิคุณมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับทุกหน่วยงาน เพื่อร่วมดำเนินการโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า

รัฐบาลได้น้อมนำแนวพระราชดำริในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรป่าไม้ มาใช้เป็นแนวทางการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบาย โดยผลการดำเนินงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2557 จนถึงปัจจุบันได้หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพล และยึดคืนพื้นที่ป่าไม้ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้น้อมนำแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้โดยให้คนอยู่กับป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน และส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ซึ่งผลสัมฤทธิ์จากทรัพยากรป่าไม้และพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้น จะส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอให้ประชาชนช่วยกันปลูกไม้มีค่า 58 ชนิด ในพื้นที่ในบ้าน ในไร่นา หรือในพื้นที่ที่มีโอกาสที่จะปลูก เพื่อจะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในด้านการเงินกับธนาคารได้ในอนาคตให้กับลูกหลาน โดยให้ขึ้นบัญชีรับการตรวจสอบให้เรียบร้อยในทุก ๆ ปี เพราะต้นไม้ที่ปลูกนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งขอให้ช่วยกันรักษาไว้ และขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขึ้น แสดงให้เห็นว่าทุกคนได้ตระหนักถึงปัญหาสภาพแวดล้อม และมีความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ ที่นับวันพื้นที่ป่าไม้มีจำนวนลดลงทุกขณะ รวมทั้งขอบคุณจิตอาสาทุกคนที่ได้เข้าร่วมในกิจกรรม ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างที่จะทำให้ประชาชนทั่วประเทศเกิดความตื่นตัว ตระหนักถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ เป็นการปลูกป่าที่ได้น้ำ และประชาชนมีอาชีพ คนสามารถอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน ควบคู่กับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการจัดหาที่ดินของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ให้ทุกคนมีพื้นที่ดินทำกินในอนาคต ในการนี้รัฐบาลจึงขอเชิญชวนทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร และประชาชนทุกคน ตลอดจนภาคธุรกิจ ได้ช่วยกันกระทำความดีโดยการฟื้นฟูป่า ปลูกป่า และปลูกต้นไม้อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 และจะต้องร่วมมือกันต่อไปตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติของรัฐบาลที่ทุกคนมีส่วนร่วม

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมปลูกต้นสัก ปลูกกล้วยไม้ (เขากวางอ่อน) พร้อมกับ ชมฝายชะลอน้ำ และทำโป่งเทียม โดยนายกรัฐนตรีได้ทักทายกับประชาชน จิตอาสาตลอดการทำกิจกรรม แล้วออกเดินทางจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี ไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี เพื่อเข้าร่วมประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด

สำหรับพิธีเปิดโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ 77 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร โดยมีพิธีเปิดโครงการหลัก ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกฟื้นผืนป่าเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สร้างความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ สังคม และเศรษฐกิจ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าและพื้นที่รอบเขตป่าให้สามารถอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน โดยมีหลักการดำเนินงานประยุกต์แนวพระราชดำริ “คนอยู่กับป่า” ในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าต้นน้ำและชุมชน ให้สอดคล้องกับภูมิสังคม ฟื้นฟูดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม ตามลักษณะภูมิสังคมเพื่อสร้างและฟื้นคืนระบบนิเวศต้นน้ำ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อฟื้นคืนระบบนิเวศป่าต้นน้ำและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำหลาก และอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำหลักของประเทศรวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนและดำเนินการป้องกันไฟป่า

ลักษณะพื้นที่เป้าหมายโครงการ คือ 1) พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 และ 2 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของประเทศที่เสื่อมโทรม และ/หรือถูกบุกรุกจากนายทุน 2) พื้นที่ป่าชุมชน ป่าพรุ และป่าชายเลนที่มีชุมชนอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์ รวมทั้งพื้นที่สีเขียวนอกเขตป่า 3) พื้นที่ต้นน้ำในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 และ 2 นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ที่เสื่อมโทรมและเป็นสาเหตุของปัญหาภัยแล้ง น้ำหลาก และน้ำท่วม มีเป้าหมายจำนวนพื้นที่ปลูกป่าและฟื้นฟูป่า ในปี 2563 – 2570 ให้มีพื้นที่ป่าที่ได้รับการฟื้นฟู และมีพื้นที่สีเขียวนอกเขตป่าภายใต้โครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่าเพิ่มขึ้น รวมจำนวนไม่ต่ำกว่า 2.68 ล้านไร่ ใน 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ ให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงในคุณภาพชีวิตของชุมชนทั้งในและนอกเขตป่า และสามารถลดผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้จากการที่มีพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น

----------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ