วันนี้ (2 พ.ย. 63) เวลา 15.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข? และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ? ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดยมี? ร.ต.ธานี ช่วงชู? ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต? นพ.ธนิศ เสริมแก้ว? นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ผู้บริหารและพนักงานท่าอากาศยานภูเก็ต? และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการปฏิบัติเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานตามกระบวนการคัดกรองผู้โดยสารของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ? พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการเก็บสิ่งตรวจ (สารคัดหลั่ง) เพื่อรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว นักธุรกิจกลุ่มพิเศษ (STV) ตามนโยบายรัฐบาลที่จะผ่อนคลายมาตรการให้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้มากขึ้น อีกทั้ง?หวังกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ยึดถือและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัย? และเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงสนามบินจังหวัดภูเก็ต จะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซักประวัติ ลงทะเบียน ตรวจหาเชื้อ และเก็บสิ่งส่งตรวจห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019? จากนั้น? นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมรถพระราชทาน ที่มาประจำ? ณ? อาคาร X-Terminal? ที่สามารถทำสวอพได้ เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะต้องเข้ารับการตรวจ และพักคอยผลการตรวจเป็นเวลา 90 นาที หลังจากเก็บตัวอย่างตรวจแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้รับการเคลื่อนย้ายไปยังที่พัก ALQ โดยยานพาหนะและเส้นทางที่กำหนด ที่เป็นระบบปิดอยู่ในระบบควบคุมสังเกตตลอดเวลา ส่วนมาตรการป้องกันควบคุมโรคอื่น ๆ ?ท่าอากาศยานภูเก็ตจะเน้นเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดจุดแอลกอฮอล์ล้างมือ และการติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายทุกประตูทางเข้าออก และตั้งหน่วยทีมแพทย์พยาบาลในการติดตามอาการที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง ซึ่งหากพบว่านักท่องเที่ยวติด COVID-19 สัมผัส เดินผ่าน ภายในท่าอากาศยาน จะต้องกักตัวพนักงานที่ทำงานใกล้ชิดทันทีและให้หยุดทำงานที่บ้าน พร้อมเฝ้าดูอาการ 14 วัน?
นายกรัฐมนตรี?กล่าวว่า การคัดกรองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกขั้นตอน ทุกระบบมีความพร้อมแล้ว โดยเฉพาะกระบวนการเก็บสารคัดหลั่งและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หากมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศเข้ามาแล้วระบบคัดกรองต้องใช้ได้ผล ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มอัตราการผ่อนคลายมาตรการได้มากขึ้น โดยรัฐบาลเร่งฟื้นฟูการนำคนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ นอกจากนี้ มีการจัดที่พักโรงแรมต่าง ๆ ที่เพียงพอและมีราคาที่เหมาะสม อีกทั้งมีสถานที่กักตัวทางเลือก ซึ่งเป็นกระบวนการของการกักกันโรคที่โรงแรมหลายแห่งจะรองรับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเฝ้าดูอาการ 14 วัน? ซึ่งทำให้ผู้ที่กักตัวมั่นใจได้ว่าจะได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคนี้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่มีการคัดกรองและกักกันโรคผู้เดินทางจากต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยขอให้ทุกคนฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยอีกครั้ง
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางโดยขบวนรถยนต์ไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง? ก่อนออกเดินทางไปประชุมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว ณ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.กระทู้ จังหวัดภูเก็ตต่อไป
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th