วันนี้ (14 ตุลาคม 2563) เวลา 08.00 น. ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา (แยกคอกวัว) ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมายนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงวีรชน 14 ตุลา ประจำปี 2563 โดยมี ผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนผู้นำฝ่ายค้าน ผู้แทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้แทนญาติวีรชน 14 ตุลา ผู้แทนนักต่อสู้สิทธิชุมชน ผู้แทนเยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชนร่วมพิธี
โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวรำลึกถึงวีรชน 14 ตุลาว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มีความสำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการเมืองไทยสมัยใหม่ ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบ 47 ปี แห่งเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้กระตุ้นเตือนทุกคนให้รำลึกถึงความกล้าหาญ เสียสละ พลังอันบริสุทธิ์ของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญ และให้ได้มาซึ่งความเป็นประชาธิปไตยที่เคารพความคิดเห็นซึ่งกันและกัน คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมของประเทศและประชาชนเป็นหลัก โดยการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เหล่าวีรชนได้เอาชีวิตเข้าและครั้งนั้น ได้นำประชาธิปไตยให้เติบโตแผ่กิ่งใบไพศาลมาถึงปัจจุบัน และสำนึกอันแรงกล้าของเหล่าวีรชนที่สร้างไว้เป็นแบบอย่าง รวมทั้งได้กระตุ้นเตือนคนรุ่นหลังให้รวมพลังสามัคคี เพื่อดำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตยไว้ให้ยั่งยืนสืบมา
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะต้องหันมาพิจารณาว่าเราใช้สิทธิ เสรีภาพ รวมทั้งหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะคนไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ให้เกิดการมีส่วนร่วมเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาชาติและประชาธิปไตยได้อย่างไร อย่างไรก็ตามยังมีภารกิจอีกมากมายที่ต้องช่วยกันผลักดันที่จะให้ประชาชนได้มาส่วนร่วม มีบทบาทในการคิด การตัดสินใจกำหนดนโยบายเพื่อสร้างความยุติธรรม ความเจริญก้าวหน้า และประโยชน์ของสังคม
ภายหลังการวางพวงมาลาฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น พร้อมกล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดการปะทะกันเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกคนทุกฝ่ายเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเองตามระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างดี เพราะต่างเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น และสังคมไทยเป็นสังคมอลุ่มอล่วย อยู่ด้วยกันแบบถอยทีถ้อยอาศัย และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิไตยย่อมมีความเห็นต่างเป็นธรรมดา ยืนยันรัฐบาลพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนหรือฝ่ายที่เห็นต่าง โดยขอให้หันหน้าพูดคุยหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประชาธิปไตยเบ่งบาน เพื่อให้สังคมสงบสุข และให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่ใช่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งติดสินใจแทนประชาชนทั้งประเทศ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่าขอให้เป็นกระบวนการของรัฐสภา อย่าเพิ่งไปคาดการณ์สร้างความสับสนขึ้นในสังคม ขอให้เชื่อมั่นต่อกระบวนการ เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยและเสียงของประชาชน หากกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการยื่นหนังสือ รัฐบาลพร้อมรับหนังสือจากลุ่มผู้ชุมนุม ขออย่าเป็นกังวลเรื่องดังกล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th