วันนี้ (25 ส.ค.63) เวลา 13.30 น. ณ โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกที่จังหวัดระยอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอีกแห่งหนึ่งว่ามีความปลอดภัยมี 100% เพราะทุกคนให้ความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเหมาะสมทั้งเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า รวมถึง Social Distancing ทั้งนี้หลายเรื่องที่พบว่ามีปัญหาก็ต้องเร่งแก้ไขขจัดให้ได้โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การหาแนวทางให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นโดยเร็วหรือให้ใกล้เคียงกับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้จังหวัดระยองก็มีความคึกคักมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านสาธารณสุขจนเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศจึงขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นในเรื่องนี้ และช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกันทั้งเศรษฐกิจ และสุขภาพ “รวมใจไทยสร้างชาติ”
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกับทุกภาคส่วนและพิจารณาหลายเรื่องโดยเฉพาะ เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มจังหวัดฯ ได้ขอสนับสนุนงบประมาณ 4 ด้านสำคัญ คือ ด้านที่ 1 การท่องเที่ยว การเกษตร ได้แก่ 1) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ/เชิงสร้างสรรค์จำนวน 2 โครงการ (1) โครงการป่าชายเลนในเมืองจังหวัดระยอง ป่าชายเลน พระเจดีย์ กลางน้ำอัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง (ระยะที่ 2) (2) โครงการปรับปรุงและฟื้นฟูเมืองเก่าระยอง 2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการก่อสร้างถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ ระยะที่ 2 ถนนเลียบชายฝั่ง ทะเล (ถนนท่องเที่ยว) (2) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดง ตามพระราชดำริจังหวัดระยอง (ระยะที่ 3) (3) โครงการจ้างศึกษาออกแบบเพื่อพัฒนาพื้นที่ศูนย์บริการ ท่าเทียบเรือ ท่าหน้าบ้าน ลานอเนกประสงค์ริมทะเล วัดใหม่สำราญ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเขื่อนกันคลื่น บริเวณท่าเทียบเรือท่าหน้าบ้าน เกาะล้าน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และด้านการเกษตร จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร กิจกรรมก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง
ด้านที่ 2 การบริหารจัดการน้ำทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 10 โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเขาจอมแห – เขานั่งยอง ตำบลมะขามคู่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบบ้านพลูตาหลวง ตำบลพลูตาหลวง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำหนองกระทิง โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะพง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในคลองท่าลาด ฯลฯ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในระบบบำบัดน้ำเสียพื้นที่พัทยานาเกลือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบป้องกันน้ำท่วม ถนนสุขุมวิท และถนนเลียบทางรถไฟ
ด้านที่ 3 การพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการยกระดับระบบบริการสุขภาพรองรับโรคอุบัติใหม่ในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก 1 และพื้นที่ใกล้เคียง โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โครงการก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติตากสินแกลง (ระดับประถมศึกษา) โรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง โครงการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ จังหวัดระยองในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง
และด้านที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 12 โครงการ ซึ่งหลายโครงการอยู่ในแผนงานโครงการที่ต้องดำเนินการในปี 2564/65 อยู่แล้ว แต่ก็มีหลายโครงการต้องปรับแผนงานโครงการและงบประมาณให้เหมาะสมตามลำดับความเร่งด่วน ให้สอดคล้องกับการดำเนินโครงการของ EEC รวมทั้งมีการวางแผนดำเนินการไว้รองรับสำหรับอนาคตด้วย
นายกรัฐมนตรี ย้ำทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการทีละขั้นตอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์ข้างหน้าอย่างคลี่คลายก็จะสามารถทำได้ทั้งหมดตามแผนที่วางไว้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกดีใจได้พบปะกับนักเรียนและศึกษา ซึ่งข้อเสนอก็สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล เช่น อาชีพ รายได้ สิ่งแวดล้อม การปรับปรุงระบบการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร การลดเวลาเรียนและเพิ่มกิจกรรมเรียนรู้ต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าระบบการศึกษาไทยไม่ได้เลวร้าย เพราะยังมีโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปได้ และคนไทยเป็นคนเก่ง ขณะนี้หลายเรื่องรัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ผ่านกลไกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเฉพาะต้องสร้างคนเตรียมการไว้สำหรับในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เช่น โครงการ EEC SEC ซึ่งเป็นการดำเนินการสืบสานรักษาต่อยอดระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า ยืนยันรัฐบาลรับฟังเสียงสะท้อนของนักเรียนและสังคม ทั้งโดยตรง และผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเรื่องของเกษตรกร การบริหารจัดการน้ำ ภัยแล้งและน้ำท่วม ความขัดแย้ง การต่างประเทศ และการค้าการลงทุน เป็นต้น
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ฝากถึงการดำเนินการทุกอย่างจะสำเร็จได้ทุกคนต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ลำพังเพียงนายกรัฐมนตรีฝ่ายเดียวคงไม่สามารถทำได้ ยืนยันรัฐบาลใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวังที่สุดและไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงฝากทุกคนและสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในสังคมปัจจุบันช่วยกันทำให้บ้านเมืองและสังคมเกิดความสงบสุข และสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
--------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th