นายกฯ ต้อนรับ นายกฯ ญี่ปุ่นเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เห็นพ้องพิจารณายกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน พร้อมขับเคลื่อนความร่วมมือให้ก้าวหน้าในทุกมิติอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม 2565) เวลา 16.00 น. ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ นายคิชิดะ ฟูมิโอะ (H.E. Mr. KISHIDA Fumio) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย (Official Visit)
โดยนายกรัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายกรัฐมนตรีเชิญนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก เพื่อลงนามในสมุดเยี่ยม และทั้งสองฝ่ายร่วมหารือกลุ่มเล็ก ณ ห้องสีงาช้างด้านใน ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ ในเวลา 16.50 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและคณะในการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดยไทยกับญี่ปุ่นถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีความใกล้ชิดกันมายาวนานกว่า 10 ปี ที่ความสัมพันธ์เติบโตและขยายผลต่อเนื่องในมิติต่าง ๆ การเยือนในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้หารือเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในระยะต่อไป รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรพิจารณายกระดับสถานะความสัมพันธ์เป็น ?หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership)? เพื่อสะท้อนความแน่นแฟ้นและพัฒนาการของความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีที่พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ภายหลังได้มีโอกาสพบกันเมื่อปี 2559 ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 135 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการส่งเสริมสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน มีความเชื่อมโยงตั้งแต่ระดับราชสำนักไปจนถึงระดับประชาชน และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเห็นพ้องกับนายกรัฐมนตรีในการยกระดับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็น ?หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน? โดยทางญี่ปุ่นจะพิจารณาอย่างจริงจังต่อไป อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรพิจารณาเพิ่มพูนความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความร่วมมือด้านความมั่นคงและยุติธรรม และความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายพร้อมหาข้อสรุปเพื่อจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านเศรษฐกิจในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในระยะ 5 ปี อย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนข้อริเริ่ม Asia-Japan Investing for the Future (AJIF) ของญี่ปุ่น โดยนักลงทุนญี่ปุ่นสามารถใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่นักลงทุนญี่ปุ่นมีศักยภาพ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรัฐบาลไทยเพิ่งประกาศมาตรการส่งเสริม ด้านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุน โดยเห็นว่าไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ รองรับการลงทุนจากบริษัทญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ถือเป็นฐานที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยืนยันว่าญี่ปุ่นจะยังคงการผลิตยานยนต์ในไทยต่อไป รวมถึงการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทักษะชั้นสูง โดยญี่ปุ่นพร้อมพิจารณาจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยเพิ่มเติม ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาดเพื่อส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งเป็นประเด็นที่ไทยผลักดันและจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยต่อไปด้วย
ความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนไทยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งรวมถึงการส่งมอบวัคซีน เครื่องผลิตออกซิเจนและอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บวัคซีนฯ รวมทั้งความช่วยเหลือด้านเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยในระยะต่อไป นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรส่งเสริมความร่วมมือในด้านสาธารณสุขระหว่างกันมากขึ้น เพื่อรับมือกับโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากขึ้น ผ่านการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยชาวไทยพร้อมให้การต้อนรับชาวญี่ปุ่นกลับมาท่องเที่ยวในไทย
ความร่วมมือด้านกลาโหม ความมั่นคง และการยุติธรรม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารกันอย่างใกล้ชิด ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้มีการเจรจาสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในทันทีเพื่อผลักดันในเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันต่อไปภายใต้กลไกความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
สำหรับประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ ญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในระดับอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน ? ญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือกับไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน ? ญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด และพร้อมหารือร่วมกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน - ญี่ปุ่น สมัยพิเศษที่ญี่ปุ่นในปีหน้า นอกจากนี้ ทั้งสองเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือกันอย่างแข็งขันมากยิ่งขึ้นในกรอบต่าง ๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันในการเสริมสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและโลก
สำหรับประเด็นการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคของไทยในปีนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมร่วมมือและให้การสนับสนุนบทบาทที่แข็งขันของไทย ตลอดจนสนับสนุนวาระการเป็นเจ้าภาพที่ไทยผลักดัน ภายใต้หัวข้อ Open. Connect. Balance. โดยเฉพาะโมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้านนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเยือนไทยอีกครั้ง เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในวันที่ 18 - 19 พฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นระหว่างประเทศที่มีความสนใจร่วมกัน อาทิ สถานการณ์ในยูเครน และสถานการณ์ในเมียนมา เป็นต้น
ที่มา: http://www.thaigov.go.th