วันนี้ (7 ก.พ. 2565) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 7 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลัง และผู้แทนส่วนราชการ มหาวิทยาลัย หน่วยงานอื่นของรัฐที่ได้รับรางวัลเข้าร่วม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีชื่นชมหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจของหน่วยงาน ที่จะส่งเสริมการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังในภาพรวมของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พร้อมกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า การได้รับรางวัลถือเป็นเรื่องที่ยาก แต่การรักษารางวัลไว้ยากกว่า ขอให้ช่วยกันทำงานเดินหน้าต่อไปอย่างรอบคอบ ลดผลกระทบด้านการเงินการคลัง และปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารจัดการการเงินการคลังให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ การขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้มีเสถียรภาพ สิ่งสำคัญจะต้องมีการบริหารจัดการภาครัฐที่ดี มีการตรวจสอบ ไม่ทุจริต มีความโปร่งใส ซึ่งจะช่วยลดปัญหาและขจัดปัญหาด้านการเงินการคลังของประเทศได้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภาครัฐ โดยกำหนดตามยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ภาครัฐได้มีการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังให้มีความสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาผลกระทบได้อย่างตรงจุดทันต่อสถานการณ์ และเป็นที่พอใจของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ที่สำคัญจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกหน่วยงานร่วมกันขับเคลื่อนการบริหารงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมกับขอให้ช่วยกันเร่งสร้างความเชื่อมั่น ถึงแม้จะมีการกล่าวให้ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ขอให้ช่วยกันชี้แจง สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่าให้การบิดเบือนมาบั่นทอนกำลังใจ ยอมรับความเห็นต่าง แล้วนำเอาความเห็นที่เป็นประโยชน์ที่ได้รับจากช่องทางต่าง ๆ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์
นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่มุ่งมั่น ตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งตลอดมา ขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติงานด้านการเงินการคลังในภาพรวมของหน่วยงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป พร้อมกล่าวย้ำว่า รางวัลที่ดีที่สุดคือเกียรติยศและความไว้วางใจจากผู้อื่นที่มอบให้กับตัวเรา
สำหรับรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังฯ พิจารณาประเมินตามขั้นตอนการบริหารด้านการเงินการคลัง 5 มิติ ประกอบด้วย มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย มิติด้านการบัญชีภาครัฐ มิติด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ และมิติด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด ซึ่งแต่ละมิติได้มีการปรับปรุงเกณฑ์ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยในปีนี้จัดพิธีมอบรางวัลฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จำนวน 54 รางวัล แบ่งออก 9 ประเภท ได้แก่ 1. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการจัดซื้อจัดจ้าง 2. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการเบิกจ่าย 3. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการบัญชีภาครัฐ 4. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ 5. รางวัลประกาศเกียรติคุณด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด 6. รางวัลบุคคล/ทีมงานที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง 7. รางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศรายด้าน 8.รางวัลประกาศเกียรติคุณหน่วยงานที่มีการพัฒนาการปฏิบัติงานด้านการเงินการคลัง และ 9. รางวัลประกาศเกียรติคุณส่งเสริมความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th