วันนี้ (24 ก.ย.63) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ ณ ห้องดอยตุง โรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมการประชุม โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการรายงานสรุปผลการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2563 และแผนการดำเนินงาน ปี 2564 จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมรับฟังการนำเสนอโครงการฟื้นฟูต้นน้ำ “ฝายตามแนวพระราชดำริ” จากผู้แทนเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาจังหวัดเชียงราย พร้อมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณฯ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน สนับสนุนการดำเนินงานบูรณาการ การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ภายใต้โครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในทุกมิติและพัฒนาต่อยอดมาตลอด ทั้งเทคโนโลยีภาพถ่ายที่มีหน่วยทหารเข้ามาร่วมดำเนินการ โดยสนับสนุนจัดหางบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่จะทำให้ไม่มีการจุดเผาป่านั้นยาก แต่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา ต้องมีกฎหมายที่ใช้ควบคุมเพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ทั้งนี้ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภาคเหนือ โดยเฉพาะในปี 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นอันตรายกับสุขภาพของคนทุกวัยโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ จึงจำเป็นที่จะต้องลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กลงให้ได้มากที่สุด ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกัน โดยในปี 2564 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานกองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมทั้งให้หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ดูแลสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ต้องตั้งเป้าหมายในเชิงปริมาณและคุณภาพไปพร้อมกัน โดยต้องขจัดต้นตอของการเผาป่าที่เกิดจากวิถีชีวิตของชาวบ้าน หาพื้นที่ให้ชาวบ้านทำการเกษตร ขณะที่ต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ทั้งนี้ เป้าหมายตัวชี้วัดด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปี 2564 คือ ต้องลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อไปดูเรื่องการขุดแหล่งน้ำต่าง ๆ ขณะที่การมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น ต้องให้เขารับรู้ว่าทำแล้วได้อะไร โดยจะต้องสร้างการรับรู้และความตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งทางเศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน ผ่านภาษาถิ่น ภาษาชาวบ้านด้วย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ที่ได้มอบหมายให้โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดหลักสูตรอบรม “จิตอาสา” ตามโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นผู้ประสานกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นผู้นำในการปลูกป่า ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และป้องกันไฟป่า พร้อมกับขอให้ทุกจังหวัดประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และจัดตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ เครือข่ายจิตอาสา และประชาชนในพื้นที่
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแนะนำจังหวัดให้นำเทคโนโลยีแอพพลิเคชันการดับไฟป่ามาใช้ ให้หน่วยงานในพื้นที่ร่วมมือกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารงานแบบ Single Command ให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณทุกหน่วยงานและทุกองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยส่งเสริมให้มีการทำงานร่วมกันในทุกระดับและทุกขั้นตอน
.............
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th