นายกรัฐมนตรีเตรียมหารือภาคเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม สั่งเร่งนำผู้ป่วยเข้าถึงการรับบริการรักษาพยาบาล

ข่าวทั่วไป Tuesday April 27, 2021 14:37 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเตรียมหารือภาคเอกชนจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม สั่งเร่งนำผู้ป่วยเข้าถึงการรับบริการรักษาพยาบาล

วันนี้ (27 เมษายน 2564) เวลา 12.30 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีระบบการรับรองผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐาน โดยมีการคัดกรองการผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แบ่งออกเป็น 3 ระดับสีด้วยกัน คือ ผู้ป่วยสีเขียว คือ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย จะถูกนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ผู้ป่วยสีเหลือง คือ ผู้ป่วยที่มีอาการปานกลาง จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทั่วไปที่จำเป็นต้องจัดหาเตียงรักษาพยาบาลให้รองรับได้ และผู้ป่วยสีแดง ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะต้องถูกนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางโดยเร็วที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการระบบข้อมูลเพื่อบริการทางการแพทย์ผ่านสายด่วนต่าง ๆ ร่วมกับอาสาสมัครที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่รับสายเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุด และจะมีการจัดเตรียมเพิ่มจำนวนสถานที่คัดกรองให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วันนี้มีจำนวน 15 ราย ทำให้มีความกังวลจากประชาชนถึงการรักษาพยาบาลที่ล่าช้านั้น กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาดำเนินการเร่งนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 1,400 รายที่ยังตกค้างเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยเร็ว และได้มีการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว พร้อมขอความร่วมมือจากสถานที่ตรวจคัดกรองจากโรงพยาบาลภาคเอกชนให้รายงาน แจ้งข้อมูล ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้สามารถดำเนินการส่งตัวผู้ป่วยติดเชื้อระดับสีเขียวเข้าสู่โรงพยาบาลสนามได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังได้มีการเร่งแก้ไขปัญหาขาดแคลนรถพยาบาลหรือรถนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อไม่เพียงพอ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนและกระทรวงกลาโหม และหากขาดแคลนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานกระทรวงกลาโหมได้จัดเตรียมเหล่าทหารเสนารักษ์เพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกด้วย

สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้เดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคธุรกิจ เอกชน ที่ให้ความช่วยเหลือประสานความร่วมมือติดต่อบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่าง ๆ ซึ่งในการทำงานร่วมกันนั้นจะมีรัฐบาลมีหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบหากมีผลกระทบข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมได้มากยิ่งขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจแต่ปัจจุบันวัคซีนเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของทุกภูมิภาค จึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศหารือและขอความร่วมมือต่อรัฐบาลหลายประเทศเพื่อให้มีการนำเข้า ? ส่งออกวัคซีนได้ ทั้งนี้ ในประเทศไทยมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วกว่า 2 แสนคน และมีการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องกว่า 1 ล้านโดส และจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมโดยเร็วที่สุดตามจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ เมื่อได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ก็จะดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลเอกชนให้ช่วยดำเนินการฉีดเพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้รัฐบาลตั้งเป้าในการจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคน ภายในปี 2564 นี้ โดยในวันที่ 28 เมษายน จะมีการหารือร่วมกับภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันเสียสละปฏิบัติงานเป็นด่านหน้า รวมถึงภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และกลุ่มจิตอาสา กลุ่มองค์กรมูลนิธิ หรือบุคคลต่าง ๆ ที่ร่วมแสดงน้ำใจช่วยเหลือการทำงานของภาครัฐ รวมทั้งการช่วยเหลือส่วนตัว ซึ่งจะได้นำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาพิจารณาประกอบการบริหารด้วย ซึ่งทุกปัญหาได้นำไปสู่การพิจารณาหารือเพื่อดำเนินการแก้ไข ขณะเดียวกันไทยก็มีมาตรการเฉพาะและระงับการเดินทางชั่วคราวจากประเทศต้นทางที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ซึ่งขอส่งกำลังใจไปยังประเทศอินเดียที่มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนมาก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียังขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหะสถาน อาทิ ในวัด การจัดรายการในสตูดิโอ การโดยสารรถยนต์ที่มากกว่า 1 คน เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อให้คนในครอบครัวและผู้อื่น และอนุโลมแก่เด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมย้ำว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน ทำในสิ่งที่ทำได้ อันเป็นการแสดงถึงน้ำใจของคนไทย แต่จะต้องไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อตนเองและผู้อื่น และขอให้ทุกคนร่วมกันเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรด่านหน้าและทีมประเทศไทยที่ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อให้ผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

.....................

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ