วันนี้ (4 พ.ย. 2564) เวลา 14.30 ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสะเหลิมไซ กมมะสิด (H.E. Mr. Saleumxay Kommasith) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission: JC) ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ลาว ครั้งที่ 22 โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป. ลาว เยือนประเทศไทยอีกครั้ง ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ลาว ครั้งที่ 22 ชื่นชมการจัดการประชุมที่สำเร็จลุล่วงด้วยดี และบรรลุวัตถุประสงค์ของการฟื้นฟูความร่วมมืออย่างแนบแน่น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากความปรารถนาดีไปยังนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ และนายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อม หวังว่าจะได้มีโอกาสพบปะหารือกัน ภายหลังสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สปป. ลาว รู้สึกยินดีที่ได้เดินทางมาเยือนไทยในครั้งนี้ โดยไทย-สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และมีความร่วมมือในทุกมิติ ประชาชนมีความเข้าใจอันดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้การไปมาหาสู่ลดลง จึงหวังว่าเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย ทั้งสองฝ่ายจะยังคงสานต่อความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป โดยเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความร่วมมือเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือตามแนวชายแดน
สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - ลาว ครั้งที่ 22 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป. ลาว กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่ได้หารือกันในรอบ 3 ปี โดยได้มีการทบทวนความร่วมมือในช่วงที่ผ่านมา ที่ซึ่งแม้จะมีอุปสรรคจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 แต่ไทยและ สปป.ลาว ต่างเกื้อกูลและอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกันมาโดยเสมอ สำหรับความร่วมมือในอนาคตนั้น สปป.ลาว ประสงค์เพิ่มพูนความร่วมมือกับไทยทางด้านการท่องเที่ยว การเชื่อมโยงระบบราง การเชื่อมโยงทางการค้าไปสู่ประเทศอื่นๆ การค้าและการลงทุนตามแนวชายแดน และความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
นายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งความร่วมมือตามแนวชายแดน โดยป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย และขอให้ใช้กลไกความร่วมมือตามแนวชายแดนในระดับเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมการค้าชายแดน โดยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนที่ถูกปิดไปชั่วคราว ควบคู่ไปกับการรักษาความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข โดยจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนหารือกันในรายละเอียด รวมทั้งความร่วมมือในการเชื่อมโยงกฎระเบียบและมาตรฐานต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการขนส่งระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th