วันนี้ (29 มี.ค.65) เวลา 14.00 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรีและตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความห่วงใยในสถานการณ์ปัญหาของประเทศ ทั้งในเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน และสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าว มีการพิจารณาหารือเพื่อแก้ไขปัญหา โดยยืนยันว่าจะร่วมมือกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาความยากจน ที่มุ่งบูรณาการการทำงานของทุกกระทรวงเพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยใช้ TPMAP ลงสู่การทำงานในระดับพื้นที่ เพื่อให้สามารถวางนโยบายการแก้ปัญหาได้ตรงจุด ตรงกับความต้องการและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยจะเร่งให้เกิดความชัดเจนภายในเดือนเมษายนนี้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้ปัญหาสลากแพง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องจากประชาชนมานานพอสมควร โดยรัฐบาลพยายามหาวิธีการและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตอนนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ตรวจสอบว่าปัญหาอยู่ตรงไหนเพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุด เนื่องจากปัจจุบันเป็นการจ่ายตรงลงสู่ผู้รับโควตา ยืนยันไม่มีโควตาพิเศษ ซึ่งหากพบว่าทำผิดกฎระเบียบก็ต้องพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย ตามระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน ทำให้ราคาปุ๋ยแพงขึ้น กำชับทุกหน่วยงานเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มต้องร่วมกันหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็ว พร้อมทั้งฝากถึงสื่อมวลชนต่อกรณีการนำเสนอข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ซึ่งรัฐบาลไม่แทรกแซงการนำเสนอข่าวของสื่อทุกแขนง ทั้งนี้ สื่อมวลชนควรนำเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง วิเคราะห์สถานการณ์ด้วยความรอบคอบ มีความระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์หรือการแสดงความคิดเห็นที่เกินขอบเขตเพราะเป็นสถานการณ์ภายในของประเทศนั้น ๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ส่วนกรณี ททบ. 5 ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เข้าไปแทรกแซงการบริหาร เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมการที่จะพิจารณาร่วมกัน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ภายในประเทศอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งติดตามสถานการณ์ต่างประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีการวางแผนงานในอนาคต เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาต่าง ๆ อย่างรัดกุม เช่น การออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน 10 ข้อ ที่นับเป็นการเตรียมการรองรับเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในอนาคต ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณตามกรอบนโยบายการเงินการคลังภาครัฐ และถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากความยืดเยื้อของสถานการณ์โลกด้วย โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นและพร้อมดำเนินการอย่างดีที่สุด ทุกคนทุกฝ่ายต้องไม่ขัดแย้งกัน ร่วมมือกันทำงานหาทางออกที่ดีที่สุดด้วยเหตุผลและหลักการที่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน
---------------
ที่มา: http://www.thaigov.go.th