นายกฯ กำชับการประชุม ศบค. ห่วงใยประชาชนทุกคนต้องได้รับบริการทางสาธารณสุข ยกระดับ HI/CI เพิ่มคู่สายรับเรื่อง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทยมีมาตรฐานและมีศักยภาพพอเพียง

ข่าวทั่วไป Wednesday February 23, 2022 14:44 —สำนักโฆษก

นายกฯ กำชับการประชุม ศบค. ห่วงใยประชาชนทุกคนต้องได้รับบริการทางสาธารณสุข ยกระดับ HI/CI เพิ่มคู่สายรับเรื่อง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทยมีมาตรฐานและมีศักยภาพพอเพียง กำชับทุกหน่วยงานต้องเคร่งครัดเพื่อดูแลประชาชนควบคุมสถานการณ์

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2565) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 4/2565 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้ กำชับเรื่องการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องถึงประชาชน โดยที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีจำนวนประชากรใกล้เคียงกัน ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยมีระบบการสาธารณสุขที่ดี ผู้ติดเชื้อเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลได้ดี ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการรายงานศักยภาพในการดูแลรักษา อัตราการครองเตียง ยา เวชภัณฑ์ ซึ่งยังเพียงพอต่อความต้องการใช้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา การดูแลรักษาประชาชนให้สะดวกมากขึ้น และให้ทุกหน่วยที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อรักษามาตรการควบคุมโรค

ในส่วนของความก้าวหน้าวัคซีนโควิด-19 ที่วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรีขอบคุณและชื่นชมในความก้าวหน้าที่ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน ทั้งยังให้กำลังใจกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ และอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการคิดค้น วิจัย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเรื่องมาตรการการเปิดเรียน On site ในสถานศึกษา ให้มีการตรวจสอบ ดูแล ให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน สถานการศึกษา ให้มีการดูแลจัดการอย่างดีที่สุด เพื่อให้มีการเรียนการสอน การเตรียมการสำหรับการสอบ การเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมปีการศึกษาหน้า ไปพร้อมกับการควบคุมโรค มีมาตรการด้านการสาธารณสุขที่เคร่งครัด รอบคอบ และมีแผนเผชิญเหตุที่เหมาะสม

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ติดตามเบิก จ่ายค่าบริการโควิด 19 ให้ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน และขอให้ในการตรวจสอบนั้น พิจารณาถึงต้นทุนของแต่ละโรงพยาบาลที่อาจมีต้นทุนที่ไม่เท่ากัน ในสถานการณ์ยากลำบากนี้ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือกับรัฐบาล

ส่วนมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักรนั้น ปัจจุบันมีโรงแรมที่พัก SHA Extra Plus ที่เข้าร่วมกว่า 2,541 แห่งจาก 49 จังหวัด มีผู้ยื่นคำขอ Thailand plus ช่วงระหว่างวันที่ 1-21 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวนทั้งสิ้น 306,056 คำขอ มีการตรวจสอบและอนุมัติสะสมในระบบ Thailand Pass Hotel& Swab system แล้วคิดเป็นร้อยละ 98.56 ของจำนวนคำขอทั้งหมด มีการตรวจสอบเอกสารการได้รับวัคซีน และอนุมัติสะสมแล้วประมาณร้อยละ 80 ของจำนวนคำขอทั้งหมด โดยร้อยละ 20 ที่เหลือเป็นในส่วนของเอกสารไม่สมบูรณ์และไม่ถูกต้อง

สำหรับแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของไทย ปี 2565 เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนอย่างครอบคลุม รวมทั้งเพื่อเตรียมการรองรับการระบาดรวมถึงเชื้อกลายพันธุ์ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรทุกกลุ่ม ในขณะเดียวกันก็เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ ตามแผนที่กำหนด โดยในปีนี้มีเป้าหมายกลุ่มเด็กนักเรียนที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน และกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ รวมทั้ง กลุ่มเด็กอายุ 5 - 11 ปีที่ได้รับการฉีดตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ในที่ประชุมได้รายงานว่า ในปี 2564 จังหวัดสกลนคร ได้รับรางวัลจังหวัดที่มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนในประชากรกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด โดยได้ให้บริการเชิงรับ ในสถานบริการทุกแห่ง เปิดจุดฉีดนอกสถานพยาบาลในทุกหมู่บ้าน และออกเคาะประตูบ้าน รณรงค์ ให้บริการในกลุ่มที่เข้าถึงสถานบริการลำบาก และจังหวัดชลบุรี ที่ได้รับรางวัลจังหวัดที่มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนในประชากรสูงที่สุด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงวัคซีน ได้ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการค้นหาและ จัดหาวัคซีน รวมทั้งจัดบริการพื้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานครกำหนดไว้

โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ยกระดับประสิทธิภาพ HI CI รวมถึง call center และให้การแก้ไขปัญหาอย่างมีบูรณาการทั่วประเทศ ปรับรูปแบบ และดูแลให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์สื่อสารให้ประชาชนทราบสถานที่บริการ HI CI เพื่อเข้ารับบริการได้ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือปรับมาตรการด้านต่างๆเพื่อความเหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานรายงานถึงข้อจำกัด เพื่อนำมาแก้ไขปัญหา และปรับข้อกำหนดเพื่อการพัฒนาการให้บริการประชาชนตามมาตรการสาธารณสุขที่สอดคล้องกับบริบท และเปิดโอกาสให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสม

/////

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ