นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ ย้ำ “สายด่วน” ต้องพร้อมให้ข้อมูลประชาชน ขณะที่ ศบค. กำหนดมาตรการสาธารณสุขช่วงเทศกาลตรุษจีน

ข่าวทั่วไป Thursday January 20, 2022 14:22 —สำนักโฆษก

นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ ย้ำ ?สายด่วน? ต้องพร้อมให้ข้อมูลประชาชน ขณะที่ ศบค. กำหนดมาตรการสาธารณสุขช่วงเทศกาลตรุษจีน เปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass ในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติ เริ่ม 1 ก.พ. 65

วันนี้ (20 ม.ค. 65) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร พื้นที่ควบคุม 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ตั้งแต่ 24 ม.ค. 65 พร้อมเปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติ เริ่ม 1 ก.พ. 65 โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง เห็นชอบขยายระยะเวลา พรก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 2 เดือนตั้งแต่ 1 ก.พ.?31 มี.ค. 65 ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุม ศบค. วันนี้ว่า จะปรับการดำเนินกิจการ/กิจกรรมต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยต่อเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง กำชับทุกส่วนราชการต้องมีมาตรการที่กำชับ เด็ดขาด และรัดกุมขึ้น โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดชุดตรวจ สายตรวจ เข้าตรวจบริเวณพื้นที่ที่มีการจัดงานเซ่นไหว้ต่าง ๆ ว่ามีการดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขที่ครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ครบ จะต้องยุติ ปิด หรือยกเลิกการจัดงาน โดยให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด รวมทั้งในเรื่องการทำความสะอาดสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดรวมคน ต้องให้มีการทำความสะอาดพื้นที่ที่จะจัดงานให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมถึงต้องมีมาตรการทางเข้า-ออก และการตรวจ ATK หากพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ และหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องได้รับโทษทางวินัยหากมีการปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบการที่เปิดอย่างผิดกฎหมาย มีการเล่นการพนัน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง รวมถึงหน่วยงานในสังกัดทุกกระทรวงที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ เพราะการรวมคนจำนวนมาก หรือการจัดงานที่มีการรวมคนถือเป็นความเสี่ยงสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติจะต้องมีความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละและอดทน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า เน้นแนวปฏิบัติ วิธีการปฏิบัติ และการแก้ไขปัญหาทุกขั้นตอนไว้ล่วงหน้า การออกมาตรการใด ๆ ก็ตามอาจต้องมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญที่สุดต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามแผนที่เตรียมไว้ โดยการเปิดประเทศวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย และ ศปก.ศบค. ต้องยกระดับการปฏิบัติการให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างเคร่งครัด หากมีการปล่อยปละละเลย จะต้องถูกดำเนินการทางวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยให้มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำผิด พรก. ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรียังได้กำชับถึงความพร้อมและประสิทธิภาพของสายด่วน ในการรับแจ้ง ปรึกษาระบบการรักษาและการตรวจ ในความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีการประสานส่งต่อข้อมูลอย่างแน่นแฟ้น เพื่อลดความกังวลของประชาชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงให้มีการรณรงค์ชี้แจงทำความเข้าใจ เพื่อสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ให้มีความเสียสละ อดทน ร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจเอกชนด้วย

มติที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญ อาทิ

1. เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ดังนี้ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 25 จังหวัด และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด

  • ไม่ขยายระยะเวลา WFH (Work From Home) ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน
  • พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ไม่เกิน 23.00 น. และเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting
  • ปรับรูปแบบ และลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อเป็น กักตัว 7 วันสังเกตอาการอีก 3 วัน ตรวจหาเชื้อด้วย ATK

2. เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร

  • เปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง และปรับมาตรการควบคุมโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
  • เพิ่มเติมการรับลงทะเบียน Thailand Pass พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox) ได้แก่ จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) และ จ.ตราด (เกาะช้าง) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565
  • การเปิดให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ได้ ในช่วง 7 วันแรก
3. เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือนเป็นคราวที่ 16 (1 กุมภาพันธ์ ?31 มีนาคม 2565)

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ และเข้าใจในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และโควิด หลายสิ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำให้มีการดูแลเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนที่ได้รับผลกระทบติดเชื้อ และต้องดูแลรักษา รวมถึงให้มีการดูแลครอบครัวของเขาด้วย เพราะทุกคนทำงานต้องทำงานอย่างเสียสละ ทำงานด้วยความจริงใจ สุจริต โดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าราชการทุกคนทั้งการเมืองและภาครัฐต้องทำอย่างเต็มที่ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนผู้เป็นที่รักยิ่งตลอดไป

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ