วันนี้ (8 มิถุนายน 2564) เวลา 13.00 น. ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึงการปฏิรูปการศึกษาและร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.... ที่มีการปรับแก้ไขและเตรียมนำเข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนการศึกษาไทยให้ทันยุคสมัยและทันต่อสถานการณ์ ภายใต้บริบทของประเทศไทยที่มีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ครอบคลุมทั้งบุคลากรทางการศึกษา หลักสูตรการเรียนการสอน และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา โดยขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนร่วมกันพิจารณาร่าง พรบ. นี้เพื่อให้สามารถดำเนินการไปสู่การปฏิรูปการศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ
นายกรัฐมนตรีมีความห่วงกังวลต่อเกษตรกร ชาวไร่ชาวสวน พร้อมเผยถึงการพูดคุยกับสมาคมชาวนา ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ว่า จะต้องเร่งช่วยเหลือชาวนาให้มีรายได้ที่สูงขึ้น หลุดพ้นจากความยากจน จำเป็นต้องลดต้นทุน บริหารโดยใช้วิสาหกิจชุมชนอย่างครบวงจร อาทิ เมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ปุ๋ย ค่าเช่าที่ และมาตรฐานโรงสี โดยรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาขั้นต้นด้วยการประกันราคาในงบประมาณที่สามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้าช่วยเหลือต่อไปในอนาคต รวมถึงการแก้ไขปัญหา กฎหมาย กฎกระทรวง ที่ไม่ทันสมัย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในภาพรวมว่า การส่งออกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มกลับมาฟื้นฟูทางเศรษฐกิจแล้ว โดยคาดว่าจะสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2565 จะดีขึ้น ประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ท้าทาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจรอบบ้านที่มีสถิติสูงขึ้นร้อยละ 20 ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา โดยประเทศไทยตั้งเป้าไว้ 1 ล้านล้านบาทจากเศรษฐกิจชายแดน การค้าการลงทุน รวมถึงการเข้าร่วมประชุมกลุ่มเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในระดับเวทีโลก เพื่อหารือถึงเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับพันธสัญญาต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลจะใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ระมัดระวังไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น โดยคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการอนุมัติหลักการในดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณ และขั้นตอนการดำเนินการเป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน/คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จะต้องรับผิดชอบ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า 1 ปีนี้ต้องมีผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมและวางแผนต่อไปใน 1 ปี ข้างหน้า ให้เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 1 ปี ระยะปานกลาง 3 ปี และระยะ 5 ปี มีการตรวจสอบ คัดกรองแผนงานโครงการโดยคณะอนุกรรมการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการพิจราณาแผนงานโครงการ เป็นการทำงานร่วมกันของฝ่ายการเมืองและฝ่ายบริหารเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ขอให้ประชาชนรับฟังการชี้แจงที่เป็นข้อเท็จจริงในการใช้จ่ายงบประมาณ ยืนยันรัฐบาลทำเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ในทุกจังหวัด เมื่อมีการแปรญัตติจากคณะกรรมาธิการฯ จะนำมาดำเนินการในการบริหาร
นายกรัฐมนตรียังกล่าวให้กำลังให้กับข้าราชการทุกคน ที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ในท้องถิ่นในจังหวัดต่าง ๆ เพราะนี้ คือ พลังของคนไทยที่ร่วมเสียสละไปด้วยกัน
.................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th