วันนี้ (27 ธ.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวัน ดังนี้
โฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 121 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 94 ราย เป็นแรงงานต่างด้าวจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 18 ราย เป็นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่เข้าสถานที่กักกัน 1 ราย คือชาวเมียนมาซึ่งได้ผลักดันให้กลับไปรักษาตัวที่ประเทศเมียนมาแล้ว ผู้ที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย จากรัสเซีย เยอรมัน สวีเดน ฮังการี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ รวมผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 6,141 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น 9 ราย รวมผู้ที่หายป่วยแล้ว 4,161 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สำหรับตัวเลขรวมของแรงงานต่างด้าวจากการตรวจค้นหาเชิงรุกอยู่ที่ 1,356 ราย ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 121 รายมีประวัติเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาคร โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นคือ กรุงเทพฯ 16 ราย กระบี่ 2 ราย นครสวรรค์ 1 ราย นนทบุรี 2 ราย นราธิวาส 1 ราย ปทุมธานี 1 ราย ราชบุรี 3 ราย สุรินทร์ 1 ราย เพชรบุรี 5 ราย สมุทรปราการ 1 ราย ขอนแก่น 1 ราย สระบุรี 1 ราย ระยอง 8 ราย และนครปฐม 11 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อในประเทศที่อยู่ระหว่างการสอบสวน คือ เพชรบุรี 3 ราย กรุงเทพฯ 1 ราย ตาก 3 ราย นครปฐม 2 ราย นนทบุรี 2 ราย ระยอง 28 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย โดยรวมขณะนี้มีการกระจายไปยัง 38 จังหวัดที่เชื่อมโยงกับสมุทรสาคร นอกจากนี้ ผู้ป่วยของจังหวัดระยองอีก 49 ราย อยู่ระหว่างรอยืนยันผลทางห้องปฏิบัติการ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการทวนสอบผลตรวจ เพราะต้องเป็นตัวเลขยืนยันที่ชัดเจนกรณีการรอผลของจังหวัดระยอง หากผลตรวจยืนยันออกในช่วงบ่ายวันนี้ทางจังหวัดระยองจะรายงานผลให้ทราบ เช่นเดียวกับที่จังหวัดนครนายก 1 ราย และสุโขทัย 1 ราย หากมีข้อมูลที่จะแจ้งให้ทราบ ทางจังหวัดก็จะมีการรายงานเพิ่มเติมตามมาอีกครั้ง
ด้านสถานการณ์โควิด-19 โลก มีผู้ป่วยรวม 80 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.5 แสนคน ตัวเลขลดลงต่ำกว่า 5 แสนคน จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 7,000 กว่าคน ผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 1.7 ล้านคน ไทยเลื่อนขึ้นอยู่ในอันดับที่ 142 เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จึงขอความร่วมมือคนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ทั้งคนไทยและคนต่างชาติให้ช่วยกันป้องกันโรคและปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ
โฆษก ศบค. เผย ที่ประชุม ศบค.ที่มีเลขาธิการสภาความมั่นคงของชาติเป็นประธานการประชุมวันนี้ ได้ขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยขอให้มีการเน้นย้ำ มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มขีดความสามารถ คือ D - Distancing - เว้นระยะระหว่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M - Mask wearing - สวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ตลอดเวลา H - Hand washing ? ล้างมือบ่อย ๆ จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมือ อย่างทั่วถึง เพียงพอ T - Testing ? ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจหาเชื้อโควิด -19 (เฉพาะกรณี) T - Thaichana - ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ
ที่ประชุม ศบค. ยังขอให้ ศปม. เน้นย้ำหน่วยต่าง ๆ ตรวจกำกับดูแลกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีมาตรการเพ่งเล็ง ดังนี้ ?ทุกพื้นที่? 1) เน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (D-M-H-T-T) 2) ขอความร่วมมือหรือพิจารณาให้หยุดดำเนินกิจการตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ ?พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ? ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาปิดสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ตามขนาดพื้นที่ และระยะเวลาที่เห็นเหมาะสม ตามระดับของสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อในพื้นที่ และเนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อในประเทศจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในขีดความสามารถทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สามารถควบคุมได้ แต่ผู้ที่คาดว่าติดเชื้อกระจายตามพื้นที่ทั่วไป เนื่องจากมีการสัญจรไปมาระหว่างพื้นที่ ดังนั้น ศปก.ศบค. จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เพื่อให้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิผลเต็มขีดความสามารถ ดังนี้ ในการเดินทางสัญจรในห้วงเวลานี้ ขอให้เน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัด และในกรณีที่บุคคลใดทราบว่าตนเองได้เคยเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อ ขอให้กักกันตนเองและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น เป็นระยะเวลา 14 วัน หากพบว่ามีอาการผิดปกติขอให้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลใกล้บ้านและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับแพทย์ และโฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ส่วนใหญ่พบว่า เกิดจากสถานธุรกิจบันเทิงและแหล่งการพนัน จึงขอให้เฝ้าระวังและเน้นย้ำอย่างเคร่งครัด พร้อมกับย้ำ ?หยุดเชื้อ เพื่อชาติ การ์ดอย่าตก?
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th