นายกฯ เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 เร่งอาเซียนขับเคลื่อนข้อริเริ่มต่าง ๆ และการร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม

ข่าวทั่วไป Tuesday October 26, 2021 14:49 —สำนักโฆษก

นายกฯ เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 เร่งอาเซียนขับเคลื่อนข้อริเริ่มต่าง ๆ และการร่วมมือแก้ปัญหาโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้ (26 ตุลาคม 2564) เวลา 08.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำสมาชิกอาเซียน ในโอกาสนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของถ้อยแถลง ดังนี้

การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 38 นี้ ซึ่งที่ประชุมมีประเด็นหลักที่หยิบยกขึ้นหารือหลัก ๆ ได้แก่ การรับมือกับความท้าทายสำคัญ โควิด ? 19 บรูไนในฐานะประธานได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด ? 19 ซึ่งได้ติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการที่สำคัญของประชาคมอาเซียนด้วย

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมเห็นว่าการต่อสู้กับโควิด ? 19 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของภูมิภาคต่อภัยคุกคาม ดังนั้น นอกจากเราจะต้องร่วมมือกันแก้ไขเรื่องการแพร่ระบาดและผลกระทบของโควิด ? 19 แล้ว ควรถอดบทเรียนจากโควิด ? 19 มาใช้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประชาคมอาเซียนพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่ง นายกรัฐมนตรีได้เสนอประเด็นที่อาเซียนควรให้ความสำคัญ 3 ประการ ดังต่อไปนี้

ประการแรก ต้องดำเนินการตามข้อริเริ่มในกรอบอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรียินดีที่มีความคืบหน้ากรณีการเงินจากกองทุนอาเซียนจัดซื้อวัคซีนโควิด ? 19 และหวังว่าประเทศสมาชิกจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ทั้งนี้ ไทยได้แจ้งรายการสิ่งของที่บริจาคแก่คลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนฯ แล้ว หวังว่าจะมีการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ซึ่งอาเซียนควรเสริมสร้างความพร้อมในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่และเสริมสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุขในระยะยาว ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งไทยกำลังพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ และยินดีร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในเรื่องนี้ต่อไป

ประการที่สอง ควรเริ่มเปิดภูมิภาคและส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างปลอดภัย ใช้ประโยชน์จากกรอบการจัดทำระเบียงการเดินทางของอาเซียน และควรจัดทำแนวทางการรับรองวัคซีนระหว่างกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้เปิดพื้นที่นำร่องต้อนรับนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสไปแล้ว และจะเริ่มเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน และใช้ประโยชน์จากตลาดภายในอาเซียนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าเพื่อส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการค้าการลงทุน ความตกลง RCEP จะมีผลใช้บังคับตามเป้าหมาย และจะเดินหน้าการเจรจา FTA อาเซียน-แคนาดาได้โดยเร็ว

ประการที่สาม โควิด ? 19 ตลอดจนภัยธรรมชาติอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุทกภัย ไฟป่า และหมอกควันข้ามพรมแดน สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนของแนวทางการพัฒนาในปัจจุบันที่เน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ อันเป็นที่มาของวิกฤตต่าง ๆ ที่รุนแรง ดังนั้น ถึงเวลาที่จะต้องปรับกระบวนทัศน์ในการใช้ชีวิตทุกด้าน เพื่อสร้างความสมดุล ทำให้การฟื้นฟูและพัฒนาอาเซียนเป็นไปอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ไทยดำเนินการอยู่

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ?วาระสีเขียวของอาเซียน? ควรเป็นแนวทางของภูมิภาคในอนาคตเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นมิตรกับโลก โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียวเข้ามาช่วยสนับสนุน และต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงจากทุกภาคส่วน อาทิ

1. การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แก้ปัญหาภาวะโลกร้อน

2. การใช้ทรัพยากรทั้งในดินและในทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค

3. การส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสู่เป้าหมาย ?Digital ASEAN?

4. การพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน ให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีสวัสดิภาพและมีคุณภาพชีวิต

5. การเงินสีเขียว สนับสนุนการลุงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนและส่งเสริมการรวมตัวของภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้อาเซียนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของโลก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ