วันนี้ (26 ส.ค.63) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2563 (Prime Minister’s Export Award 2020) ซึ่งถือเป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจของประเทศและเป็นขวัญกำลังใจผู้ประกอบธุรกิจส่งออก โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหาร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลในประเภทต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 37 รางวัลจาก 34 บริษัท ประกอบด้วย 1) รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter) จำนวน 9 รางวัล 2) รางวัลสินค้านวัตกรรมยอดเยี่ยม (Best Innovation) จำนวน 3 รางวัล 3) รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand) จำนวน 7 รางวัล 4) รางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จำนวน 7 รางวัล 5) รางวัลสินค้าธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise Award) จำนวน 5 รางวัล ในสาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟต์แวร์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์การค้า 6) รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณท์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) จำนวน 2 รางวัล และ7) รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal) จำนวน 4 รางวัล
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการทุกสาขาก็สามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ ให้สอดคล้องกับการดำเนินวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New normal) ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ขอให้รักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย สมกับที่ได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจดีเด่น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาของผู้ประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าและบริการ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนผลักดันการค้าระหว่างประเทศแบบเชิงรุก สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในการพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สินค้าและบริการของตนเองมีคุณภาพและมีมาตรฐาน สามารถส่งออกไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศว่า ต้องเร่งส่งเสริมผลิตสินค้าแบรนด์ไทยไปต่างประเทศให้มากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ พร้อมกับการดูแลพนักงานอย่างเหมาะสมให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ สิ่งสำคัญทุกภาคส่วนในสังคมทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน หรือ New Normal และนำวิกฤติมาเป็นโอกาสของตนเองและประเทศไทยซึ่งมีทรัพยากรที่มากเพียงพอในการนำมาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และสิ้นค้าในทุกมิติ ทั้งเรื่องเกษตรกรรรม อาหาร เครื่องสำอาง รวมทั้งนำงานวิจัยที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องของ BCG ผลิตภัณฑ์ที่มาจากวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ เช่น จากการเกษตรอื่น ๆ ขณะเดียวกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม สร้าง Story เรื่องราวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะเน้นพัฒนาที่สินค้าที่มีความจำเป็นและใช้ในชีวิตประจำวันจะทำให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ผลประกอบการของผู้ประกอบธุรกิจมีความสิ่งสำคัญในการนำรายได้จากการเก็บภาษีมาพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาการลดความเลื่อมล้ำต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจผู้ประกอบการทุกคนมุ่งมั่นสร้างสรรค์ พัฒนา และขับเคลื่อนภาคธุรกิจของไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ PM Export Award ทั้ง 7 ประเภทที่ได้รับรางวัล และยังได้ให้กำลังใจกับผู้ประกอบการ ในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจ เพื่อร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาภาคการส่งออกของไทยให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th