วันนี้ (24 ส.ค. 63) เวลา 13.30 น. ณ ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา – มาบตาพุด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสาธิต ปุติเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมในพิธี และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ผู้บริหารกรมทางหลวง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีกดปุ่มเปิดด่านมอเตอร์เวย์ พัทยา –มาบตาพุดขาเข้า โดยได้มีการปล่อยขบวนรถยนต์จำนวน 100 คันแรกเข้ากรุงเทพมหานคร พร้อมกล่าวว่า เส้นทางสายนี้เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายประวัติศาสตร์สายแรกของประเทศไทยที่เชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตลอดจนเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม เขตพื้นที่ผลิตสินค้าการเกษตร และสินค้าประมงของประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่มีความสำคัญต่อระบบคมนาคมขนส่งระหว่างภาคกลางและภาคตะวันออกโดยเฉพาะภาคการส่งออกที่จะสามารถเชื่อมโยงไปสู่ประตูการค้าระหว่างประเทศ และยังพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจของภาคตะวันออกไปสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการคมนาคมขนส่งของประเทศและภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญที่จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยได้มีการวางแผนงบประมาณ การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบการจ่ายงบประมาณ อีกทั้งยังต้องทำต่อเนื่องเชื่อมโยง และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม และขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานสากล เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและลดระยะเวลาการเดินทาง ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญที่จะเกิดได้ทุกจังหวัดเพื่อความยั่งยืน คือถนนเส้นทางในการเข้าถึงโอกาสแห่งความเข้าเท่าเทียม การดูแลผู้เดือดร้อน การดูแลผู้มีรายได้น้อย คือการสร้างความเป็นธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องช่วยกันเพื่อให้ทั้งสองอย่างนี้ไปด้วยกันได้ พร้อมกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ ภาคธุรกิจ และประชาชนในพื้นที่ที่เสียสละที่ดิน รวมทั้งผลักดันโครงการจนกระทั่งสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในวันนี้ ตามแนวทาง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่รัฐบาลมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งคาดหวังว่า ทุกคนจะมีความรัก ความหวงแหน ความสามัคคีกัน ร่วมทำเพื่อประเทศชาติ
****************
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th