วันนี้ (19 สิงหาคม 2563) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 2/2563 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินเป้าหมาย 300,000 ตัน ภายในเดือนมีนาคม 2564 เพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินและรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ ด้วยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ อาทิ ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บและรักษาคุณภาพ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ในอัตราไม่เกิน 2.00 บาทต่อกิโลกรัมน้ำมันปาล์มดิบ ให้แก่ผู้ที่ส่งออกน้ำมันปาล์มตามโครงการฯ โดยให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เสนอขอใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 600 ล้านบาท และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาเรื่องการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ระยะที่ 2 ในปี 2563 – 2564 เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถมีรายได้ จากการขายผลผลิตที่มีคุณภาพ และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันจากปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ โดยมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562 – 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างอัตราประกัน รายได้ (4.00 บาท/กก.) กับราคาตลาดอ้างอิงให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยตรงครบแล้ว รวม 9 งวด ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2563 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินเข้าบัญชีของเกษตรกร รวมจำนวน 375,202 ครัวเรือน วงเงิน 6,729.57 ล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 51.77 ของวงเงินงบประมาณ (13,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการใช้เงินที่น้อยกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้
สำหรับสถานการณ์ปาล์มน้ำมันภายในประเทศ ผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีปริมาณ 9.271 ล้านตัน ลดลงจากปริมาณ 9.609 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปี 2562 และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.81 โดยในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน คาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดประมาณ 1.367 ล้านตัน และ 1.348 ล้านตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตามแม้ภาวะการค้าชะลอตัวลงในช่วงเดือนเมษายน 2563 เนื่องได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ราคาผลปาล์มทะลาย (อัตราน้ำมัน 18%) ปรับลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย กิโลกรัมละ 3.18 บาท แต่จากที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดของ มาตรการป้องกันการระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ถึงเดือนมิถุนายน 2563 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มโดยภาพรวมทั้งการบริโภคและพลังงานเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน (14 ส.ค. 63) ราคาผลปาล์มทะลาย (18%) ในแหล่งผลิตสำคัญ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.20 - 4.00 บาท ราคาน้ามันปาล์มดิบตลาดกรุงเทพฯ เฉลี่ย กิโลกรัมละ 20.00 - 20.50 บาท
พร้อมทั้งที่ประชุมได้ย้ำให้ทุกฝ่ายช่วยกันดำเนินการที่จะดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากตลาดเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ควบคู่กับการดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินเป้าหมาย 300,000 ตัน ที่กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการ และเร่งให้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วฐานของประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลในประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยมีการส่งเสริมโดยใช้มาตรการจูงใจด้านราคา โดยกำหนดราคา บี10 ให้ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี7) ปัจจุบันส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร
-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th