นางสาวอุษา โทณผลิน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11 อุบลราชธานี (สศท.11) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ?กาแฟโรบัสต้า? นับเป็นสินค้าทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายส่งเสริมพัฒนาการผลิตและการตลาดให้เป็นสินค้าสร้างรายได้แก่เกษตรกร เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดโลก ซึ่งในปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ โดยศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ กรมวิชาการเกษตรได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษดำเนินโครงการพัฒนาระบบการผลิตกาแฟมาตรฐานและการแปรรูปสร้างแบรนด์กาแฟศรีสะเกษและโครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนผลิตกาแฟโรบัสต้าครบวงจร เพื่อให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นแหล่งผลิตกาแฟโรบัสต้าที่มีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค โดยเน้นการรวมกลุ่มเกษตรกรในการผลิต ประกอบกับจังหวัดเตรียมผลักดันให้เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ซึ่งคาดว่าจะได้ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ในปี 2565
สศท.11 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตกาแฟโรบัสต้า ในพื้นที่อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 พบว่า ปัจจุบันเกษตรกรมีการปลูกแบบรายเดี่ยวและรวมกลุ่มการผลิต ส่วนใหญ่จะปลูกต้นกาแฟโรบัสต้าแซมในสวนทุเรียน ซึ่งจากการติดตามกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ พบว่า กลุ่มผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้า อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีศักยภาพในการผลิต เนื่องจากเกษตรกรมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร เช่น แหล่งน้ำ และดินในการเพาะปลูก โดยเริ่มรวมกลุ่มเมื่อปี 2560 ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกาแฟกว่า 300 ไร่ มีสมาชิกเกษตรกร 7 ราย โดยเมื่อปีที่ผ่านมาทางกลุ่มได้เข้าร่วมโครงการฯ กับศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ ซึ่งได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด รวมถึงได้รับการสนับสนุนปัจจัยต้นพันธุ์กาแฟทีมีคุณภาพ
ด้านสถานการณ์การผลิตกาแฟโรบัสต้าของกลุ่ม ปี 2564 มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 9,471 บาท/ไร่/ปี (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 2 และเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 40 ปี) ผลผลิตจะออกสู่ตลาดช่วงเดือนกันยายน ? พฤศจิกายน ผลผลิตรวมประมาณ 1,800 กิโลกรัม/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 10 กิโลกรัม/ไร่/ปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 22,500 บาท/ไร่/ปี ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 13,029 บาท/ไร่/ปี ราคากาแฟโรบัสต้า (ผลสด) ณ วันที่ 15 กันยายน 2564 อยู่ที่ 25 บาท/กิโลกรัม ถ้าเป็นผลกาแฟแห้ง ราคาอยู่ที่ 125 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ผลผลิตของกลุ่มยังอยู่ในช่วงระยะเริ่มต้น และเป็นช่วงเริ่มให้ผลผลิต
สถานการณ์ด้านตลาดของกลุ่ม พบว่า ผลผลิตกาแฟโรบัสต้า (ผลสด) ทั้งหมด เกษตรกรส่งจำหน่ายให้กับศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ โดยทางศูนย์จะนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นกาแฟสด และนำไปวิจัย ขยายต้นพันธุ์ต่อ ซึ่งจากการที่กลุ่มเข้าร่วมโครงการฯ ประกอบกับได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉาะในเรื่องของการแปรรูปสร้างแบรนด์กาแฟศรีสะเกษ ทางกลุ่มจึงมีแผนจะดำเนินการผลิตกาแฟโรบัสต้าแบบครบวงจร โดยจะเน้นการแปรรูปเป็นกาแฟสด ประมาณ ร้อยละ 80 ของผลผลิต ส่วนด้านตลาดจะเน้นการขายทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ประมาณร้อยละ 20
ผู้อำนวยการ สศท.11 กล่าวทิ้งท้ายว่า กาแฟโรบัสต้านับเป็นพืชที่มีอนาคตสดใส เพื่อให้เกิดการพัฒนากาแฟโรบัสต้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงควรมีการฟื้นฟูต้นกาแฟที่มีอยู่เดิม ส่งเสริมการปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาด และมีผลผลิตเพียงพอต่อการนำไปใช้สำหรับแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคกาแฟ โรบัสต้าทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟของจังหวัดศรีสะเกษ ผ่านช่องทาง Facebook "ทุเรียนภูเขาไฟสวนบุญส่ง" ซึ่งผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาดในขณะนี้ โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือนกันยายน และออกต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 หากเกษตรกรหรือท่านที่สนใจข้อมูลการผลิตกาแฟโรบัสต้า สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ นายชนินธร ท้าวธงชัย ประธานกลุ่ม หมู่ 10 ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ หรือ โทร 08 4936 2727 และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.11 อุบลราชธานี โทร 0 4534 4655 หรืออีเมล์zone11@oae.go.th
************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 11 อุบลราชธานี
ที่มา: http://www.thaigov.go.th