วันนี้ (11 มิถุนายน 2564) เวลา 09.30 น. ณ ห้องรับรองเทวะเวสม์ อาคาร 1 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์ (H.E. Ms. Sibille de Cartier d?Yves) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตเบลเยียมฯ ในโอกาสเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับเบลเยียมที่มีมาอย่างยาวนาน โดยรองนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเอกอัครราชทูตเบลเยียมฯ จะมีส่วนสำคัญในการสานต่อและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลไทยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตเบลเยียมฯ อย่างเต็มที่ ตลอดจนผลักดันให้เกิดความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
เอกอัครราชทูตเบลเยียมฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะ แม้จะมีภารกิจมาก ยินดีที่ไทยและเบลเยียมมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นต่อกัน โดยเอกอัครราชทูตฯ ย้ำความตั้งใจของเบลเยียมในการผลักดันการจัดทำข้อตกลงด้านการประกันสังคมระหว่างเบลเยียม-ไทย โดยเฉพาะประเด็นอัตราค่าใช้จ่าย พร้อมเสนอให้มีการหารือร่วมกันเพิ่มเติม ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียด เพื่อจะได้หารือร่วมกันต่อไป
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ร่วมกัน โดยเอกอัครราชทูตเบลเยียมฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 และประทับใจการ Quarantine ผู้เดินทางเข้าประเทศของไทย ซึ่งมีการจัดการที่เป็นระบบ อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ขอให้เชื่อมั่นในการจัดการโควิด-19 ของรัฐบาลไทย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในคลัสเตอร์ต่าง ๆ ดีขึ้น อาทิ คลัสเตอร์เรือนจำและทัณฑสถาน จำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ต้องขังของไทยมีตัวเลขที่ดีขึ้น โดยไทยได้ใช้กลยุทย์ Bubble and Seal แยกผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาให้เร็วที่สุด พร้อมยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเข้าถึงวัคซีนของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th