วันนี้ (8 มีนาคม 2564) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม
นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายการผลักดันให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ขึ้นทะเบียนเพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดเรื่องการขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอี ตั้งแต่ปี 2557 โดยในปัจจุบันมีเอสเอ็มอีจำนวนมากกว่า 3 ล้านราย แต่ในวันนี้ยังมีเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนจำนวนไม่มาก ทั้ง ๆ ที่บางรายมีขีดความสามารถสูง มีรายรับสูง แต่ก็ยังไม่มาขึ้นทะเบียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แนะให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาว่าเป็นเพราะเรื่องของภาษีด้วยหรือไม่ โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร้องเรียนมาทั้งในช่วงปกติ และในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ว่า ไม่สามารถเข้าถึงเงินทุน ซึ่งการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้นั้นก็เพราะไม่ได้มาขึ้นทะเบียน ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้มาขึ้นทะเบียนโดยเร็วที่สุด และขึ้นทะเบียนให้มากที่สุด โดยแยกเป็นรายสาขา เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม วิสาหกิจชุมชน ไมโครเอสเอ็มอี เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สสว. ต้องทำงานเดินหน้าไปตามเป้าหมาย หาทางทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่งสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และทุกกระทรวง จะสามารถช่วยสนับสนุนข้อมูล Big Data ได้ เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแรงให้กับเอสเอ็มอี โดยการทำงานจะต้องมีการบูรณาการข้อมูลทั้งหมด เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับเอสเอ็มอี เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนจะได้ประโยชน์ รวมทั้งจะส่งเสริมเอสเอ็มอีที่มีความแข็งแรง ให้สามารถไปได้ไกลยิ่งขึ้น ให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีภาคการเกษตร ยกระดับเอสเอ็มอีจากระดับล่างขึ้นสู่ระดับบน และส่งเสริมเอสเอ็มอีให้สามารถแข่งขันในได้ในระดับโลก รวมทั้งนายกรัฐมนตรียังต้องการให้มีการขับเคลื่อนเอสเอ็มอีในที่ประชุมเอเปกในปี 2565 ด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ด สสว. รับทราบรายงานความคืบหน้าการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่มีผลสะสมการขึ้นทะเบียนเอสเอ็มอี เพื่อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยข้อมูล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2564 มีเอสเอ็มอีมาขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน 5,782 ราย จาก 77 จังหวัด (เป้าหมาย 100,000 รายภายในเดือนกันยายน 2564) และที่ประชุมบอร์ด สสว. ยังรับทราบรายงานความคืบหน้าการจัดทำ SME Big data/SME Master Data
ที่มา: http://www.thaigov.go.th