วันนี้ (3 พฤษภาคม 2565) เวลา 14.30 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายมุน ซึง ฮย็อน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญดังนี้
รองนายกรัฐมนตรียินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ในโอกาสรับหน้าที่ในประเทศไทย ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน โดยโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวแสดงความชื่นชมกับความสำเร็จของเกาหลีใต้ในการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี และจะเข้ารับตำแหน่งในสัปดาห์หน้า พร้อมขอบคุณรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ได้มอบวัคซีนของบริษัท AstraZeneca แก่ไทยเพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 และนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักรตามสถานการณ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้านเอกอัครราชทูตฯ กล่าวขอบคุณที่รองนายกรัฐมนตรีให้เข้าพบในวันนี้ ยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งที่ประเทศไทย และยืนยันถึงความพร้อมที่จะทำหน้าที่ส่งเสริมและกระชับความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวว่าได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และได้มีการหารืออย่างเป็นกันเองและใกล้ชิด
ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและเกาหลีใต้ โดยได้หารือถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้าน soft power ที่ต่างฝ่ายต่างเห็นถึงศักยภาพ และช่องทางที่เป็นประโยชน์หากมีความร่วมมือระหว่างกัน โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยชื่นชมความสำเร็จของเกาหลีใต้ในการส่งเสริม soft power และยินดีที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความชื่นชอบวัฒนธรรมของกันและกัน โดยเฉพาะวัฒนธรรม K-Pop และ K-Drama ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่ชาวไทย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือในด้านนี้ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้
ในขณะที่เอกอัครราชทูตฯ เห็นว่าทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมากในด้านนี้ โดยเฉพาะ soft power ด้านการท่องเที่ยว อาหาร และการกีฬา โดยชาวเกาหลีใต้นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ชื่นชอบความสวยงามในประเทศไทย และชื่นชอบอาหารไทยเป็นอย่างมาก ขณะที่ชาวไทยนิยมเรียนภาษาเกาหลีเป็นอันดับหนึ่ง สะท้อนถึงความใกล้ชิดในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ เหล่านี้ ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยการแลกเปลี่ยน และเรียนรู้จากประสบการณ์ของกันและกัน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th