วันนี้ (16 พ.ย. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2563 โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีกับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัลทุกแห่ง พร้อมขอบคุณการทำงานที่สนองนโยบายภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และกระทบภาคเอกชน ภาคประชาชน และทุกภาคส่วน รัฐบาลได้รับความร่วมมือจากรัฐวิสาหกิจในการดำเนินมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งลดภาระค่าครองชีพจากการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐาน เพิ่มสภาพคล่องด้านการเงินให้แก่ประชาชน ด้านมาตรการการคลัง พักชำระหนี้เงินกู้ การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนการให้ความรู้และการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือยังกลไกสำคัญที่ทำให้ภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น รวมทั้งทำให้โครงการพัฒนาสำคัญต่าง ๆ ยังคงดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงมีความแข็งแกร่งในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งนี้รัฐวิสาหกิจยังสามารถนำส่งเงินรายได้แผ่นดินปี 2563 ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งช่วยให้รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการคลัง สามารถนำเงินงบประมาณไปบริหารและพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่า ประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว แต่ยังคงต้องช่วยเหลือผู้ที่ยังคงได้รับผลกระทบต่อไป ควบคู่กับการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ซึ่งรัฐวิสาหกิจจะยังคงเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรียังฝากให้รัฐวิสาหกิจพิจารณามาตรการและผลสัมฤทธิ์ เพื่อพัฒนาการให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไปให้เกิดประโยชน์ และตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากทุกมาตรการได้อย่างเต็มที่ พร้อมขอให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาความเหมาะสมในการจ้างงานเพิ่มเติม หลายรัฐวิสาหกิจได้ดูแลพนักงานและลูกจ้างเป็นอย่างดี และหลายแห่งมีนโยบายการจ้างงานเพิ่มเติม แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วย
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทุกภาคส่วนจะต้องมีการปรับตัวให้สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และต้องเตรียมความพร้อมกับการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ภายหลังจากโควิด-19 (Next Normal) ต้องร่วมกันปรับองค์กรให้เป็นองค์กรสมัยใหม่โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการให้บริการแก่ประชาชน เพราะรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเหลือประชาชน และเป็นฟันเฟืองหลักในการยกระดับประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้า ?รวมไทย สร้างชาติ ? ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th