วันนี้ (วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2563) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเชวัง โชเฟล ดอร์จี (H.E. Mr. Tshewang Chophel Dorji) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นหน้าที่ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ประจำการในประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดขึ้นในทุกระดับ ทั้งความใกล้ชิดระหว่างราชวงศ์ของทั้งสองประเทศ และความร่วมมือทางวิชาการ อาทิ ด้านการเกษตร การแพทย์ การสาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้ฝากคำถวายพระพรชัยมงคลและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก โดยเชื่อมั่นว่าความปรารถนาดีจากพระราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนของทั้งสองประเทศจะช่วยให้ความสัมพันธ์พัฒนาต่อไปอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกแก่ภูฏานเสมอมา โดยเชื่อมั่นว่ามิตรภาพที่มีระหว่างสองประเทศจะดำเนินต่อไปอย่างแข็งขันและมีศักยภาพ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งที่ได้เดินทางเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ ได้ให้คำแนะนำด้านการพัฒนาการตลาดสินค้าเกษตรแก่ภูฏานทำให้ปัจจุบันได้พัฒนาเห็นผลสำเร็จ ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภูฏาน รวมทั้งยินดีกับความสำเร็จของรัฐบาลไทยในการกำหนดมาตรการจัดการกับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบาย การบริหารจัดการ และการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีของประชาชนชาวไทย
ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสานต่อความร่วมมืออย่างรอบด้าน ทั้งในระดับรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชน โดยเฉพาะความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา ส่งเสริมและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ซี่งนายกรัฐมนตรียินดีต่อความสำเร็จของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ OGOP (The One Gewog One Product) ของภูฏานที่ไทยเป็นต้นแบบในการริเริ่มโครงการ โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนไทยพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อต่อยอดและสนับสนุนสินค้าเกษตร เช่น การส่งออกสินค้าเกษตรผ่านระบบ e-commerce อีกทั้งจะร่วมกันเร่งดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ หู คอ จมูก (Ear Nose Throat-ENT) ในพื้นที่ศูนย์รักษาตาของโรงพยาบาลประจำกรุงทิมพู (Jigme Dorji Wangchuck National Referral Hospital-JDWNRH) ต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th